พระจันทร์เหนือแม่น้ำรันตี (แสงเพลิงที่เกริงทอ ภาค ๒)

พระจันทร์เหนือแม่น้ำรันตี (แสงเพลิงที่เกริงทอ ภาค ๒)

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้นครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

****************************  

จากเหตุการณ์ในนวนิยายอิงประวัติศาสตร์สงครามโลก ‘แสงเพลิงที่เกริงทอ’ ได้จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของฝ่ายญี่ปุ่น และความตายของพันเอกซากิ โดยการกระทำฮาราคิรีตัวเอง ส่วนเชอรี่ หลานสาวของนายพันซากิ รอดพ้นจากการถูกสังหารมาได้ เพราะความน่าสงสารของทารกน้อยที่เกิดจากเธอและอรินทร์ รวมถึงความรักของสุมังสา ลูกสาวของบาอ่องหัวหน้าหมู่บ้านเกริงทอ กับ ยอดดวง ชายหนุ่มเสรีไทยที่ประสบชัยชนะในการศึกครั้งนี้ และได้ยุติแสงเพลิงที่เริงโรจน์อยู่เหนือแผ่นดินเกริงทอลงไปได้ในที่สุด

หากความลับ ความหลัง และความแค้น ยังคุกรุ่นอยู่กับใครบางคน ที่อดีตก็ยังไม่อาจลบเลือน!

เรื่องราวของพระจันทร์เหนือแม่น้ำรันตี เริ่มต้นในอีกห้าสิบปีต่อมา เมื่อกลุ่มของสิมาและเพื่อนๆ เดินทางมาตั้งแคมป์ที่ริมแม่น้ำรันตี ในเขตทองผาภูมิ กาญจนบุรี และในคืนวันนั้นเองที่เขาได้ยินเสียงร่ำไห้ของสตรีที่ปลายแหลมของคุ้งแม่น้ำ ใครหลายๆ คนบอกว่าเป็นเสียงคร่ำครวญของวิญญาณ เหล่าคารายูกิ-ซังหรือโสเภณีญี่ปุ่น ที่ถูกส่งตัวมาบำเรอความสุขให้ทหารญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลก และถูกสังหารโหดจนเสียชีวิตที่นี่ แต่สิมาไม่เชื่อ เขาหาทางพิสูจน์จนพบว่าเสียงร่ำไห้กลางราตรีนั้น มาจากสาวน้อยแสนสวยคนหนึ่ง เธอมีนามว่าสุมาลย์ หรือรันตี

รันตีเป็นหลานสาวของบาอู ชายชาวมอญ ในอดีตบาอูเป็นน้องชายของบาอ่อง หัวหน้าหมู่บ้านเกริงทอนั่นเอง และเขามีความแค้นสำคัญที่รอการชำระ!

ในขณะที่สิมาเองก็ได้รับการติดต่อจากนายพลชิโมดา อดีตนายทหารที่มาสร้างเส้นทางรถไฟสายมรณะแห่งนี้ และเมื่อสิ้นสุดสงครามเขาได้นำทองคำและสมบัติประจำตระกูลชิ้นหนึ่งมาฝังไว้ในถ้ำแห่งหนึ่ง ที่มีชื่อว่าถ้ำเกริงสะดา พร้อมกับระเบิดภูเขาปิดปากถ้ำเอาไว้ กาลเวลาผ่านไปกว่าห้าสิบปี บัดนี้เขากลายเป็นชายชราที่แม้จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน และฐานะมั่งคั่ง แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ชิโมดาต้องการคือสัญลักษณ์ประจำตระกูลที่เขาฝังเอาไว้ในถ้ำลึกลับแห่งนั้น

