สายสวาสดิ์ยังไม่สิ้น

สายสวาสดิ์ยังไม่สิ้น

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้นครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

 

สำหรับบรรณาภิรมย์ ลำดับที่ 150 นี้ ผมภูมิใจเสนอ สายสวาสดิ์ยังไม่สิ้น อันเป็นนวนิยายเรื่องเอกของ แขไข เทวินทร์ ครับ

แขไข เทวินทร์ เป็นนักเขียนรุ่นครูในอดีตผู้มีผลงานนวนิยายเป็นจำนวนมาก แต่น่าเสียดายที่ปัจจุบัน ผลงานของท่านไม่ได้รับการตีพิมพ์ใหม่ออกมาอีกเลย ทำให้หานวนิยายของ แขไข เทวินทร์ อ่านได้ค่อนข้างยาก ผลงานในอดีตหลายเรื่องนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ รวมถึง ‘สายสวาสดิ์ยังไม่สิ้น’ ที่นำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ถึงสองครั้ง (คาดว่า น่าจะเปลี่ยนเป็น ‘สายสวาทยังไม่สิ้น’ ในภายหลัง)

เพื่อนนักอ่านหลายท่านน่าจะทันได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ในเวอร์ชันที่คุณแจ๊สสยามนำไปสร้าง และนำแสดงโดยดาราใหม่ คู่ขวัญ ที่กลายเป็นคู่ชีวิตกันมาจนถึงปัจจุบัน ก็คือ คุณฉัตรชัย เปล่งพานิช และ คุณสินจัย หงษ์ไทย (นามสกุลในขณะนั้น)

ผมมีโอกาสได้อ่านเรื่องย่อของภาพยนตร์แต่เมื่อได้อ่านจากต้นฉบับนิยายเรื่องนี้ พบว่า แตกต่างกันพอสมควร สำหรับในบทประพันธ์ของ คุณแขไข เทวินทร์ นั้น สายสวาสดิ์ยังไม่สิ้น เป็นเรื่องสั้นขนาดยาว (ประมาณสองร้อยกว่าหน้า) รวมกับเรื่องสั้นอีกประมาณสี่เรื่อง คือ หนามแดง อันเนื่องมาจากสุสานแห่งความรัก รอยตรวน ซากุระโรย และ คนอายุยืน ซึ่งแต่ละเรื่องก็มีรสชาติของเนื้อหาที่แตกต่างกัน

สุวัฒน์ วรดิลก หรือ รพีพร นักเขียนศิลปินแห่งชาติอีกท่านหนึ่ง ได้เขียนในคำนำของนิยายเรื่องนี้ไว้ว่า

ครั้งนั้น ข้าพเจ้าสนในนามนี้น้อยเหลือเกิน เพราะการเริ่มต้นการเขียนของเธอเป็นไปในรูปลักษณะเช่นเดียวกับการเริ่มต้นของนักประพันธ์สตรีทั้งหลาย คือเริ่มด้วยเรื่องรัก หวานไพเราะและกระจุ๋มกระจิ๋ม

แต่ภายหลังจากนั้น แขไข เทวินทร์ ก็หยุดงานเขียนไประยะหนึ่ง เพื่อศึกษาการเขียนในรูปแบบต่างๆ เป็นการพัฒนาตัวเธอเอง จนกระทั่งกลับมายังบรรณพิภพนี้อีกครั้ง

การกลับมาของแขไข เทวินทร์ ครั้งนี้ แนวการเขียนของเธอผิดจากเดิม แต่มีสาระกว่า สาระนี้เป็นประโยชน์แก่ประชาชนคนอ่าน เพราะเธอใช้ปากกาของเธอวาดภาพสังคมทุกแง่มุมที่เหลวแหลก ออกตีแผ่แก่โลก พร้อมกันนี้ก็ใช้ปากกาอันคมกริบด้วยแง่คิด และอุดมคติของคนหัวใหม่ สกัดกั้นความคิดอ่านของผู้อ่านซึ่งหนุ่มสาว ให้ยับยั้งเสียจากการถูกกลืนกินโดยสังคมชั่วร้าย และชี้ทางออกอันบรรเจิดไปด้วยเหตุผลและคุณธรรมแก่ผู้อ่านพร้อมไปด้วย

และ สายสวาสดิ์ยังไม่สิ้น ก็คือหนึ่งในผลงานของแขไข เทวินทร์ ที่อยู่ในยุคของการเปลี่ยนผ่านนี้เช่นกัน!

