เหมือนฝัน

เหมือนฝัน

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้ครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

****************************

 

ภาคินี นาถสุภา เป็นนักเขียนนวนิยายรุ่นครู ผู้มีผลงานพิมพ์รวมเล่มออกมาไม่กี่เรื่อง เท่าที่ผมเคยเห็นอยู่น่าจะมีเพียงสองเรื่องคือ เหมือนฝัน และ ปิ่นดารา ซึ่งตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์รวมสาส์นทั้งสองเรื่อง เมื่อมีโอกาสได้อ่าน ‘เหมือนฝัน’ เป็นครั้งแรก ผมพบว่าท่านเป็นนักเขียนผู้มีสำนวนการเขียนสละสลวย อ่านได้อย่างเพลิดเพลิน จนทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่า ภาคินี นาถสุภา น่าจะมีนามปากกาอื่นในการเขียนโดยที่ไม่ได้เปิดเผยอีกด้วยหรือไม่ แต่ก็ไม่มีข้อมูลใดๆ ให้ค้นคว้าต่อไปได้เลย ซึ่งถ้าหากผู้อ่านมีรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย ก็จักเป็นพระคุณอย่างยิ่งครับ

เห็นชื่อเรื่อง เหมือนฝัน ครั้งแรก ผมเข้าใจว่าน่าจะเป็นชื่อของนางเอก เหมือนกับชื่อเรื่องอื่นๆ ของนิยายที่เคยอ่าน แต่เมื่อเริ่มอ่านไปแล้ว กลายเป็นว่านางเอกของเราในเรื่อง เหมือนฝัน คือชีวิตของ สีนิล เดิมบาง เด็กสาวชาวอยุธยา ที่ถูก คุณนายน้ำทิพย์ วรกิตนิติ นำมาเลี้ยงในกรุงเทพฯ ภายหลังจากที่กำพร้าทั้งแม่และพ่อในเวลาต่อมา

มารดาของเธอ เป็นน้องสาวของคุณนายน้ำทิพย์นั่นเอง และเมื่อคลอดพี่สาวคนโตคือสร้อยทิพย์ซึ่งมีหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูแล้ว คุณนายก็รับสร้อยทิพย์มาอุปการะเป็นบุตรบุญธรรม เพราะตนเองไม่มีลูกสืบสกุล ในขณะที่สีนิลที่เกิดมาภายหลังก็ถูกเลี้ยงดูอยู่ที่บ้านเกิดนั่นเอง และต่อมา มารดาของสีนิลก็เสียชีวิตลง

การเลี้ยงดูอย่างตามใจตั้งแต่แรก ทำให้สร้อยทิพย์ กลายเป็นคนเอาแต่ใจ หลงคิดว่าตัวเองสูงส่งและเหนือกว่าน้องสาวทุกอย่าง หล่อนใช้ชีวิตอย่างโก้หรู และแต่งงานกับคนิต ชายหนุ่มที่เข้ามาติดพัน หากเมื่อได้ร่วมชีวิตกันแล้ว คนิตก็มองเห็นนิสัยที่แท้จริงของเธอจนเกิดความเอือมระอาเบื่อหน่าย

สีนิลใช้ชีวิตอยู่ที่อยุธยาด้วยความอบอุ่น แม้จะมีเพียงพ่อคนเดียวก็ตาม จนต่อมาเด็กสาวก็ได้สูญเสียบิดาไป ด้วยความจำเป็น คุณนายน้ำทิพย์จึงต้องรับอุปการะเธออย่างไม่เต็มใจนัก คุณนายเองก็ให้ความรักกับสร้อยทิพย์ซึ่งรับมาเลี้ยงตั้งแต่แบเบาะมากกว่า ส่วนสีนิลก็แทบไม่ต่างกับเป็นเด็กรับใช้ภายในบ้าน โดยมี ป้าพริ้งและนางผิว คนรับใช้ในบ้านเท่านั้น ที่เห็นอกเห็นใจสาวน้อยแสนซื่อผู้น่าสงสารคนนี้ ยิ่งเมื่อคนิต พี่เขยของเธอ พยายามเอาอกเอาใจสีนิลอย่างผิดปกติ ก็ยิ่งทำให้ สร้อยทิพย์รู้สึกเกลียดชังสีนิลมากขึ้นกว่าเดิม