ภูมิประเทศต่างๆ ที่เปลี่ยนไป ทำให้เขาติดต่อสิมาให้มาช่วยเหลือ สิมาคือลูกชายเพียงคนเดียวของชมพู ซึ่งเป็นลูกสาวของเชอรี่กับอรินทร์ซึ่งเสียชีวิตไปแล้วนั่นเอง เขาจึงมีสายเลือดของชาวอาทิตย์อุทัยอยู่ภายในตัวไม่น้อย และอีกด้านหนึ่งเขาก็อดสงสารนายพลชิโมดาไม่ได้ นายพลผู้นี้ในอดีตได้สร้างบาปกรรมเอาไว้มากมาย จนถึงบั้นปลายชีวิต เขาได้รู้สึกผิดบาป โดยเฉพาะการสังหารบรรดาคารายูกิซังที่กำลังจะหนีออกจากประเทศไทยไปพร้อมกับเขาอย่างอำมหิต เพื่อให้วิญญาณของพวกเธอได้อยู่เฝ้าทรัพย์สมบัติในถ้ำที่เขาซ่อนมันเอาไว้!

โดยที่ไม่รู้ว่า คารายูกิซังคนหนึ่งที่มีชื่อว่ามิชิโกะ รอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด พร้อมกับลูกในท้องของเธอ!

ภราดร ศักดา ผู้เขียน

สิมาประทับใจสาวน้อยรันตี และประหลาดใจเมื่อเห็นเธอติดต่อกับคุณมยุริน สาวไฮโซที่เดินทางมาหาถึงกาญจนบุรี

มยุรินเป็นตัวแทนของบริษัทวาตาโมโต้ที่ยิ่งใหญ่ เพื่อสืบหาทายาทคนสุดท้ายของตระกูล เพื่อมารับสมบัติของตระกูลนี้ แต่สิ่งสำคัญก็คือมันเป็นตระกูลอาถรรพ์ที่ต้องคำสาปทายาทที่เข้ามาอยู่ภายในบ้านศิลาชัย ล้วนมีอันเป็นไปอย่างน่าสยดสยอง จนเสียชีวิตหมดทุกคน!

และบัดนี้เหลือเพียงแค่สุมาลย์ หรือรันตี เพียงคนเดียวเท่านั้น

สิมาได้รับรู้ชาติกำเนิดอันพิสดารของรันตีโดยบังเอิญ เขารับรู้ว่ามารดาของรันตีมีชื่อว่ามะยานตี และมาแต่งงานกับ ทาโร วาตาโมโต้ หรือ ทิณรงค์ วงศ์อุทัย ซึ่งเป็นลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น หากเมื่อได้แต่งงานอยู่กินกันแล้ว ปรากฏว่า ทั้งคู่ก็ต้องแยกทางกันเพราะนิสัยใจคอไปด้วยกันไม่ได้ มะยานตี กลับมาอยู่กับบาอูที่สังขละบุรีและคลอดลูกสาวออกมาก็คือสุมาลย์หรือรันตี นั่นเอง

 

หลังสงคราม ทิณรงค์บุกเบิกตลาดรถยนต์จนประสบความสำเร็จในประเทศไทย และตั้งบริษัทวาตาโมโต้ขึ้น เขาแต่งงานใหม่ และมีทายาทถึงเจ็ดคน แต่แล้วบุตรชายหญิงเหล่านั้นก็ทยอยกันเสียชีวิตจนหมดสิ้น รวมถึงตัวเขาเองที่เขียนพินัยกรรมให้ตามหาลูกสาวที่เกิดจากมะยานตี และเป็นทายาทคนสุดท้ายเพื่อมารับมรดกมหาศาลนี้ ก่อนจะลาโลกไป มยุรินและสำเร็จ เด็กหนุ่มลูกน้องเธอ ทำหน้าที่ดูแลทรัพย์สมบัติและตามหาทายาทคนสุดท้ายจนพบตัวพอดี

