บ่วงโลกีย์

บ่วงโลกีย์

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้นครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

 

สำหรับบรรณาภิรมย์ ลำดับที่ 193 ผมขอนำเสนอด้วยเรื่อง บ่วงโลกีย์ ของ กาญจนา นาคนันทน์ ครับ

กาญจนา นาคนันทน์ หรือ นงไฉน ปริญญาธวัช เป็นนักเขียนนวนิยายรุ่นครู ผู้มีผลงานที่นักอ่านรู้จักกันดี อย่างชุด ผู้กองยอดรัก ยอดรักผู้กอง ผู้กองอยู่ไหน ชื่นชีวานาวี หรือนวนิยายเรื่องโปรดของผมเองอย่าง ผู้ใหญ่ลีกับนางมา รวมถึงผลงานนิยายในนามปาก น.ฉ.น. อย่าง เกวลีสอยดาว ที่เคยนำไปสร้างเป็นละครโทรทัศน์มาแล้วเช่นกัน

จากข้อมูลในหนังสือ บ่วงโลกีย์ ทำให้ทราบว่า นิยายเรื่องนี้เป็นผลงานลำดับสามของผู้เขียน ต่อจาก จุดหมายปลายทางของกานดา และ เบญจวรรณ ตีพิมพ์ในนิตยสาร สตรีสาร เช่นเดียวกัน หากสองเรื่องแรกได้รับการรวมเล่มไปก่อนหน้า รวมถึงได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง หากสำหรับ บ่วงโลกีย์ กลับไม่ได้รับการรวมเล่ม ซึ่งอาจจะเพราะเป็นนิยายที่แตกต่างออกไป นอกจากจะจะแฝงธรรมะ และจบค่อนข้างเศร้าแล้ว บางท่านก็บ่นมาว่า เป็นเรื่องที่หนักไปหน่อย ตราบจนกระทั่ง สำนักพิมพ์แพร่พิทยาได้รวมเล่มผลงานของท่าน และต้องการให้ครบชุด บ่วงโลกีย์ จึงมีโอกาสได้นำเสนอต่อผู้อ่านในแบบรูปเล่มอีกครั้งหนึ่ง

และเท่าที่ผมเคยเห็นนิยายเรื่องนี้ น่าจะพิมพ์รวมเล่มเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น และเป็นเรื่องที่ คุณกาญจนา นาคนันทน์ เคยให้สัมภาษณ์ว่า ท่านใช้ประสบการณ์จากการใช้ชีวิตในจังหวัดชัยภูมิ มาเป็นฉากหลังของนวนิยายเรื่องนี้อีกด้วย

บ่วงโลกีย์ บอกเล่าเรื่องราวของเด็กสาว สีทอง ซึ่งอาศัยอยู่ที่บ้านภูเขาลาด ด้านตะวันตกเฉียงใต้ของอำเภอเมืองโคราช ชีวิตครอบครัวที่อบอุ่น มีพ่อและแม่คือนางคำสี เป็นอดีตลูกสาวเจ้าเมืองโคราช ที่มาแต่งงานกับอินทร คหบดีและออกมาอาศัยอยู่ยังดินแดนแถบนี้ เพื่อตั้งรกราก

สีทองมีเพื่อนสนิทคือคำสิงห์ ที่เมื่อเติบโตเป็นหนุ่มสาว เด็กหนุ่มบ้านนาก็หลงรักสีทอง และอินทร บิดาสีทองก็เห็นดีด้วย หากแต่เธอไม่ได้รักคำสิงห์ สีทองมีความทะเยอทะยานมากไปกว่านั้น นอกจากการอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้

และจุดพลิกผันในชีวิตก็มาถึง ในนาม คุณไชยยศ ไชยเยศบุรีรมย์ ผู้มีศักดิ์เป็นน้าชายของเธอเอง เขาแต่งงานกับคุณลักษณาวดี กุลสตรีผู้ร่ำรวย และมีบุตรชายหญิงในวัยเยาว์สองคน ไชยยศเป็นทายาทคนสำคัญที่ได้รับมรดกทั้งหมด เขาอาศัยอยู่ยังบ้านทับไทรย้อย และต้องการหาพี่เลี้ยงเด็กมาดูแลลูกๆ ของตน

