บ้านวังแดง

บ้านวังแดง

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้นครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

****************************

 

‘บ้านวังแดง’ เป็นนวนิยายลึกลับ สยองขวัญในสไตล์นิยายกอธิกที่น่าจะเขียนขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 2512-2513 เมื่อลงตีพิมพ์เป็นตอนๆ ในนิตยสาร บางกอก ก็เป็นที่กล่าวขานในความสนุกสนาน ลึกลับ ระทึกขวัญ ณ เวลานั้น จนนำมารวมเล่มกับสำนักพิมพ์คลังวิทยา และสร้างเป็นภาพยนตร์ในเวลาต่อมา

ถ้าผมจำไม่ผิด นวนิยายเรื่องนี้ ภายหลังได้รับการนำมาลงพิมพ์เป็นตอนอีกครั้งในนิตยสาร กุลสตรี ในช่วงเวลาหนึ่งอีกด้วยครับ สำหรับนามปากกา ‘อรอนงค์’ ที่ปรากฏนี้ ผมเห็นมีผลงานนิยายเรื่องนี้เพียงเรื่องเดียวของท่าน แต่จากข้อมูลที่ทราบมาจากคำนำของ ‘เนธิชา’ ใน หนังสือ ด้วยเนื้อนาบุญ ของสำนักพิมพ์หมึกจีน ที่เขียนไว้ตอนหนึ่งว่า

เกือบสามสิบปีในการเขียนนวนิยาย เริ่มด้วยเรื่องสั้นใน ‘บางกอก’ ยุคแรก และเรื่องยาวใน ‘บางกอก’ ยุคต่อมา ต่อจากนั้นเป็น ‘สายฝน’ ‘กุลสตรี’ ‘สกุลไทย’ ‘เริงสาร’ นะคะ นิตยสารดังกล่าวเป็นที่เกิดของเนธิชาในนามปากกาต่างๆ กัน แล้วแต่ความเหมาะสมของเรื่องที่เขียนและนิตยสารที่ตีพิมพ์ มีบ้างที่เคยสร้างเป็นภาพยนตร์ และต่อมาก็เป็นละครโทรทัศน์คือ ‘บ้านวังแดง’ อีกหลายเรื่องยังรอคอยวันเวลาที่จะแปรเปลี่ยนจากตัวหนังสือเป็นเงาชีวิตให้ท่านได้ชม เช่น ‘ด้วยเนื้อนาบุญ’ ‘มรกตแดง’ ‘รักแสนรัก’ ‘ณะจ๋าอย่าร้องไห้’ ‘น้ำค้างสีชมพู’ ‘ขวัญหาย’ และอื่นๆ

จากคำนำนี้เอง อรอนงค์ ผู้เขียน ‘บ้านวังแดง’ จึงน่าจะเป็นคนเดียวกับนักเขียน นามปากกา ‘เนธิชา’ ผู้ที่เขียนเรื่อง ด้วยเนื้อนาบุญ และ มรกตแดง ซึ่งสำนักพิมพ์หมึกจีนเคยนำมาตีพิมพ์ และนิยาย ‘ด้วยเนื้อนาบุญ’ ก็เป็นนิยายลึกลับแนวแปลก ที่เคยลงเป็นตอนๆ ในนิตยสารสกุลไทย ก่อนจะนำไปสร้างเป็นละครโทรทัศน์ช่อง 7 ในช่วงหนึ่งด้วยเช่นกัน ซึ่งถ้าหากเพื่อนนักอ่านมีข้อมูลเพิ่มเติมใดๆ เกี่ยวกับผู้ประพันธ์ด้วย ก็จะเป็นพระคุณอย่างยิ่งเลยครับ

นวนิยายขนาดยาวเรื่องนี้ บอกเล่าเรื่องราวการเดินทางของ ธาร ธารา ชายหนุ่มจากกรุงเทพฯ ที่เดินทางด้วยรถไฟ มารับตำแหน่งครูใหญ่ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในเขตจังหวัดสุราษฏร์ธานี โดยการติดต่อของขุนครรชิตคำรน เจ้าของที่ดินมากมายรวมถึงอาณาเขตบ้านอันใหญ่โตกว้างขวาง ที่ชาวบ้านแถบนั้นเรียกกันว่า บ้านวังแดง

ผู้เขียนบรรยายฉากที่พระเอกเดินทางมาถึงชานชาลาสถานีรถไฟในยามวิกาล ท่ามกลางสายฝนกระหน่ำและมีคนรับใช้ของขุนครรชิตมารับด้วยรถแคบๆ ปิดด้วยผ้าใบสีดำไม่ต่างกับหีบใบเล็กที่แสนจะอึดอัดก่อนที่เขาจะผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน

