ชีวิตเปื้อนฝุ่น

ชีวิตเปื้อนฝุ่น

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้นครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

  

ขอสารภาพว่าผมไม่เคยอ่าน นวนิยายเรื่อง ‘ชีวิตเปื้อนฝุ่น’ อย่างละเอียดมาก่อนเลย นอกจากเคยอ่านผ่านตา เมื่อเรื่องนี้ได้ลงในนิตยสาร สกุลไทย หลายปีก่อน แต่มีโอกาสได้ชมจากเวอร์ชันละครโทรทัศน์ช่อง 7 ประมาณช่วงปี พ.ศ. 2535 ที่นำแสดงโดย เด็กชายวศิน มีปรีชา หรือตูมตาม ในบทไอ้ป๋อง และ คุณคณิต เขียวเซ็น ในบทไอ้เปี๊ยก ตัวเอกของเรื่องรวมถึงพระ-นาง ในเรื่อง คือ คุณยุทธพิชัย ชาญเลขา และ คุณอรพรรณ พานทอง โดยเฉพาะบทบาทของเจ้าป๋องกับคุณตาพรรษ ที่รับบทโดย คุณสักกะ จารุจินดา ที่ยังเป็นภาพความทรงจำอันประทับใจอยู่จนถึงทุกวันนี้

ด.ช.วศิน มีปรีชา ใน ชีวิตเปื้อนฝุ่น

ชีวิตเปื้อนฝุ่น จากปลายปากกาของ เพชรน้ำค้าง เปิดตัวมาด้วยภาพของ สำนักงานใหญ่มูลนิธิแห่งหนึ่ง ที่ตั้งอยู่กลางดงสลัม ในสภาพหลังคามุงพลาสติก โดยมีเจ้าของมูลนิธิแห่งนั้นก็คือเด็กชายวัยเจ็ดขวบ เด็กสลัมที่ชื่อไอ้ป๋อง!

คุณพรรษเป็นมหาเศรษฐีวัยชรา เจ้าของที่ดินที่เป็นดงสลัมแห่งนี้ เขาพยายามที่จะพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของคนในสลัมให้ดีขึ้น โดยมีวิษาณ ลูกชายคนเดียวที่เหลืออยู่ อาสาเป็นผู้ดูแลเงินกองทุนเหล่านี้ โดยหารู้ไม่ว่าวิษาณยักยอกเงินของเขาไปใช้เพื่อความร่ำรวย โดยอ้างการช่วยเหลือคนยากจนในสลัมบังหน้า

คู่พระนาง จาก ละครชีวิตเปื้อนฝุ่น

คุณพรรษเองยังมีลูกชายคนรองคือวิธร ที่มีอุดมการณ์เช่นเดียวกับเขา แต่น่าเสียดายที่วิธร ประสบอุบัติเหตุ ปืนลั่นเสียชีวิตที่ต่างประเทศ ระหว่างไปดูงานกับวิษาณพี่ชาย ทำให้ เมลานี ภรรยาสาวต้องกลายเป็นม่ายและเลี้ยงดูตาเต้ย ลูกชายคนเดียววัยเจ็ดขวบเพียงลำพัง

นอกจากนี้คุณพรรษยังมีลูกสาวอีกสองคน จันทคาม น้องสาวคนเล็กเป็นแพทย์ แต่ก็ไม่ได้มีอุดมการณ์เพื่อช่วยเหลือมนุษย์ ตรงกันข้าม หล่อนพยายามหาเงินให้มากที่สุดเพื่อจะสร้างโรงพยาบาลใหญ่ๆ ของตัวเอง และขูดรีดเงินให้มากที่สุด ส่วนกมลาส พี่สาวคนโต ก็ไม่ต่างกับวิษาณ หล่อนเห็นเงินเป็นใหญ่ และเต็มไปด้วยความโลภ กมลาส ได้เงินจากคุณพรรษมาบริหารมหาวิทยาลัย และรับวสค หลานชายของคุณพรรษเข้าทำงานที่นั่นอย่างไม่เต็มใจ เพราะวสคเป็นคนสมถะ และใช้ชีวิตอย่างติดดิน แตกต่างจากนิสัยของเธอ