คนิต มีเพื่อนสนิทคือวิสิทธิ์ ซึ่งเป็นผู้จัดการวงดนตรีวิสิทธิศิลป์ เขาเองก็หนุ่มเจ้าชู้ที่คบหาผู้หญิงมากมาย เมื่อได้เจอสีนิลก็เกิดความสนใจ และพยายามชักชวนเธอให้มาเป็นนักร้องในวงดนตรีของเขาด้วย แต่สีนิลก็ยังไม่ไว้วางใจ เด็กสาวมีโอกาสได้พบกับ จีรานุวัฒน์ เทพบรรหาร บรรณาธิการหนุ่มชื่อดังของนิตยสาร สารบันเทิง เขาเป็นชายหนุ่มเงียบขรึม ที่เก็บตัวเอง แต่เมื่อได้พบกับ เด็กสาวแสนซื่ออย่างสีนิล กลับทำให้เขารู้สึกถูกชะตาและเอ็นดูเธออย่างประหลาด ในขณะที่สินิลเองก็ประทับใจในตัวเขา ด้วยท่าทางที่เป็นผู้ใหญ่ และให้ความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย แตกต่างจากบุรุษคนอื่นที่เคยเข้ามาหาเธอ ซ้ำ ‘คุณนุ’ ยังคอยสั่งสอน ตักเตือนเธอและให้ความช่วยเหลือ จนทำให้เด็กสาว ยิ่งสำนึกในพระคุณของเขาอย่างมาก จนมาทราบภายหลังว่าเขามาซื้อบ้านอยู่ข้างๆ กับบ้านของคุณนายน้ำทิพย์นั่นเอง บ้านหลังน้อยทาสีฟ้าแสนสวย ที่สีนิลชอบนักหนา และแอบแวะเข้ามายังบ้านอันอบอุ่นแห่งนี้อยู่เสมอๆ

และนั่นเองก็ทำให้เธอกับเขาได้มีโอกาสได้รู้จักกันมากขึ้น คุณนุเรียกเธอว่าปรัศนี เขามีความรู้สึกว่าเด็กสาวแสนซื่อคนนี้ มีหลายสิ่งในดวงตาสีนิลของเธอ ที่ซ่อนความรู้สึกทั้งเศร้า ทั้งน่าสงสารเอาไว้ เหมือนเป็นปริศนา

ด้วยความกตัญญู ทำให้สีนิลเข้ามาช่วยดูแลรับใช้ และคุณนุก็ช่วยสอนให้เธอรู้จักพิมพ์ดีด และฝึกฝนในด้านต่างๆ รวมถึงคอยปลอบใจเวลาที่เธอถูกคุณสร้อยทิพย์ และคุณนายน้ำทิพย์ รังแกมา ความรู้สึกผูกพันนั้นเอง ก่อเป็นความรักเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว ตราบจนกระทั่ง สีนิลรับรู้ว่า เขามีคู่หมั้นที่ไปเรียนต่างประเทศและกำลังจะกลับมาเมืองไทย

เธอมีชื่อว่า โสภิตสุดา

โสภิตสุดามองเห็นความสนิทสนมผูกพันของจีรานุวัฒน์กับสีนิล ด้วยความริษยา หล่อนพยายามขัดขวางทุกทาง แม้แต่จะไปฟ้องคุณนายน้ำทิพย์ ทำให้สีนิลเข้าใจผิดกับคุณนุ จนเด็กสาวตัดสินใจที่จะไม่ไปยังบ้านสีฟ้าของเขาอีกต่อไป ในขณะที่จีรานุวัฒน์เองภายหลังก็รู้สึกเหมือนว่า ในชีวิตของเขาขาดหายอะไรไป เมื่อไม่ได้เห็นหน้าเด็กสาวแสนซื่อคนนั้น เหมือนกับทุกๆ วันที่เธอเข้ามาหา