บัดนี้ สุมาลย์จึงได้ตัดสินใจเด็ดขาดแล้วที่มาอาศัยที่บ้านศิลาชัยของบิดาเธอเอง แม้ว่าจะต้องเสี่ยงกับคำสาปอาถรรพณ์นั้นก็ตาม เพราะถ้าเด็กสาวยังอยู่ที่หมู่บ้าน เธอก็ต้องแต่งงานกับชายหนุ่มชาวมอญตามความเชื่อถือของคนในหมู่บ้านและลุงบาอูที่ดูแลเธอมาตั้งแต่เด็กเช่นกัน สิมาเองก็พยายามติดตามไปมาหาสู่เธอ จนกลายเป็นความรักอันบริสุทธิ์ ที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับเธอ ในขณะที่อรยุบล เพื่อนสาวคนสนิทของสิมา เกิดความริษยา…

หล่อนเคยคาดหวังว่า ความเป็นเพื่อนของตนกับสิมาจะแปรเปลี่ยนเป็นความรักในที่สุด ถ้าหากไม่มีตัวแปรอย่างเด็กสาวคนนั้นเข้ามา และอรยุบลก็บังเอิญล่วงรู้ความลับเข้าโดยบังเอิญ จาก ‘มยุริน’

นั่นก็คือมะยานตี แม่ของสุมาลย์นั้น แท้จริงแล้วก็คือมิชิโกะ อดีตนางบำเรอหรือคารายูกิซัง คนสุดท้ายที่รอดชีวิตจากการสังหารของนายพลชิโมดานั่นเอง!

 

มิชิโกะคือนางบำเรอที่มีความสัมพันธ์กับพันตรีฮาตะ ซึ่งมีอรุณีเป็นภรรยาชาวไทยในเวลานั้น มะยานตีคือลูกสาวของฮาตะและเธอที่ติดท้องมา นั่นเองเมื่อบรรดาเพื่อนๆ ถูกสังหาร เธอได้รับการช่วยเหลือจากบาอู และใช้ชีวิตร่วมกับเขามาตลอดจนเสียชีวิตลง บาอูแค้นใจนายพลชิโมดามาก เพราะบาอูเองก็เคยช่วยชีวิตชิโมดามาก่อน แต่สุดท้าย นายพลผู้นั้นก็ไล่ตามฆ่าทั้งเขาและมิชิโกะจนแทบเอาตัวไม่รอด และชายเฒ่าก็เฝ้ารอวันเวลาที่อีกฝ่ายจะเดินทางกลับมายังเมืองไทย เขารับรู้ว่าชิโมดาฝังทรัพย์สมบัติเอาไว้ในถ้ำเกริงสะดานั่นเอง

และบัดนี้ เมื่อเขาได้พบสิมากับนายพลผู้นั้น เดินทางมายังแม่น้ำรันตี เขาก็รู้ว่าเวลาแห่งการแก้แค้นมาถึงแล้ว

เขากลับมายังหลุมศพที่ฝังร่างของมิชิโกะเอาไว้ด้วยความสะเทือนใจ

ชีวิตของการเป็น “คารายูกิ-ซัง หรือโสเภณี มีแต่คนดูถูกเหยียดหยาม แม้แต่ชาวญี่ปุ่นด้วยกันเอง มิชิโกะมีความจำเป็นต้องหันมาประกอบอาชีพนี้ เพราะความยากจน เมื่อเกิดสงคราม หล่อนก็ถูกทางรัฐบาลส่งมาให้ประจำอยู่ในประเทศไทย บาอูยังไม่เคยลืม คำสารภาพของมิชิโกะ ก่อนที่หล่อนจะตาย

“ฉันคงไม่มีทางกลับไปญี่ปุ่นอีกแล้ว ถึงกลับไปฉันก็คงมีชีวิตอยู่ไม่ได้ พวกเราที่มาทำงานที่นี่ จึงตกลงกันว่า เราตัดขาดจากบ้านเมืองของเราแล้ว เมื่อเราตายไป ขอให้คนที่อยู่ข้างหลังจงช่วยฝังเราให้หันหลังให้แก่ประเทศญี่ปุ่นด้วย!”

