เปลือยอารมณ์

เปลือยอารมณ์

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้นครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

**************************** 

เห็นภาพวาดหน้าปก เปลือยอารมณ์ แล้ว เชื่อว่าหลายท่านต้องนึกไปถึงเนื้อหาของเรื่องในแนวอีโรติก กามาวิจิตรอันวาบหวาม รวมถึงฉากพิศวาสของตัวละครในเรื่อง ซึ่งก็ไม่ผิดไปจากความเข้าใจนัก เพราะ เปลือยอารมณ์ เล่มนี้ ประกอบด้วยเรื่องสั้นในแนวดังกล่าวอยู่ส่วนหนึ่ง นอกจากนี้ยังผสมผสานไปด้วยเรื่องราวแนวลึกลับสยองขวัญ และแนวชีวิตที่ตัวละครต้องใช้ สัญชาตญาณมืดและมโนธรรมต่อสู้กันเอง โดยมีความหวามไหวแห่งอารมณ์เป็นเดิมพัน!

โปรยหลังปกเรื่องนี้เอง ก็เชิญให้ชวนอ่านอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

“ความรัก เป็นเหมือนแมลงเล็กๆ ที่ซุกซนที่สุด มันซอกซอนเข้าไปในหัวใจของหนุ่มสาว บางครั้งก็บินมากับเสียงเพลง เสียงหัวเราะ เสียงน้ำไหล แต่บางคราวก็คลานมากับเสียงร้องไห้ และน้ำตา…”

หรือ

“ถ้าปรารถนาจะอบอุ่นอยู่กับอ้อมอกของความรัก… อย่าขายหัวใจให้แก่ความใคร่ และคนที่เอาเงินมาซื้อ”

“ฤทธานุภาพของความรัก มักแผดพิฆาตความอาย และเมื่อความอายตายแล้ว ความรักเจ้าก็เปลือย…”

ผมไม่คุ้นนามปากกา ‘รอน รัญจวน’ มาก่อน แต่จากคำนำในบท ‘ม้าไม่มีบังเหียน’ ผู้เขียนได้บอกว่า เมื่อ เปลือยอารมณ์ ได้ลงในหนังสือพิมพ์ และมีจดหมายเข้ามาทำนองต่อว่าว่า ผู้เขียนเลียนสำนวนการเขียนของนักเขียนสำนวนรัญจวนใจคนหนึ่ง ซ้ำยังระบุเจ้าของนามปากกานั้นมาด้วย ในเรื่องนี้ ข้าพเจ้าผู้เขียนเลยขอเรียนชี้แจงว่านักเขียนคนที่ท่านผู้อ่านต่อว่าว่าข้าพเจ้าเลียนแบบเขานั้น หาใช่ใครที่ไหนไม่ เขาก็คือตัวของข้าพเจ้านั่นเอง!

จึงคิดว่า นามปากกา รอน รัญจวน อาจจะเป็นอีกนามปากกาหนึ่งของนักเขียนอาชีพในยุคนั้นเช่นเดียวกัน เพียงแต่ไม่ทราบว่าเป็นท่านใด

เรื่องราวใน เปลือยอารมณ์ มีหลากหลายคละเคล้ากัน แม้แก่นหลักจะเป็นกามารมณ์ แต่ก็ใช่ว่าจะเขียนเน้นเฉพาะในฉาก ‘อย่างว่า’ เพียงประการเดียว เนื้อเรื่องยังสอดแทรกแนวความคิด และประเด็นที่น่าสนใจ อยู่ไม่น้อย

เรื่อง เสน่ห์ในตัว เป็นการสะท้อนภาพโฉมไฉไล หญิงสาวที่ทั้งรวยและสวยโสภา เรือนร่างอวบอัดมีเสน่ห์ แต่ก็ขาดความมั่นใจในตัวเอง จนต้องมาพบกับอาจารย์บุญเพ็ง สำนักสมเด็จเจ้าพระยา ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังในทางเมตตามหาเสน่ห์

และในที่สุด หล่อนก็มาพบกับอาจารย์เพื่อทำพิธีสำคัญ ท่ามกลางสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชวนศรัทธาและหวั่นเกรงในตำหนักอาจารย์บุญเพ็ง

หล่อนสะดุ้ง ทุกครั้งที่ท่านพ่อปิดทอง และเป่าพรวดลงไป ครั้งแล้วครั้งเล่า

ทุกๆ แผ่นทองที่ปิดลงบนเนินหน้าผากของหล่อนนั้น ท่านทั้งเป่า ทั้งใช้หัวแม่มือ คลึง และคลึง จนกระทั่ง หล่อนรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างผิดแผก ก่อนที่อาจารย์จะบอกว่า

“ถอดเสื้อออก! แล้วหันหลังมา จะลงทองข้างหลัง!”