สีนิลตัดสินใจรับข้อเสนอของวิสิทธิ์ แม้จะรู้ว่าเขามีเจตนาแอบแฝง เกี่ยวกับตัวเธอก็ตาม เด็กสาวเข้าสู่วงดนตรีของวิสิทธิ์ศิลป์ในนามของ ‘ปรัศนี เดิมบาง’ และมีโอกาสรู้จักกับนิรมล นักร้องรุ่นพี่ ที่บัดนี้กลายเป็นเพียงคู่ซ้อมร้องเพลงให้กับนักร้องสาวรุ่นใหม่ๆ เด็กสาวเหล่านั้น มองนิรมลเป็นเพียงนักร้องตกรุ่นในบริษัทเพราะต่างมุ่งเป้าหมายที่จะหว่านเสน่ห์ให้กับวิสิทธิ์ผู้เป็นเจ้าของบริษัทและมีอิทธิพลที่จะผลักดันให้พวกเธอไปเป็นนักร้องจรัสแสง เห็นจะมีเพียงสีนิลที่ให้ความเคารพและนับถือเธอ ทำให้ทั้งสองสนิทสนมกันมาก

นิรมลคอยเตือนเธอให้ระวังตัวเกี่ยวกับวิสิทธิ์ แม้ว่าเขาจะเป็นผู้มีพระคุณชักนำเธอให้เข้ามาสู่วงการก็ตาม และยังแนะนำเธอให้รู้จักกับครูเพลงและนักดนตรีคนอื่นๆ ในเวลาไม่นานนัก โอกาสสำคัญก็มาถึง เมื่อสีนิลมีโอกาสได้โชว์เสียงร้องเพลงจนเป็นที่ประทับแก่แขกที่มาในคลับแห่งนั้น รวมถึงแขกคนสำคัญที่มาในงานวันนั้นด้วย และทำให้สีนิลหัวใจแทบแหลกสลาย เมื่อได้เห็นหน้าเขาอีกครั้ง

จีรานุวัฒน์ เทพบรรหาร!

เขาเคียงคู่มาพร้อมกับโสภิตสุดา คู่หมั้นสาวนั่นเอง ทั้งคู่ต่างตกตะลึงที่ได้พบกันโดยไม่คาดฝัน ความรู้สึกบางอย่าง ทำให้ สีนิล ตัดสินใจออกไปร้องเพลง ‘คุณเจ้าขา’ ที่เธอต้องการสื่อไปถึงเขาโดยเฉพาะ!

จริงซิ… ทุกสิ่งทุกอย่าง หล่อนได้เรียนรู้มาจากเขาทั้งนั้น เขาเป็นผู้ชุบหล่อนขึ้นมาให้เป็นคนเต็มคน รู้จักยิ้มรู้จักหัวเราะ รู้จักโลดเต้นไปอย่างมีชีวิต… ไม่ใช่เป็นดังหุ่นยนต์เหมือนแต่ก่อน… แต่แล้วเขาก็มาทอดทิ้งหล่อนเสียให้ว้าเหว่ทุกข์ระทม ยิ่งกว่าที่หล่อนเคยเป็นมาก่อนนั้น…

“คุณเจ้าขา รักหรือคุณแกล้งมาชม ยามคุณนิยม รักคุณชมชื่นใจ ร้างไปไม่เมตตา…”

จีรานุวัฒน์เองแม้จะพยายามตัดใจจากสีนิลหรือปรัศนี แต่เมื่อได้เห็นเธออีกครั้ง เขาก็รู้ว่าไม่อาจตัดใจจากเธอได้เลย ตรงกันข้ามเขากลับดีใจที่พบเธออีกครั้ง ทำให้ทั้งสองมีโอกาสได้ปรับความเข้าใจกัน ด้วยสายตาริษยาของโสภิตสุดา ในขณะที่วิสิทธิ์เองก็พยายามจะหาทางรวบรัด เพื่อให้สีนิลได้ตกเป็นของเขาเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต

รวมถึงนิรมล!