คำสีส่งสีทองให้ไปรับหน้าที่นี้ ทำให้เด็กสาวได้ล่วงรู้ความจริงว่าฐานะทางบ้านของตนกำลังมีปัญหา และได้คุณไชยยศนั่นเองที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ แม้จะไม่เต็มใจนัก แต่เมื่อได้พบกับหนุ่มใหญ่ รูปร่างสูงสง่า ที่มีอัธยาศัยไมตรี ก็ทำให้สีทองเกิดความประทับใจขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

หากที่ทับไทรย้อยนั่นเองที่สีทองต้องเผชิญหน้ากับคุณลักษณาวดี ภรรยาที่ไว้ตัวและเย่อหยิ่งของเขา รวมถึงการที่ต้องดูแลลูกทั้งสองของไชยยศอีกด้วย เด็กสาวพบว่าเธอเองมีลักษณะนิสัยคล้ายไชยยศ ทั้งคู่สามารถพูดคุยกันได้แทบทุกเรื่อง แตกต่างจากลักษณาวดีที่ไม่ชอบชีวิตในป่าเขาอย่างทับไทรย้อย และเธอเองก็มีเพื่อนชายคนสนิทชื่อเริงโรจน์ ที่สนิทสนมกันเป็นพิเศษ

จุดแตกหักในชีวิตคู่มาถึง เมื่อลูกชายคนโตของทั้งคู่หนีไปเล่นจนจมน้ำเสียชีวิต ลักษณาวดีเพิ่งรู้ตัวว่าหล่อนไม่ได้รักไชยยศเลย นอกจากความประทับใจในตัวของเขา จนกระทั่งได้รู้จักกับเริงโรจน์ ชายหนุ่มที่มีอุปนิสัยต่างๆ สอดคล้องกับเธอ จนคิดจะหย่าขาดจากไชยยศไปใช้ชีวิตกับเขา แต่ไชยยศก็ไม่ยินยอม เขาต้องการมีลูกกับเธออีก ในขณะที่ลักษณาวดีรู้ว่าสีทองเองแอบชอบไชยยศอยู่ หล่อนใช้เสน่ห์ยั่วยวนแสดงบทรักอันวาบหวาม ให้สีทองมองเห็นอยู่บ่อยครั้งหวังว่า ภาพเหล่านั้นจะทำให้สีทองมีความสัมพันธ์กับไชยยศ เพื่อหล่อนจะได้ขอหย่าขาดจากเขาได้เร็วขึ้น

แต่แล้วลักษณาวดีก็เสียชีวิตลงอย่างเป็นปริศนา บนเตียงนอนในห้องของหล่อนเอง แพทย์สันนิษฐานว่าเป็นหัวใจวาย แต่ท่านผู้หญิงแฉล้มมารดาของลักษณาวดีกลับไม่เชื่อ หล่อนคิดว่าเป็นการฆาตกรรม หากก็ไม่มีหลักฐานใดจะเอาผิดได้ เด็กหญิงยศวดี ลูกสาวอีกคนของลักษณาวดี หล่อนจึงนำไปอุปการะไว้เอง

เวลานี้ไชยยศลงเล่นการเมือง แม้จะไม่ได้เป็นฝ่ายรัฐบาล แต่ก็อยู่ในกลุ่มของฝ่ายค้าน เขาขอให้สีทองมาช่วยงาน และยิ่งทำให้เขาและเธอมีความสนิทสนมกันมากยิ่งขึ้น จนต่างก็ล่วงรู้หัวใจตัวเอง และในที่สุดเขาก็ขอเธอแต่งงาน และต่อมาสีทองก็ตั้งครรภ์