สายสวาสดิ์ยังไม่สิ้น เปิดเรื่องผ่านการบอกเล่าเรื่องราวและสายตาของ ‘จงกลณี’ เมื่อเธอได้เห็นผู้หญิงคนนั้นอีกครั้งหนึ่ง หญิงสติวิปลาสผู้มีนามว่าโรมริตา

 

จากนั้น จงกลณีก็ได้หวนความทรงจำกลับไปเมื่อสิบสามปีก่อนนั้น เมื่อยังเป็นเพียงเด็กหญิงตัวน้อย และได้พบกับโรมริตาเป็นครั้งแรก จนได้รับรู้เรื่องราวอันสุดแสนสะเทือนใจของเธอ เวลานั้นโรมริตายังเป็นหญิงสาวที่โสภา แม้ว่าสติสัมปชัญญะจะไม่สมบูรณ์ หากในบางเวลา เธอก็จะคืนกลับสู่ความทรงจำในอดีตและบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองให้กับเด็กหญิงตัวน้อยรับฟัง

โรมริตาเกิดมาในครอบครัวของมิสเตอร์จอห์น กับภรรยาชาวมอญที่เสียชีวิตไปแล้ว เป็นลูกสาวคนเดียวที่เป็นที่รักของบิดา และคาดหวังให้เธอได้แต่งงานกับคนที่คู่ควร ถ้าหากว่าเธอจะไม่พบรักกับ เกรียง สราวุธ นักเรียนหนุ่มผู้หนึ่งเข้าเสียก่อน ความรักนั่นกระมังที่ทำให้หล่อนปล่อยตัวปล่อยใจ จนยอมทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไปอยู่ร่วมกับเกรียง ก่อนจะพบว่าชีวิตครอบครัวของเขายังมีทั้งคุณนายเนื่อง และลูกๆ อีกหลายคน ซ้ำแม่สามีก็ยังไม่ได้เอ็นดูรักใคร่เธอเองเสียอีก เมื่อรู้ว่าโรมริตาออกมาใช้ชีวิตลำพังเหลือแต่ตัว!

เหตุการณ์สะเทือนใจที่เกิดขึ้น ทำให้หญิงสาวตัดสินใจออกจากบ้านไปอาศัยอยู่กับดาญังส์ ซึ่งเป็นเพื่อนรักลูกครึ่งเช่นเดียวกับเธอ ดาญังส์แต่งงานกับวิเชษฐ์ จนดูเหมือนครอบครัวที่มีความสุขสมบูรณ์ วิเชษฐ์รักและซื่อสัตย์ต่อภรรยาสุดที่รัก จนหล่อนเองยังอดรู้สึกอิจฉาไม่ได้ แต่เมื่อเธอเข้าไปอยู่ด้วย ก็พบว่าวิเชษฐ์แอบปันใจมารักเธอเสียเอง

“แต่ริตา ขอให้ผมได้บอกอีกสักครั้งว่าผมรักคุณ ไม่ใช่เพราะความใกล้ชิดอย่างเดียวหรอก แต่บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมจึงรัก ส่วนดาญังส์ ผมบอกเธอตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วว่า ผมแต่งงานกับเธอเพราะสงสารความอาภัพของเธอ ส่วนคุณซิ ผมกล้าพูดว่าผมรัก แม้ว่าคุณจะไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ก็ตาม ริตา แม้จะลงโทษว่าผมเป็นชายชั่วแต่จงอย่าประณาม ความรักของผมเลย ผมรับว่าผมผิดและเลวไปบ้างก็เพราะความรัก!”

หากโรมริตาก็มีมโนธรรมพอที่จะไม่ทรยศต่อเพื่อน และความรักที่มีต่อเกรียง อันเป็นเหมือนสายใยสวาทนั้นก็ยังไม่อาจตัดขาดจากหัวใจได้

ชีวิตของโรมริตาเปลี่ยนไปอีกครั้ง เมื่อต้องระหกระเหินจากบ้านของดาญังส์ ไปสู่บ้านของรัศมี เพื่อนอีกคนของเธอ ที่ทำงานเป็นหญิงกลางคืน โรมริตาเองก็ดื่มเหล้าจนเมามาย และต่อมาได้พบกับเกรียงอีกครั้งอย่างไม่คาดฝัน

ความหวัง และสายรักสายสวาทของเธอ ก็เริ่มต้นอีกครั้ง เมื่อเกรียงพาเธอกลับมาที่บ้านของเขา โรมริตาหวังว่าครั้งนี้จะเป็นการกลับคืนมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่ก็รับรู้ด้วยความเจ็บปวดหัวใจ เมื่อทราบว่าบัดนี้มันกลายเป็นเรือนหอของเกรียงกับนุธชรี ผู้หญิงคนใหม่ ที่มารดาของเขาจัดหามาให้เรียบร้อยแล้ว!