“เมื่อก่อนนี้น่ะพี่ก็เป็นเหมือนเธอ ที่คิดอยากได้ความสำเร็จ อยากได้ชื่อเสียง ในการเป็นนักร้อง เพราะพี่รักการร้องเพลง พี่ถึงทุ่มเทหมดทั้งใจ ทั้งตัว เรียกว่า พี่ยอมทั้งนั้น แล้วเมื่อถึงวันที่พี่พบกับความสำเร็จ พี่ไม่ได้นึกถึงอย่างอื่นเลย มองเห็นแต่อะไรๆที่อยู่นอกตัวออกไป ยิ่งมีชื่อเสียง พี่ยิ่งลืมหมด คิดแต่เรื่องงาน ชื่อเสียง ความโก้ ความสวย ความออกหน้าออกตา พี่ไม่ได้เฉลียวใจเลยว่า แท้ที่จริงความสำเร็จที่พี่กำลังเป็นสุขอยู่กับมันนั่นน่ะ พี่ได้ลงทุนอะไรไปบ้าง”

จนกระทั่งเมื่อมีนักร้องคนอื่นๆ เกิดขึ้นมาใหม่ ทดแทนเธอที่ตกระดับลงไปเรื่อยๆ ทำให้นิรมลต้องอยู่อย่างชอกช้ำใจ ในฐานะของนักร้องตัวสำรอง และเหตุผลที่สำคัญที่สุดที่ทำให้เธอไปจากวิสิทธิ์ศิลป์ไม่ได้ เพราะเธอรักและมีความสัมพันธ์กับวิสิทธิ์!

วิสิทธิ์เองแม้จะผ่านผู้หญิงมามาก แต่เขาไม่เคยพบใครที่เหมือนกับสีนิลคนนี้ ผู้ที่ทำให้เขาเกิดทั้งความรู้สึกอับอาย เจ็บแค้น อยากเอาชนะ และรู้สึกพึงพอใจอยากจะทะนุถนอมหล่อนเอาไว้ แต่ด้วยนิสัยดั้งเดิมที่เคยชินกับการพร่าผลาญพรหมจรรย์ เขาจึงวางแผนลวงล่อเธอไปยังบ้านพักที่บางปู แต่โชคดีที่คนิตมาช่วยเอาไว้ได้ทัน แต่ก็ทำให้สร้อยทิพย์หึงหวงสามีของหล่อนจนเกิดเรื่องราวบานปลายใหญ่โต

ในขณะเดียวกับที่โสภิตสุดาเริ่มรู้สึกว่าหล่อนกับคู่หมั้น มีความคิด ทัศนคติที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะ เรื่อง “เงิน” ที่หล่อนมองว่าสำคัญที่สุดในชีวิต ดังนั้น เมื่อ จีรานุวัฒน์ ปฏิเสธเงินในกองมรดก อย่างที่หล่อนปรารถนา ทำให้ โสภิตสุดา โมโหจนตัดสินใจถอนหมั้นจากเขาอย่างไม่ไยดี และจีรานุวัฒน์ ก็รู้ว่า ความรักของหล่อนผูกรัดเขาเอาไว้ มันเกิดจากความโลภ มากกว่าจะเป็นรักที่แท้จริง