และแล้ว ก่อนที่ทุกอย่างจะดำเนินต่อไปในความเคลิบเคลิ้ม เมียหมอก็โผล่ออกมาอาละวาดซะก่อน พร้อมด้วยตำรวจที่เข้ามาจับกุมพิธีเถื่อนของหมอเสน่ห์ จนทำให้โฉมไฉไลต้องรีบหนีออกไปด้วยความอับอาย

ตำรวจยังอดสงสัยไม่ได้ เมื่อเห็นเมียหมอที่สวมใส่สร้อยทองและข้าวของเต็มตัว และหมอเสน่ห์ที่แกว่นกล้ากลับกลัวเมีย จนหงอ เงินทองทุกอย่างมอบให้กับเมียหมด

หล่อนตอบอย่างไม่อายว่าสิ่งนั้นก็คือเสน่ห์ในตัวของหล่อนเองที่มัดหมอผีจนต้องยอมศิโรราบ

เรื่อง กล่อมกระทิง เป็นเรื่องของวิชัย กับช่อชะบา เมียสาวแสนสวย ที่เดินทางมาเที่ยวป่าล่าสัตว์ที่กาญจนบุรี ทั้งคู่ติดต่อให้พรานไฝให้นำทางเข้าป่า รวมถึงลูกหาบร่างบึกบึนสมชายชาตรี ที่ชื่อไอ้ตัน

รูปร่างเจ้าตันทั้งล่ำ ทั้งใหญ่ หน้ามันพรุนด้วยแผลเป็นฝีดาษ จมูกโตกว่าหัวแม่เท้า ปากหนาแบะ ตาพอง ผมหยิก ผิวเนื้อหยาบเหมือนผ้ากางเกงเลวๆ ที่มันนุ่ง

“ไอ้ตัน มีลูกเมียกะเขามั่งรึยัง”

“ยังขอรับ”

“พี่ไฝ ไม่หาให้มันสักคน ปล่อยให้เปลี่ยวอยู่ได้ ไอ้ที่ใหญ่ๆ พอฟัดพอเหวี่ยงกะมัน ไม่มีมั่งรึ?”

พรานเฒ่าหัวร่อ

“ไม่มีขอรับ ผู้หญิงกลัวไอ้ตัน”

“เฮ่ย ก็กลัวแต่ทีแรกหรอกน่า พออยู่กันไป ขี้คร้านจะรักไอ้ตันตาย รูปร่างยังงี้ เสน่ห์มันฝังในนา?”

และแล้ว เหตุการณ์ในป่าทึบก็ทำให้เจ้ายักษ์ตันต้องอยู่ร่วมกับช่อชะบา มันต้องพาช่อชะบาไปอาบน้ำในลำธาร และหญิงสาวแสนสวยที่ห่างสามี ก็หว่านเสน่ห์ใส่กระทิงเปลี่ยว แต่ไม่ว่าจะยั่วยวนเปลื้องผ้าจนเปลือยเปล่าอย่างไร ไอ้ตันก็ยังทำทีสงบนิ่งเหมือนเป็นพระอิฐพระปูน ตราบจนกระทั่ง ช่อชะบาทนไม่ไหว

“ทำไมแกไม่หาเมีย”

“ไม่มีผู้หญิงเอาผมครับคุณนาย แล้วผมก็จนด้วย”

“จนอะไร”

“จนเงินครับ

หล่อนหัวร่อเสียงบาดใจ

“ฉันว่าแกจนความเป็นผู้ชายต่างหาก ที่หาผู้หญิงรักไม่ได้”

“คุณนาย!”

เท่านั้นเอง ที่ไอ้ตันถึงจุดระเบิด และมันก็เปลี่ยนไปเป็นกะทิงเปลี่ยวที่ดุร้ายขึ้นในทันที!!