ทุกอย่างประดังเข้ามาเมื่อหัวใจดวงน้อยแหลกสลาย ทำให้หล่อนทำร้ายเกรียงและวิ่งเตลิดออกมาจากบ้านพยัพหมอกของเขา เพื่อจะกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย แต่ก็รอดชีวิตมาได้จากชายชาวประมง ทว่าในเวลาถัดจากนั้น โรมริตาก็กลายเป็นคนไร้หัวใจและความรู้สึกไปเสียแล้ว…

เรื่องราวที่ถูกถ่ายทอดให้เด็กหญิงจงกลณี ในเวลานั้นรับฟัง จนผ่านมาถึงสิบสามปี เมื่อเธอได้พบกับโรมริตาอีกครั้งในสภาพอันน่าสงสารเช่นเดิม แขไข เทวินทร์ ได้ทิ้งท้ายคำถามของเรื่องราวอันน่ารันทดนี้ไว้อย่างน่าคิดว่า

มิตรรัก

เธอเคยเห็นบ้างไหม ผู้หญิงร่างเล็กแบบบาง ผิวสีทองแดง หน้าเครียด ดวงตากระด้างไร้แวว… หล่อนเดินเรื่อยเปื่อยไปตามถนน อาจสวนทางกับเธอ วันแล้ววันเล่า จากถนนนี้ ถนนนั้น และถนนโน้น มิตรรัก ปีแล้ว ปีเล่า ที่เธอได้พบ ได้เห็น หรือสวนทางกับหล่อน อดไม่ได้ที่จะคิดฉงนฉงายในท่าทีอันมึนชาและเลื่อนลอยเช่นนั้น แต่หล่อนก็คงจะมิใช่สิ่งสำคัญอะไรนักสำหรับเธอ เธออาจจะเลิกใส่ใจหรือลืมหล่อนเสียแล้วก็ได้ จริงไหม?  

เมื่อได้อ่านเรื่องย่อของ สายสวาทยังไม่สิ้น ในเวอร์ชันภาพยนตร์ ผมพบว่า เนื้อหาในภาพยนตร์นั้นค่อนข้างแตกต่างไปพอสมควร โดยเฉพาะในตอนจบ ที่น่าจะเป็นการจบแบบสุขนิยม ของคู่พระนาง มากกว่าที่จะเป็นการจบแบบสะเทือนใจ อย่างในหนังสือเรื่องนี้

เรื่อง : สายสวาสดิ์ยังไม่สิ้น

ผู้เขียน : แขไข เทวินทร์

สำนักพิมพ์ : บรรณาคาร

ปีที่พิมพ์ : 2496

เล่มเดียวจบ

สำหรับสี่เรื่องที่เหลือ ประกอบด้วย หนามแดง เป็นเรื่องสั้นแนวสะเทือนอารมณ์ กล่าวถึงความผูกพันระหว่าง ด.ญ.ชายา ลูกสาวท่านข้าหลวง กับ ด.ช.เฟื่อง ลูกคนทำนาที่ยากจน แต่แล้ว ด้วยเหตุการณ์บางอย่างทำให้เด็กทั้งสองได้พบกัน เมื่อชายาเกิดอุบัติเหตุวิ่งเล่นจนเหยียบหนามเข้าไปเต็มเท้า แต่เฟื่องมาช่วยเอาไว้ และดึงหนามออกให้ หนามที่เลอะคราบเลือดของเด็กหญิงที่เด็กชายเก็บเอาไว้ เป็นสื่อเชื่อมโยงมิตรภาพและสายสัมพันธ์จนนำไปสู่ความรักในวัยหนุ่มสาว และผ่านอุปสรรคต่างๆ ที่เข้ามา แม้ว่าเด็กหนุ่มจะพยายามถีบตัวเอง จนประสบความสำเร็จในชีวิต และยึด ‘หนามแดง’ นั้นเป็นสรณะแห่งรักก็ตาม

ซากุระโรย เป็นอีกเรื่อง ที่กล่าวถึงนายทหารเรือหนุ่มที่เดินทางไปร่วมสมรภูมิรบที่ญี่ปุ่น และได้พบกับหญิงสาวชาวญี่ปุ่นที่มีความสวยงามน่ารัก ท่ามกลางบรรยากาศอันรื่นรมย์งดงาม หากสิ่งสำคัญคือมโนธรรมของตัวเขาเอง เมื่อรับรู้แก่ใจว่าที่พระนครอันเป็นบ้านเกิดเมืองนอน ยังมีภรรยาและลูกน้อยรอคอยอยู่!