เขาคิดถึง เด็กสาวนัยน์ตาสีนิลคนนั้นจับใจ

ในขณะที่สีนิลเอง ก็เลือกทางเดินของชีวิตตัวหล่อนเองแล้วเช่นกัน เด็กสาวตัดสินใจจะกลับไปยังบ้านเกิดที่อยุธยา แม้ว่าจะไม่มีใครรอคอยอยู่ที่นั่นอีกต่อไป บางทีความฝันสดใสของเด็กสาวอย่างหล่อนในอดีตก็คงจะเป็น ‘เหมือนฝัน’ เท่านั้น ฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง

หล่อนไม่รู้ดอกว่า จะมีใครบ้างไหมที่เป็นเหมือนอย่างหล่อน ซึ่งผูกพันชีวิตไว้กับฝัน… และฝัน แต่หล่อนก็รู้ดี รู้อย่างเข้าใจจริงแท้ว่า จะมีหรือไม่มีก็ตาม ในคนที่ชอบฝันนั้น แต่ความจริงอย่างที่สุดที่มีคือ น้อยคนนักที่จะพบว่า ความฝันนั้นจะกลายเป็นเรื่องจริง

เรื่อง : เหมือนฝัน

ผู้เขียน : ภาคินี นาถสุภา

สำนักพิมพ์ : รวมสาส์น

ปีที่พิมพ์ : 2516

สองเล่มจบ

เรื่องราวในนวนิยายชีวิตรักเข้มข้นเรื่องนี้ เดินเรื่องผ่านชีวิตของสีนิลหรือ ปรัศนี เดิมบาง เด็กสาวชาวอยุธยาที่มีความฝันและพยายามจะก้าวไปสู่ความฝันที่ตนเองปรารถนา จนได้เรียนรู้ ผ่านพบทั้งประสบการณ์ชีวิต ประสบการณ์ในนิสัยใจคอของมนุษย์ และประสบการณ์ในความรัก ซึ่งท้ายที่สุด ภาคินี นาถสุภา ก็นำพาผู้อ่านให้ลุ้นไปกับชะตาชีวิตของเธอ ตราบจนถึงบทสุดท้าย ว่าชีวิตรักของสีนิล จะเป็นความจริง หรือเป็นเพียงความฝัน!

แปลกนะปรัศนี ฉันเคยตั้งใจไว้ว่า จะพยายามลบแววเศร้า แววว้าเหว่ ให้หมดไปจากตาเธอให้ได้ แล้วเดี๋ยวนี้ฉันก็ทำได้แล้ว แต่แววอีกอย่างหนึ่ง มันไม่ยอมหายเลย แววสงสัยน่ะปรัศนี เครื่องหมายคำถามในนัยน์ตาเธอ ทำไมมันมีอะไรสังสัยมากนัก?”

“ก็สงสัยซีคะ เพราะตราบใด คุณนุไม่ยอมพูดอะไรสักอย่างหนึ่ง หนูก็จะยังสงสัย อยากถามอยู่ทุกวัน หนูอยากรู้ว่า คุณนุรักหนูไหมคะ รักปรัศนีมั้ยจ๊ะ?”

คำตอบทุกอย่างของนวนิยายเหมือนฝัน เรื่องนี้จึงมาจบลงอยู่ที่ประโยคสุดท้ายของจีรานุวัฒน์ ที่เปิดหัวใจกับสีนิล สาวน้อยที่กุมหัวใจของเขาไว้นั่นเอง

รักหล่อนไหม ช่างถามได้… ถ้าจะประมวลความรู้สึกของเขาที่มีต่อหล่อนมาตั้งแต่ต้น จนถึงเดี๋ยวนี้ แล้วตอบด้วยปากเพียงคำพูดคำเดียว คำพูดนั้นก็จะดูน้อยไปกว่ารู้สึกจริงๆ ของเขาเสียอีก เพราะอย่างนั้น เขาจะตอบหล่อนด้วยปากเหมือนกัน… ซึ่งเชื่อว่า จะให้ความหมายที่ชัดเจน อ่อนหวาน ยิ่งกว่าคำพูดหลายเท่านัก!

Don`t copy text!