นอกจากนี้ เรื่องราว ใน เปลือยอารมณ์ ยังมีทั้งเรื่องชีวิตอย่างเรื่อง นางนอน อันเป็นเรื่องราวของโสเภณีที่กลับใจ โดยมีชายหนุ่มสูงวัยให้โอกาส แต่แล้วก็เกิดความผิดพลาดในชีวิต จนต้องจบลงด้วยโศกนาฎกรรม

แผลชีวิตของดิฉัน บอกผ่านเรื่องราวของ ‘ดิฉัน’ หรือบัวคลี่ ที่อยู่กับสามีที่ชื่อไพรัชมาหลายปี แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยมีเวลาให้เธอบ้างเลย ความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวทำให้เธอมาพบกับ รอน คำรณ ชายหนุ่มที่มีรสชาติน่าสนใจ แต่แล้วเธอก็มาพบว่าตัวเองกลายเป็นนางนกต่อระหว่าง สองชาย นายตำรวจกับโจร!

อนุทินเล่มสุดท้าย บอกเล่าความรักของเด็กสาวที่อาศัยอยู่ในบ้านผู้ดีมีกิน และเกิดความรักต่อชายหนุ่มผู้เป็นลูกชายเจ้าของบ้าน แต่ก็ต้องเก็บเอาไว้ และถ่ายทอดผ่านสมุดบันทึก ตั้งแต่ความรักที่เริ่มต้นอย่างสวยงามถูกขัดขวาง จนต้องระเหเร่ร่อนไปเริ่มต้นชีวิตกับชายคนอื่นก่อนที่โชคชะตาจะนำพาให้มาพบกับรักแรกนั้นอีกครั้ง และพลิกผันไปมา ตราบจนถึงบันทึกหน้าสุดท้ายของเธอเลยทีเดียว

เปียเด็กสาวคนนั้น บอกเล่าเรื่องราวของนักประพันธ์หนุ่มที่กำลังมีชื่อหอมหวน และเด็กสาวผมเปียที่มีความใฝ่ฝันอยากจะก้าวเข้าสู่บรรณพิภพ จนยอมเสนอความสาวความสวยให้กับเขา

“อย่าเข้าใจผิด อาบอกแล้วว่าหนูเป็นสาว อาเป็นหนุ่มมันไม่เหมาะ”

“จะเป็นอะไรคะ ก้อ ก็ถ้าคุณอาไม่รังแก หนูจะมีอะไรคะ แล้วหนูก็คิดว่าคุณอาคงไม่รังแกหนู จริงไหมคะ”

“ก็ไม่แน่ หนูแน่ใจหรือว่ามดไม่กินน้ำตาล”

“ถ้าอย่างนั้น น้ำตาลนี้เต็มใจจะให้มดกินอย่างที่สุดค่ะ”

“เปีย!”

เขารีบลุกออกไป และเมื่อกลับมาอีกครั้งก็เห็นเพียงจดหมายฉบับหนึ่งวางเอาไว้ พร้อมกระดาษห่อเล็กๆ ที่ห่อปลายผมเปียของเธอ ตัดเอาไว้ให้ แต่อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าในวันนี้เขาสามารถใช้มโนธรรมเอาชนะสัญชาตญาณมืดนั้นได้สำเร็จแล้ว!

เรื่อง : เปลือยอารมณ์

ผู้เขียน : รอน รัญจวน

สำนักพิมพ์ : รวมวิทยา

ปีที่พิมพ์ : 2504

เล่มเดียวจบ

ภาพปก : ‘พนม’

วิญญาณสยอง เป็นเรื่องในแนวสยองขวัญเรื่องเดียวใน เปลือยอารมณ์ ชุดนี้ บอกเล่าเรื่องราวของเรือยอชต์นาม ‘ท่องทะเลทอง’ นำทีมโดย กัปตันเภา เพียรดี กำลังพานักท่องเที่ยวให้บ่ายหน้าจากสัตหีบ ออกมาสู่ท้องทะเล เพื่อมุ่งหน้าไปยังพระนคร

ก่อนหน้านั้นเองได้เกิดเหตุการณ์ประหลาดเหมือนลางบอกเหตุเมื่อมีสุนัขสีดำวิ่งขึ้นมาบนเรือ และภายหลังเมื่อเรือออกก็เจอพายุพัดกระหน่ำจนหลุดพลัดมาถึงเกาะแห่งหนึ่ง