…รถที่นั่งมาก็ค่อยๆ แปรสภาพทีละน้อย ละน้อย มันกลายเป็นโลงศพสีดำสนิทและปิดตรึงหมดทุกด้าน เสียงเครื่องยนต์แต่แรก กลายเป็นเสียงตอกตะปูดังสนั่นหวั่นไหว

ท่ามกลางพายุและสายฟ้าแลบแปลบๆ เขาได้เห็นเมฆก้อนใหญ่ทะมึนเคลื่อนใกล้เข้ามา และใบหน้าประหลาดปรากฏขึ้นเหมือนใบหน้าอสูร ดำสนิทเหมือนสีดำของกลางคืน ผมขาวเหมือนปุยเมฆ ดวงตาเหมือนแสงใต้ที่ลุกโพลง พอเขาจะตะโกนออกไปด้วยความตกใจ ใบหน้าก็สลายวับ

 และธารก็สะดุ้งตื่น เมื่อเขามาถึง บ้านวังแดงพอดี…

เมื่อมาถึงที่นี่ เขาต้องเผชิญหน้ากับสาวสวยทั้งสี่ ซึ่งเป็นลูกสาวของขุนครรชิตคำรณ ทั้ง คมคาย โคมทอง โคมแข และ คำหวาน โดยมีคีรีรัฐ ลูกชายคนโต ซึ่งมีท่าทีเป็นปรปักษ์กับเขาตั้งแต่แรก ยกเว้นเพียง ตาต้อยหรือคำรน ลูกชายคนเล็ก ที่ดูจะมีความเป็นมิตรกับเขามากที่สุด

ณ ที่นั้นเอง ชายหนุ่มได้รู้จักกับนพพร ครูสูงวัยที่เป็นคนรักของคำหวาน และคุณขาว หรือเถาวัลย์ เด็กสาวแสนสวย ที่เขามาทราบภายหลังว่าเธอเป็นเพียงเด็กในอุปการะของขุนครรชิตฯ เท่านั้น

 

ในวันที่ได้เข้าพักในบ้านวังแดงนั้นเอง ชายหนุ่มก็ต้องพบกับเรื่องราวประหลาดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นหญิงชราคนหนึ่งที่แอบนำรกเด็กมาฝังไว้ แล้วขอร้องไม่ให้เขาเล่าเรื่องนี้กับใคร เพราะมีเด็กในย่านชุมชนหายตัวไปอย่างลึกลับ นอกจากนี้เขายังพบว่าขุนครรชิตฯ มีพลังอำนาจพิเศษ เมื่อท่านสัมผัสมือของใคร จะทำให้ล่วงรู้ถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาได้อีกด้วย ทำให้หลายคนต่างเกรงกลัวว่าท่านจะล่วงรู้ความลับของตัวเอง

นพพรเริ่มสนิทกับธาร และแอบพาเขาไปยังโดมกลางป่า โดยไม่รู้ว่านั่นคือสถานที่หวงห้ามของขุนครรชิตฯ ซึ่งมีชายตาบอดคนหนึ่งอาศัยอยู่

ภายในนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงแว่วคล้ายเสียงเด็ก และรูปหล่อทองแดงจำลองขุนครรชิตฯ ที่สร้างเอาไว้ในโดมประหลาด ซ้ำในห้องลับของหอคอยภายในโดม เขาก็ยังได้พบหัวกะโหลกจำนวนมาก ที่บันทึกวันเวลาเอาไว้อย่างน่าพิศวง

มันเป็นหัวกะโหลกของเด็ก!

ในคืนนั้น เขาได้พบว่า มีคนแอบเข้ามาในห้องนอนของเขา ถึงสองคน คนแรก เป็นหญิงสาวชุดดำ ปกปิดใบหน้าอย่างเป็นปริศนา เธอผู้นั้น คอยช่วยเหลือและแจ้งเตือนด้วยจดหมายลับเอาไว้ให้เขา คอยระวังตัว ในขณะที่หญิงสาวชุดขาวอีกคนหนึ่ง ก็เข้ามายั่วยวน เพื่อให้เขาร่วมอภิรมย์กับเธอ ด้วยเหตุผลอันแปลกประหลาดว่า ต้องการมีทายาทสืบสกุล จนทำให้ธารเผลอตัวมีความสัมพันธ์กับสาวปริศนาในชุดขาวคนนั้น

เหตุการณ์ลึกลับและปมปริศนาในบ้านวังแดงยิ่งทวีมากยิ่งขึ้น เมื่อมีชาวบ้านพบว่าเด็กหลายคนหายตัวไป เพราะมีนกยักษ์มาทำร้ายจับตัวเด็กไป ธารพยายามสืบและได้เผชิญหน้ากับนกยักษ์ เมื่อเขายิงปืนสวนออกไปจนมันบาดเจ็บและหนีไป ชายหนุ่มพบในภายหลังว่าเลือดที่ปรากฏเป็นเลือดมนุษย์!