พวกหล่อนมีความเชื่อกันว่า เมื่อศพถูกฝังในลักษณะที่หันหลังให้กับประเทศญี่ปุ่น วิญญาณก็คงจะไปบ้านเกิดตามจิตที่มุ่งมั่นเป็นแน่!

อรยุบลเอาความลับที่ตนเองล่วงรู้ ไปเล่าให้ชมพู มารดาของสิมาฟัง มันเป็นเรื่องที่ชมพูรับไม่ได้ หล่อนไม่ต้องการให้ลูกชายตนเอง แต่งงานอยู่กินกับผู้ที่มีสายเลือดของคารายูกิซัง!

สิมารับรู้เรื่องนี้ในภายหลัง แม้ว่าเขาจะตกใจในตอนแรก แต่แล้วด้วยความรักที่มีต่อสุมาลย์ ทำให้เขามองข้ามในเรื่องชาติกำเนิดในอดีตของมิชิโกะ ยายของเธอที่เสียชีวิตไปแล้ว และเมื่อรู้ว่า อรยุบลรู้เรื่องนี้จากปากของมยุริน มันยิ่งทำให้เขาสงสัยในเจตนาที่เคลือบแฝงของหล่อนขึ้นมาทันที…

แท้จริงแล้ว การเสียชีวิตของทายาทในตระกูล วาตาโมโต้ทั้งหมดอาจจะไม่ใช่คำสาปอาถรรพณ์ใดๆ แต่เป็นความจงใจของใครบางคน ที่จะฆ่าล้างตระกูล เพื่อฮุบสมบัติในพินัยกรรม ใบนี้!

เขายอมเสี่ยงชีวิต เพื่อช่วยเหลือสุมาลย์ให้ปลอดภัยเมื่อรู้ว่าหล่อนกำลังตกอยู่ในภยันตรายของมยุริน และท้ายที่สุด ผลกรรมก็ตามสนอง เมื่อมยุรินซึ่งวางยาพิษสังหารสุมาลย์ เกิดความผิดพลาด และหล่อนก็กลายเป็นเหยื่อสังหารด้วยฝีมือของตัวเองไปแทน!

และในเวลาเดียวกันนั้นเอง ที่การสำรวจหาถ้ำปริศนาก็บรรลุ นายพลชิโมดาสามารถค้นพบและระเบิดปากถ้ำสำเร็จ ทว่าภายในถ้ำแห่งนั้นกลับว่างเปล่า…

ลุงบาอูปรากฏตัวขึ้น และต้องการสังหารชีวิตนายพลชิโมดา เพื่อช่วยชำระแค้นให้กับมิชิโกะ แต่แล้วสิมาก็เป็นฝ่ายเข้ามาห้ามเอาไว้ได้ทัน นายพลผู้กลับใจยอมรับในความผิดบาปทั้งหมดในอดีตของตัวเอง เขาสารภาพบาปต่อหน้าหลุมศพของมิชิโกะ รวมทั้งขออโหสิกรรมต่อ บาอู การกลับมาครั้งนี้ เขาไม่ได้ต้องการทรัพย์สินเงินทองใดๆทั้งสิ้น นอกเหนือจาก สัญลักษณ์ดวงอาทิตย์ ที่เป็นตราต้นตระกูลของเขาที่ทิ้งเอาไว้ใน ถ้ำเกริงสะดาแห่งนี้เท่านั้น