คุณพรรษมีโอกาสได้มาเยือนสลัมแห่งนี้ด้วยตัวเอง แม้ว่า คนขับรถของเขาและวสคเองจะทักท้วงด้วยความเป็นห่วงในสวัสดิภาพ ที่นั่นเอง ป๋องจึงได้มีโอกาสรู้จักกับ ‘คุณตาใจดี’ ที่เข้ามาทักทายกับเขา และสอบถามเรื่องการบริหารมูลนิธิแห่งนี้ จนรู้ว่าป๋องเองก็ถูกมาเฟียในสลัมคอยรีดไถเงิน โดยเฉพาะ ไอ้เปี๊ยก…

ลุงว่าคนเราเกิดมามีชีวิตสีขาว มีวิญญาณสวยงาม เด็กมีวิญญาณสวยงามทุกคน แต่ตอนหลังมันไปเปื้อนฝุ่นเข้า นี่… มันจึงเป็นเรื่องน่าเสียดาย เจ้าเปี๊ยกมันหน่วยก้านไม่เลว พูดจาฉะฉาน แต่อะไรทำให้มันกระด้าง

และก็เป็นอย่างที่ทุกคนวิตก เมื่อคุณพรรษถูกไอ้เปี๊ยกแกล้งขับจักรยานชนจนตกคูน้ำและมันก็ขโมยรองเท้าราคาแพงไป แต่กระนั้นคุณพรรษเองก็มีมุมมองต่อเปี๊ยกในอีกแบบหนึ่ง

“ไม่รู้สินะ ฉันรู้สึกผูกพัน มีเด็กบางคนมาตั้งมูลนิธิแข่ง คุยกันแล้วก็เข้าท่าดี มีอะไรแปลกๆดี กระทั่งเด็กเอารองเท้าไป ก็แปลกดี เขาก็พูดตรงๆ ว่าจะเอาไปขาย จะทำไม ก็พูดตรงดี ความตรงนี่ไม่น่ากลัว เอาไปก็เอาไป บอกให้เขาเอามาคืน เขาไม่บอกว่าจะคืน แต่เรารู้ว่าเขาจะคืน เพราะเขาว่าเราคิดว่าเขาต้องคืน เขาจะเป็นในสิ่งที่เรามองเขา ถ้ามองเขาเป็นคนดี อย่างน้อยเขาก็พยายามที่จะเป็นคนดี ถ้ามองเขาว่าขี้ขโมย เขาก็จะเป็นขี้ขโมย คนเรามีดีมีชั่ว มองหาสิ่งดี เราก็จะได้พบแต่สิ่งดี…”

แทนที่จะแจ้งความกับตำรวจ เขากลับมายังสลัมแห่งนั้นอีกครั้ง และมีโอกาสได้พูดคุยกับเปี๊ยกและป๋อง จนกลายเป็นความสัมพันธ์ที่แปลกประหลาดอย่างยิ่งระหว่างมหาเศรษฐีชรากับ เด็กสลัมสองคนที่คนหนึ่งก็ยังเป็นมิจฉาชีพอีกด้วย

เปี๊ยกร่วมมือกับไอ้จอม และพรรคพวกของมัน ทั้งค้ายา และไปขโมยของรวมถึงโจรกรรมรถ จนเพื่อนของตนถูกวิษาณยิงตายคาที่ และนั่นเองที่เริ่มทำให้เปี๊ยกเริ่มคิดถึงอนาคตของตัวเอง เหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นเมื่อจอม จับตัวคุณตาและเต้ยเพื่อเรียกค่าไถ่ แต่กลายเป็นว่า วิษาณซึ่งเสียดายเงินค่าไถ่ โดยไม่สนใจชะตากรรมของพ่อตัวเอง มีแต่วสคที่พยายามติดต่อเปี๊ยกให้ช่วยเหลือ