ที่นั่นเอง มีชายประหลาดนามหลวงปราบพาลผยอง ได้ฝากหีบใส่เครื่องยาไปให้เพื่อนที่มีนามว่าขุนประสงค์แพทยกิจ ที่อยู่กรุงเทพฯ พร้อมกับจดหมายฉบับหนึ่ง

ด้วยความอยากรู้ กัปตันเภา จึงเปิดจดหมายออกอ่านและพบว่า ของในกล่องคือสะดือทะเลทั้งห้าและ “เง่าผีทะเล” ที่บรรจุเอาไว้อย่างดี

ระหว่างการเดินทางนั้นเอง มีกิจกรรม เต้นรำสวมหน้ากากแฟนซี และแล้ว คืนนั้นเองที่ผู้โดยสารสองคนหายตัวไปอย่างลึกลับ มีผู้เห็นว่า ทั้งคู่เต้นรำกับผู้สวมชุดแฟนซีเป็นค้างคาวสองคน แต่ไม่อาจรู้ว่าเป็นใครกันแน่ ระหว่างนั้นเอง ลูกเรือคนหนึ่งก็โวยวายเหมือนคลุ้มคลั่งว่าเห็น ปีศาจมาปรากฏที่หน้าห้องซึ่งเก็บหีบนั่นเอง ก่อนที่มันจะตัดสินใจวิ่งหนีเตลิดจนตกเรือลงทะเลเสียชีวิต

ท่ามกลางพายุปั่นป่วนรายล้อมรอบด้าน กัปตันเภารู้ว่าเขาวนกลับมาอยู่ที่เดิมอีกครั้ง โดยไม่ได้เดินเรือห่างไปไหนเลย และความตายก็คืบคลานเข้ามาหาแต่ละคนๆ อย่างช้าๆ เยือกเย็น เขาย้อนกลับไปหาหีบนรกใบนั้น แต่มันก็หายไปแล้ว!

พระเจ้า พระเจ้าช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด ข้าพเจ้าจะทำอย่างไรต่อไปดี มันได้กำจัด ได้ฆ่าคนไปทีละคนอย่างนี้ ข้าพเจ้าจะบอกใครว่าอย่างไร เมื่อเรือถึงกรุงเทพฯ

แต่… แต่เรือจะไปถึงกรุงเทพฯ ได้แน่หรือ? มันจะเป็นไปอย่างที่ข้าพเจ้าหมายละหรือ?

กัปตันเภาตัดสินใจประชุมลูกเรือและทุกคนที่เหลืออยู่ เพื่อตามหาหีบต้นเหตุนั้นมาทำลาย แต่แล้ว สมาชิกบนเรือแต่ละคน ก็เผชิญกับภาพหลอนสยดสยอง จนต่างวิ่งกระโจนหนีลงจากเรือ ลงไปพบความตายกลางท้องทะเลลึกจนหมดสิ้น และท้ายที่สุดก็เหลือแต่เขาเพียงคนเดียว

เภาตัดสินใจ ผูกมือตัวเองเอาไว้กับพวงมาลัยด้วยสายตะกรุดเครื่องรางที่มีอยู่ ก่อนที่จะเห็นร่างของปีศาจทั้งคู่ เดินตรงเข้ามาหา…

ฉากอวสานของเรื่อง เกิดขึ้นในเช้าวันใหม่ที่ท่าเรือสัตหีบ เมื่อเรือท่องทะเลทองลอยลำมาเกยอยู่ที่ชายฝั่ง ก่อนที่สุนัขสีดำจะวิ่งเตลิดออกมาจากเรือเพื่อขึ้นฝั่ง และเมื่อทุกคนขึ้นไปสำรวจบนเรือ ก็พบเพียงร่างของกัปตันเภา นอนเสียชีวิตคาพวงมาลัยอยู่เพียงลำพัง

สำหรับ เปลือยอารมณ์ เล่มนี้ จึงเป็นเสมือนการเปิดเปลือยอารมณ์ในทุกๆ ด้าน ของมนุษย์ ให้ผู้อ่านได้เสพย์อรรถรสจากตัวอักษร ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์แห่งกามารมณ์ ความสุข ความหวัง ความทุกข์ทรมาน หรือแม้แต่ความหวาดสยองภายในจิตใจก็ตาม…

Don`t copy text!