มณเฑียร สหายของธาร เดินทางมาบ้านวังแดง และสนิทสนมกับโคมแขจนมีความสัมพันธ์สวาทกัน ในขณะที่โคมทอง พยายามตีสนิทกับธารและยั่วยวนเขา ธารรู้ภายหลังว่า ท่านขุนระบุในพินัยกรรมของท่านว่า ถ้าใครมีลูกชายคนแรกให้ท่านก่อนจะได้ทรัพย์สมบัติจำนวนมหาศาล

และแล้ว เมื่อธารแอบเข้ามาสืบที่โดมปริศนาหลังนั้นอีกครั้ง เขาถูกท่านขุนจับขังเอาไว้ข้ามคืน จนหญิงชุดดำมาช่วยเหลือปลดล็อกกุญแจออกไปให้ แต่แล้ว เมื่อธารออกมาก็พบว่าท่านขุนเสียชีวิตไปแล้วอย่างเป็นปริศนา ธารพบรอยช้ำที่คอท่านขุน และหลังจากนั้นศพของท่านขุนก็ถูกนำมาบรรจุไว้ในสุสานประจำตระกูลของบ้านวังแดง

ภายหลังมรณกรรมของท่านขุน กลายเป็นว่าพินัยกรรมฉบับล่าหายไป และชายตาบอดก็ถูกคีรีรัฐกับสาลี ภรรยาของเขาที่แอบปกปิดมาตลอด จับตัวไปทรมาน แต่สาวชุดดำก็ส่งสาส์นมาให้ธารออกไปช่วยและพาหนีกลับมาได้สำเร็จ

บรรยากาศภายในบ้านวังแดงเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความหวาดระแวง ความลึกลับ เมื่อธารได้กลิ่นซิการ์ของท่านขุน และดูเหมือนว่าวิญญาณของท่านจะวนเวียนอยู่ภายในบ้านหลังนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าทรงผ่านร่างของเถาวัลย์ และสอบถามความจริงจากทุกคน

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับวิญญาณของบิดาในร่างเถาวัลย์ ทำให้โคมแขประกาศแต่งงานกับ มณเฑียร หลังมีความสัมพันธ์กับเขา และหล่อนตั้งครรภ์อ่อนๆ โดยที่อีกฝ่ายยังไม่รู้ หากในความเป็นจริงแล้ว มณเฑียรเป็นหมัน!

ธารจดจำได้ เมื่อเห็นเสื้อผ้าของโคมแข และรู้ในทันทีว่าผู้หญิงในชุดขาว ที่เขามีความสัมพันธ์ด้วยก็คือโคมแขนั่นเอง ในขณะเดียวกันโคมทองก็ไม่ยอมน้อยหน้า หล่อนพยายามประกาศให้รู้ว่าจะแต่งงานกับเช่นกัน แต่เขาเป็นฝ่ายปฏิเสธอย่างชัดเจน ธารบอกกับโคมทองหรือคุณนิดว่า…

“ชีวิตของผม ผมจะไม่ขีดเส้นมันด้วยความจำเป็นหรือจำยอมเลยครับคุณนิด เพราะมันจะทำให้ชีวิตเรากลายเป็นของคุณอื่น หรืออย่างแรงก็สูญเปล่า”

นั่นยิ่งทำให้เธอโกรธแค้นมาก โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าธารมีใจให้กับเถาวัลย์ ซึ่งเป็นเด็กรับใช้ในบ้าน ธารเองก็จับพิรุธในวันนั้นได้เช่นกันว่าไม่ใช่วิญญาณของท่านขุนเข้าสิงเถาวัลย์ เมื่อเห็นท่าทางผิดปกติของหญิงสาว เขากำลังคิดว่าสาวชุดดำที่เคยช่วยเหลือเขาตลอดเวลาก็คือเถาวัลย์นี่เอง!

เรื่องราวกว่าหนึ่งพันหน้าของนิยาย บ้านวังแดง ดำเนินไปด้วยปมปริศนาต่างๆ มากมาย ทั้งความลับเรื่องชาติกำเนิดของเถาวัลย์ ที่ความเป็นจริงแล้วคือธิดาของขุนครรชิตคำรณ หากแต่เกิดกับหญิงชาวบ้าน หรือความลับของคีรีรัฐที่มีหนี้สินมากมาย สุดท้ายเมื่อท่านขุนซึ่งวางอุบายเสียชีวิตปรากฏตัวขึ้น และบอกเล่าถึงพิธีกรรมประหลาด ที่ต้องให้เจ้าบอดแต่งกายเป็นนกยักษ์ รวมถึงกะโหลกปลอมที่ถูกสร้างขึ้นภายในโดมด้านหลังบ้านวังแดง โดยที่ตัวละครแต่ละตัวมีความเกี่ยวพันกันทั้งหมด ฯลฯ