และเปี๊ยกกับป๋องนั่นเองที่พาตัวคุณพรรษและเต้ยกลับมาอย่างปลอดภัย นั่นเองที่ทำให้คุณพรรษเริ่มมองเด็กอนาถาทั้งสองด้วยสายตาที่แตกต่างออกไป

เขาคิดว่าลูกไม่รู้ว่าเขาผิดหวัง ต่างคนก็อาจจะคิดว่าได้ทำดีที่สุดแล้วในฐานะลูก กมลาศเป็นหูเป็นตาเรื่องวิทยาลัย วิษาณวิ่งเต้นเรื่องมูลนิธิจันทคามเป็นหมอมีชื่อเสียง

แต่กลับไม่มีลูกคนใดเข้าถึงหัวใจ…

แต่ป๋องเข้าถึงหัวใจ… เด็กสลัมตัวเล็กๆ ที่มีมูลนิธิของตนเอง รับของบริจาคมาให้เด็กยากจน ในความเป็นเด็ก ป๋องมีหัวใจที่ยิ่งใหญ่ ถ้าเติบใหญ่กว่านี้และได้รับการศึกษาอบรมที่ถูกต้อง ป๋องจะเป็นเช่นไร

แน่ใจว่าคนที่คิดอะไรๆ เหมือนๆ กัน ไม่จำเป็นว่าจะต้องมาจากสายเลือดเดียวกัน เขาต้องการคนที่สืบทอดทางวิญญาณ

ยายของป๋องป่วยเป็นนิวมอเนีย อาการทรุดหนัก แต่โชคดีที่คุณพรรษแวะมาหาป๋อง เขาเลยอาสาพายายไปที่โรงพยาบาลของจันทคาม ลูกสาวของเขาเป็นเจ้าของกิจการอยู่ จันทคามจำใจต้องรักษาอย่างเสียไม่ได้ และรีบส่งตัวยายป๋องให้กลับไปสลัม โดยปกปิดอาการป่วยหนัก เพราะไม่อยากจะรับภาระเพิ่ม และสุดท้าย ยายก็เสียชีวิตลง

คุณพรรษเจ็บปวดกับความอำมหิตของจันทคาม ลูกสาวคนเล็กผู้เป็นแพทย์ที่บอกกับเขาเสมอว่าตนเองมีอุดมการณ์ อยากจะสร้างโรงพยาบาลเพื่อรักษาคนยากจน แต่บัดนี้เขาได้มองเห็นนิสัยที่แท้จริงของหล่อน ที่ทอดทิ้งยายของป๋องจนต้องตายอย่างน่าอนาถ

“จันเขาต้องรับผิดชอบหรือคะ?”

“เขาเป็นหมอ”

“คนตายมาทีละเป็นล้านนะคะพ่อ ถ้าหมอทุกคนต้องรับผิดชอบในตัวคนไข้ที่ตายไป หมอทั้งโลกคงต้องบ้าตาย”

“หมอไม่อาจรับผิดชอบในตัวคนไข้ที่ตาย แต่หมอทุกคนจะต้องรับผิดชอบในตัวคนไข้ที่ตัวเองไม่ยอมรักษา!”

คุณพรรษสงสารป๋อง จึงนำเด็กชายมาอุปการะ ส่วนเปี๊ยกกำลังเบื่อหน่ายกับชีวิตไร้แก่นสารของตัวเอง เมื่อคุณตาเศรษฐีมาชักชวนให้มันทำมูลนิธิสืบต่อจากป๋อง มันจึงตอบตกลง และนั่นเองที่ทำให้มันเริ่มภาคภูมิใจในคุณค่าของตัวเองที่เริ่มมีคนมองเห็น ในขณะที่วิษาณก็ชักนำไรอัน มหาเศรษฐีที่ทำมูลนิธิต่างๆ โด่งดังไปทั่วโลกเพื่อเข้ามาช่วยเหลือชุมชนสลัมแห่งนี้ ภาพลักษณ์ของไรอันที่เป็นเสมือนนักบุญที่มีอุดมการณ์ ทำให้คุณพรรษและทุกคนศรัทธา โดยหารู้ไม่ว่าความจริงแล้วไรอันก็เป็นนักธุรกิจคนหนึ่งที่มองว่าการสร้างภาพเด็กยากไร้ในสลัม และเผยแพร่ออกไป จะนำเงินบริจาคมหาศาลมาเข้ากระเป๋าของเขาด้วยเช่นกัน