คนอายุยืน เป็นเรื่องที่เปรียบเทียบชีวิตตาคล้ำชายชรา ผ่านการบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองตั้งแต่วัยหนุ่มให้เด็กๆ ฟัง เป็นเรื่องราวที่สะท้อนพฤติกรรมของผู้คน และประชดประชันได้อย่างน่าอ่านอีกเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว

ส่วนอีกเรื่องหนึ่งก็คือ รอยตรวน เป็นเรื่องที่เปรียบเทียบค่านิยมของสตรีในยุคนั้น ที่ต้องอยู่ในขนบธรรมเนียมประเพณี ไม่สามารถแหวกกรอบเหล่านั้นออกมาได้ แม้แต่ในเรื่องของความรัก แม้เมื่อจะตัดสินใจหนีออกไปใช้ชีวิตกับผู้ชายที่ตนปรารถนาก็ยังไม่อาจทำได้ จนต้องถูกจับมาขังและล่ามตรวนเอาไว้

เรื่องราวเหล่านี้ สะท้อนผ่านบทสนทนาของบุญสิริ น้องสาว ที่มาพบกับเนื่อง พี่สาวตนเอง ภายหลังถูกคุณป้าจับมาขังเอาไว้

“มันเป็นเวรกรรมของผู้หญิงชั้นเรา สมัยเราที่ต้องมีชีวิตดักดานเหมือนกับนกในกรง ไม่มีสิทธิ์ ไม่มีเสรี และไม่มีแม้แต่ความรักที่เราปรารถนาจะได้ นอกจากแต่งงานกับผู้ชายสักคนที่ผู้ใหญ่ท่านพึงใจ สู่ขอ… ซื้อขาย เป็นราคาเงินและเครื่องเพชร แล้วพาไปเป็นเมียทาส! ตกอยู่ในกำมือเขา เหมือนเครื่องเล่นชนิดหนึ่ง มีขนบประเพณีอันสวยงามบังหน้า เพื่อซุกซ่อนความอกไหม้ไส้ขมของเราผู้จะเป็นเจ้าสาวไว้เบื้องหลัง แล้วนี่เราจะทำอย่างไรดีหนอ”

แล้วรอยตรวนนั้น ก็จารึกอยู่ในหัวใจของเนื่อง ไม่ต่างกับรอยแผลเป็น

ดวงตาของบุญสิริหม่นลง เหมือนเมฆสลัวในฤดูฝน หล่อนแลเห็นพี่สาวก้มลงใช้มือลูบคลำข้อเท้าทั้งสอง ซึ่งแผลเน่าเปื่อยพุพองได้หายสนิทแล้ว เหลือแต่รอยแผลเป็นอันย้ำลึกดำไหม้ และขรุขระด้วยเนื้อบุ๋มรอบข้อเท้า

“รอยแผลเป็นตรงนี้จะไม่มีวันหายตลอดชีวิตของพี่ เป็นรอยแผลที่คอยเตือนพี่เสมอถึงวันคืนที่เราต้องตกเป็นเครื่องมือของประเพณี เป็นรอยแผลเป็นแห่งเดียวเท่านั้นที่จะช่วยเตือนถึงความรักที่เต็มไปด้วยการเลือกชั้น เตือนถึงความเป็นธาตุของเรา เตือนถึงความโง่เขลาของผู้หญิงชั้นเราจะพึงมีได้เพราะความรัก”

และเมื่อเนื่องถูกปล่อยตัว เนื่องจากคุณป้าผู้เป็นเจ้าของชีวิตของเธอเสาะหาผู้ชายที่เหมาะสมมาให้แต่งงานกัน รอยตรวนที่ข้อเท้านั้นก็ยังปรากฏอยู่ ไม่ต่างกับรอยในหัวใจ ตราบจนกระทั่งลูกสาวของเธอเองเริ่มมีความรัก และเนื่องก็รู้ดีว่าจะไม่มีวันให้ประสบการณ์เลวร้ายเช่นนั้นได้เกิดขึ้น เหมือนกับที่เธอเองได้ประสบกับมันมาแล้ว!

หลากเรื่องหลากรสในรวมเล่มของ สายสวาสดิ์ยังไม่สิ้น เล่มนี้ มิใช่เพียงนิยายเริงรมย์ ที่สร้างความชื่นบานจากการอ่านเพียงอย่างเดียว แต่ยังให้แง่คิด และการสะท้อนภาพชีวิตในแง่มุมต่างๆ อันหลากหลาย ซึ่งนับเป็นพัฒนาการที่ก้าวขึ้นมาอย่างเด่นชัด ของ แขไข เทวินทร์ ในยุคนั้นเลยทีเดียว!

 

หมายเหตุ สำหรับภาพหน้าปก เป็นภาพนักแสดงสาวในยุคนั้น คือ คุณถนิมนันท์ เกษแก้ว ครับ

 

Don`t copy text!