เรื่อง : บ้านวังแดง

ผู้เขียน : อรอนงค์

สำนักพิมพ์ : คลังวิทยา

ปีที่พิมพ์ : 2513

สองเล่มจบ

นอกจากปมลึกลับเหล่านี้แล้ว ยังมีเรื่องราวชิงรักหักสวาทและความลับความหลังของตัวละครพี่น้องทั้งหมดที่เป็นลูกของท่านขุน

คีรีรัฐที่แอบไปมีภรรยาจนมีลูกด้วยกัน แต่เขาก็ติดการพนันจนเป็นหนี้สิน และเอาที่ดินของตัวเองไปจำนอง หากเถาวัลย์ ซึ่งได้มรดกจากมารดาชาวบ้านของหล่อน กลับเป็นฝ่ายยื่นมือเข้าช่วยเหลือจนเขาเกิดความละอายใจในที่สุด

คมคาย พี่สาวคนโตที่ความจริงแล้วรักกับครูนพพรมาก่อน ท้ายสุดกลายเป็นคำหวานที่ต้องผิดหวังในรัก และหนีไปจากบ้านวังแดง ในขณะที่คมคายก็รู้สึกผิดที่แย่งความรักจากน้อง จนไม่อาจทนอยู่ที่บ้านวังแดงได้เช่นกัน

โคมแข ที่ท้ายสุดตกเลือดจนแท้ง และความจริงก็ปรากฏ แม้ว่าหล่อนมีความสัมพันธ์กับธาร แต่ก็ไม่ได้รักเขา เพราะใจหล่อนกลับมอบให้กับมณเฑียร จนต้องตัดสินใจหนีจากบ้านวังแดงไป แต่มณเฑียรก็ตามไปในที่สุด

โคมทอง ที่ริษยาความรักของเถาวัลย์ เมื่อรู้ว่าเด็กสาวเป็นทายาทอีกคนของขุนครรชิตคำรณ ทำให้หล่อนแกล้งใส่ร้ายว่าตัวเองตั้งครรภ์กับธาร ก่อนจะจากบ้านวังแดงไป ด้วยความพ่ายแพ้ แต่ก็สร้างความเข้าใจผิดระหว่างสองหนุ่มสาวให้เกิดขึ้น

แต่ธารก็สามารถปรับความเข้าใจกับหญิงสาวได้สำเร็จ และแล้วบ้านวังแดงก็ตกเป็นสมบัติของทั้งคู่ ตามเจตนารมณ์ของขุนครรชิตคำรน ซึ่งภายหลัง ท่านก็ได้ตัดสินใจออกบวชเป็นพระภิกษุไปในที่สุด

“ผมว่าอะไรๆ ที่เกิดขึ้นในโลกนี้แหละครับ จะเป็นวัตถุหรือความรู้สึกนึกคิดของคนเราก็ตาม มันมีบ่อเกิดของมันเอง บางครั้งเมื่อคนเราผิดพลาด ถ้าเพียงแต่เขาจะรู้ว่าบ่อเกิดของความผิดพลาดนั้นอยู่ที่ไหน เขาก็จะไม่ทำผิดอีกต่อไป…”

และแล้วในที่สุด บ้านวังแดงอันมีอดีตอันลึกลับสยองขวัญก็ปิดฉากลง ด้วยความสุขสมหวังในความรัก ของสองหนุ่มสาวที่ผ่านการพิสูจน์ด้วยความรักของกันและกัน

สำหรับนวนิยาย บ้านวังแดง มีการนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2513 โดย อมรินทร์ฤทธิศิลป โดยมี อมร ตาณพิเชษฐ์ เป็นผู้อำนวยการสร้าง กำกับการแสดงโดย บัณฑิต ศรีไชย และถ่ายภาพโดย นิวัฒน์ ศิลป์สมศักดิ์ ภาพยนตร์เรื่องนี้มีคำโปรยว่า นี่คือพยานแห่งความดีเด็ด อย่างหนึ่งซึ่งไม่มีสองยอดพิสดารบนความพิศวาส ลึกลับมหัศจรรย์ นกยักษ์ค่ามหาศาล ร่วมสร้างความตื่นตะลึง

นำแสดงโดย สมบัติ เมทะนี พิศมัย วิไลศักดิ์ โสภา สถาพร ประจวบ ฤกษ์ยามดี และ ฑัต เอกฑัต เป็นต้น และสำหรับภาพโปสเตอร์สวยๆ เรื่องนี้ ผมนำมาจากเวบไซต์ Thaifilm Review ครับ

 

สนับสนุนอ่านเอาด้วยการสั่งซื้อหนังสือ “ในสวนอักษร” คลิกที่นี่

 

Don`t copy text!