เรื่อง : บ่วงโลกีย์

ผู้ขียน : กาญจนา นาคนันทน์

สำนักพิมพ์ : แพร่พิทยา

ปีที่พิมพ์ : 2521

เล่มเดียวจบ

เรื่องราวใน บ่วงโลกีย์ คงจะจบลงอย่างหวานชื่น ในลักษณะของนิยายพาฝันที่ปิดท้ายเรื่องราวด้วยความสุขของพระเอกและนางเอกที่ได้ครองรักร่วมกัน แต่ทว่า กาญจนา นาคนันทน์ ก็นำพาชีวิตของสีทองให้เผชิญกับเรื่องราวตามมาอย่างไม่คาดฝัน เมื่อเธอต้องแท้งลูก และผ่าตัดเอามดลูกออกไป หญิงสาวต้องสูญเสียทั้งลูกและอนาคตที่จะมีลูกกับไชยยศอีก หล่อนรับรู้ว่าเขาเองก็ผิดหวังไม่น้อยเช่นกัน สีทองเสนอให้เขาแต่งงานใหม่ เพื่อมีลูกกับสตรีคนอื่น

ภายหลัง สีทองยังรับรู้ว่าสามีของตัวเองมีปัญหาขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ที่ดินและอื่นๆ จนมีการสังหารกันเกิดขึ้น บัดนี้ทางการกำลังไล่ล่าตัวและซัดทอดจากพยานมาจนถึงเขา ไชยยศ วางแผนที่จะหนีไปใช้ชีวิตต่างประเทศ และเขาก็ทำในสิ่งที่หล่อนเองก็คาดไม่ถึง…

เขาวางแผนสังหารสีทอง!

ด้วยวิธีเดียวกันกับที่เคยกำจัดลักษณาวดีมาก่อนหน้านี้แล้ว

ด้วยกล้วยไม้พิษอันมีนามว่าดอกดารัง ทว่าสีทองจดจำกลิ่นของมันได้ กลิ่นที่มีผลต่อการเต้นของหัวใจจนทำให้หัวใจหยุดเต้นระหว่างการนอนหลับ จนดูเหมือนเสียชีวิตไปเอง…

หล่อนขับรถเตลิดหนีออกมาจากทับไทรย้อย ขณะที่ไชยยศเองก็รู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาขับรถไล่ตามเธอจนตามทัน และตัดสินใจขับผ่านไปปาดหน้า จนสีทองขับชนท้ายรถ

รถของไชยยศเสียหลักพุ่งตกข้างทาง และแรงกระแทกทำให้เขาเสียชีวิตในทันที!

 

ฉากสุดท้ายของ บ่วงโลกีย์ คือฉากงานศพของไชยยศ ที่แขกเหรื่อต่างเดินทางมาร่วมงานนี้ แม้จะไม่รู้ความจริงที่เกิดขึ้นกับสีทอง หล่อนยังต้องการให้เขาตายในภาพของชายหนุ่มที่งดงาม ไม่ใช่ฆาตกร ด้วยความรักที่ยังคงมีต่อเขา ในขณะที่ญาติบางคนและแม้แต่ยศวดี ลูกสาวของเขาเองที่รู้ความ ก็มีท่าทีเกลียดชัง รังเกียจเธอ จากการเสี้ยมสอนของผู้ใหญ่ หากทุกอย่างสีทองก็มองมันด้วยสายตาของความเข้าใจ มากกว่า โลกสวยงามสีชมพูแห่งวัยสาว ที่ตนเองเคยมองผ่านมันมาแล้ว

ด้วยประสบการณ์ของชีวิต

 

ท้ายเล่มนี้ ได้เขียนเหมือนบทสรุปไว้อย่างน่าสนใจว่า

ท่านที่เคารพ

โบราณท่านว่า สิ่งที่ผูกพันมนุษย์ไว้มิให้พ้นวัฏสังสารนั้นมีอยู่สามบ่วงคือบุตร ทรัพย์สมบัติ และภรรยา ทั้งสามบ่วงนี้เองที่ผู้ประพันธ์ได้หยิบยกเอามาร้อยกรองเข้าด้วยกันเป็น บ่วงโลกีย์ ซึ่งบ่วงทั้งสามที่ผูกคอ คล้องมือ รัดขา เวลาตายนี่แหละได้ทำให้มนุษย์เราต้องมีปัญหาต่างๆ นานา  อันเกิดแต่ความโลภ ความโกรธ ความหลง มากมายนักหนา จนกว่าชีพจะดับลับไป…

 

Don`t copy text!