เขาประทับใจในตัวเมลานี และพาตัวเข้ามาคบหากับเธอ โดยอาศัยความเชื่อถือ ศรัทธา ของหล่อน ในขณะที่วสคเองก็เริ่มรู้สึกชอบพอหญิงสาวผู้เอื้ออารีคนนี้ แต่เมื่อเห็นไรอันที่เหนือกว่าเขาทุกอย่าง เข้ามาติดพันเธอ ก็ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองคงจะพ่ายแพ้และเจ็บปวด

ภาพที่หล่อนหลับตา… มันเป็นนาทีที่เขาบอกตัวเองว่าเขารักหล่อน

ความขมบางอย่างเจือจางอยู่ในอก เขาไม่เคยรักใคร และไม่เคยรู้ว่า บางความรักนำความรู้สึกแสนเศร้า เมื่อรู้ว่าเป็นความรู้สึกของเขาแต่เพียงฝ่ายเดียว มันเศร้าเพราะรู้ว่า ไม่อาจสมปรารถนา

เรื่องราวใน ชีวิตเปื้อนฝุ่น ดำเนินไปอย่างเข้มข้น สะท้อนภาพของเฉดสีอันตัดกันอย่างรุนแรง ระหว่างบทบาทของไอ้ป๋อง เด็กสลัมที่มีหัวใจทองคำกับคนรวยล้นฟ้าแต่จิตใจคับแคบ โลภโมโทสันอย่างจันทคาม วิษาณ และไรอัน ที่ใช้ฉากนักบุญบังหน้า ซึ่งสุดท้ายแต่ละคนต่างก็ได้รับผลกรรมกันไปอย่างสาสม

ในขณะที่ความรักที่งดงาม และมองข้ามภาพลักษณ์ภายนอกของเมลานี ที่มีต่อวสค ชายหนุ่มคนซื่อแสนดี ที่มีชีวิตอย่างสมถะ ก็ดำเนินมาสู่ บทสรุปที่งดงามไม่แพ้กัน

เรื่อง : ชีวิตเปื้อนฝุ่น

ผู้เขียน : เพชรน้ำค้าง

สำนักพิมพ์ : ศิลปาบรรณาคาร

ปีที่พิมพ์ : ไม่ปรากฏปีที่พิมพ์

สองเล่มจบ

และท้ายที่สุดของการอ่านเรื่องนี้ ผมชอบบทสรุปบทหนึ่ง ซึ่งผู้เขียนได้บรรยายผ่านความคิดเห็นของคุณพรรษ ตัวละครเอกที่เป็นเหมือนศูนย์กลางของเรื่อง ที่เขียนเอาไว้อย่างสวยงามและให้แง่คิดที่ว่า…

อย่างไรก็แล้วแต่ คุณพรรษเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วกับชีวิตของเปี๊ยกและป๋อง ไม่ว่าจะเป็นความขมขื่นหรือทุกข์ยากลำเค็ญเพียงใด มันจะทำให้เด็กทั้งคู่ได้ชื่นชมกับชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม ภายหลังความมืดที่สุดก็คือความสว่างไสว ไม่มีความืด เราจะรู้ได้อย่างไรว่าอะไรเป็นความสว่าง ถ้าไม่มีความชั่ว เราจะรู้ได้อย่างไรว่าอะไรเป็นความดีให้ชื่นชมกัน โลกคงเป็นอะไรสักอย่างที่ไร้ความหมายในตัวเอง…

หมายเหตุ : สำหรับภาพประกอบ ดารานักแสดงในเรื่อง ผมนำมาจากแฟนเพจ ‘บันเทิงไทยในวัยเยาว์’  ซึ่งต้องขอขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

Don`t copy text!