บาอูพาทั้งคู่ไปยังที่ซ่อนทรัพย์สมบัติ ที่เขาลักลอบนำกลับมาเก็บรักษาไว้ด้วยตนเอง แล้วปิดปากถ้ำเหมือนเดิม และพร้อมของทั้งหมดคืนให้กับนายพลชิโมดา แต่นายพลผู้นั้นต้องการเพียง ตราดวงอาทิตย์เพียงอย่างเดียว สำหรับทองคำ เขาขอร้องให้บาอูนำไปขายและนำเงินมาทำบุญให้กับมิชิโกะและคารายูกิซังที่ต้องสังเวยชีวิตลงอย่างเหี้ยมโหดด้วยน้ำมือของเขาเอง

เรื่อง : พระจันทร์เหนือแม่น้ำรันตี (แสงเพลิงที่เกริงทอ ภาค ๒)

ผู้เขียน : ภราดร ศักดา

สำนักพิมพ์ : ศิลปาบรรณาคาร

ปีที่พิมพ์ : 2539

เล่มเดียวจบ

พระจันทร์เหนือแม่น้ำรันตี ก็จบลงอย่างสมบูรณ์ สำหรับนวนิยายเรื่องนี้ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันกับ แสงเพลิงที่เกริงทอ เลยทีเดียว เนื้อหาใน แสงเพลิงที่เกริงทอ จะค่อนข้างเข้มข้น อัดแน่นไปด้วยข้อมูลทางประวัติศาสตร์ โดยมีเรื่องราวความรักของอรินทร์กับเชอรี่ และสุมังสากับยอดดวง มาพอเป็นกระสาย สมกับเป็นนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ ส่วน พระจันทร์เหนือแม่น้ำรันตี แม้จะมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มาผสมผสาน แต่ก็ไม่มากเท่ากับเรื่องแรก อาจจะด้วยเป็นเรื่องราวที่ต่อเนื่องมาในยุคปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังมีทั้งปมรัก ปมลึกลับ รวมถึงเรื่องราวฆาตกรรม ที่นำมาผสมผสานอยู่ในนวนิยายเรื่องนี้ ทำให้การอ่านได้อรรถรส หลากหลายมากยิ่งขึ้น และเป็นการสานต่อเรื่องราวทั้งหมดของ แสงเพลิงที่เกริงทอ ให้จบลงอย่างสมบูรณ์ ตามความประสงค์ของผู้เขียนอีกด้วย

ผมชอบตอนท้ายของเรื่องที่เป็นฉากพระเอกนางเอกนำช่อดอกไม้มาวางเหนือหลุมฝังศพ มิชิโกะผู้เป็นยาย และอดีตคารายูกิซัง เสมือนการปลดเปลื้องความทุกข์และปมที่เคยมีมาในอดีต ของตัวละครต่างๆได้คลี่คลายลงอย่างหมดจดงดงาม

“รันตีสงสารยาย ชีวิตของรันตีว่ามีความยากลำบากแล้ว ยังไม่ถึงเศษส่วนหนึ่งของท่านเลย ท่านต้องจากบ้านเกิดมาผจญชีวิตต่างแดนในท่ามกลางสงคราม เมื่อตายไปแล้ว ความที่มีคนรังเกียจอาชีพของตนเองยังต้องฝังศพหันหลังให้แก่ประเทศตัว เพื่อไม่ให้วิญญาณกลับไปรับความอัปยศอดสู”

สิมาขยับเข้าไปเอื้อมเกาะกุมมือหล่อนไว้

“นั่นเป็นการมีชีวิตอยู่ของคนยุคหนึ่ง… มาถึงยุคของเรา สิ่งที่เกิดกับคนยุคนั้น ก็เหมือนเป็นตำนานให้เราเล่าขานกัน พร้อมกับมองย้อนเข้าไปดูสภาพของผู้คนด้วยความทึ่ง แปลกใจ”

แสงอาทิตย์เจิดจ้าสาดมาจับป้ายชื่อบนเสาปูน แลเห็นเด่นชัด ร่างไร้วิญญาณของเจ้าของป้ายชื่อคงจะนอนสงบอยู่ภายในหลุมอันเป็นความสงบชั่วนิรันดร์…

Don`t copy text!