เมื่อคืนนี้ผู้หญิงกับผู้ชาย

เมื่อคืนนี้ผู้หญิงกับผู้ชาย

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้นครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

**************************** 

 

ผมเคยประทับใจกับบทกลอน ที่ชื่อ ‘ไฟรัก ไฟลา ไฟชัง’ ของนักกลอนรุ่นครู ‘รยงค์ เวนุรักษ์’ ที่ท่านเขียนไว้อย่างสวยงามไพเราะว่า

คือน้ำผึ้ง คือน้ำตา คือยาพิษ                      

คือหยาดน้ำอมฤตอันชื่นชุ่ม

คือเกสรดอกไม้คือไฟรุม                     

คือความกลุ้มคือความฝัน…นั่นแหละรัก

มาทราบภายหลังว่านี่คือนามปากกาของนักเขียนหญิงแนวแนวกามาวิจิตร (ในบทความของ กว่าชื่น บางคมบาง กล่าวว่า ท่านเป็นนักเขียนที่เขียนเกี่ยวกับผู้หญิง ที่นำเสนอเพศวิถีของผู้หญิงอย่างเปิดเผยในยุคนั้น) นามจริงของท่านก็คือ คุณมานี ศุกรสูยานนท์ ผู้มีผลงานเลื่องชื่ออย่าง กระดังงากลีบไหน และนอกจากนี้ น้องสาวของท่านเองก็คือ คุณเพ็ญแข ศุกรสูยานนท์ ก็เป็นนักเขียนในกลุ่มดังกล่าว ซึ่งมีสมาชิกนักเขียนร่วมด้วยอย่าง คุณสุวรรณี สุคนธา และ คุณธิดา บุนนาค

สำหรับ เพ็ญแข ศุกรสูยานนท์ นั้นเป็นนักเขียนผู้มีผลงานโดดเด่นไม่แพ้กัน โดยเฉพาะรวมเรื่องสั้น เมื่อวานนี้มีผู้ชายกับผู้หญิง และ คืนนี้มีผู้หญิงกับผู้ชาย ที่ผมกำลังเขียนถึงอยู่ ณ เวลานี้

ปกติผมคุ้นชินกับการอ่านงานเขียนเรื่องสั้นในสไตล์หักมุมจบ ที่ดำเนินเรื่องกระชับเน้นพล็อตเรื่องที่มีปมปริศนาคือประเด็นอันเข้มข้นในการขมวดและปิดท้ายอย่างคาดไม่ถึง แต่สำหรับงานเขียนของ เพ็ญแข ศุกรสูยานนท์ เป็นเรื่องสั้นในอีกสไตล์หนึ่งที่เน้นห้วงอารมณ์ ความรู้สึกและการเล่นกับภาษา ซึ่ง อุษณา เพลิงธรรม ได้เขียนถึงงานชิ้นนี้เอาไว้ว่า

“เธอได้กำซาบเอาไว้ซึ่งบุคลิกในงานเขียนอันมีลักษณะหลายพรรณของเธอ ตามลักษณะของป่าดอยอันหลากหลาย อยู่ทั้งความสวยงาม ความหอม ความเสนาะ ความหฤหรรษ์ ตลอดจนความดุและร้ายในวงศาต่างๆ ดังเป็นที่ประจักษ์ในเรื่องสั้นนานาพรรณของเธอ”

และในรวมเรื่องสั้นชุดนี้ ประกอบด้วย 10 เรื่องสั้น อันสะท้อนอารมณ์อันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เรื่อง ฝัน ณ ยามต้นฤดูร้อน เรื่องราวอันบอกเล่าถึงเรื่องราวระหว่างคุณหมอทิพย์ผกาแสนสวย กับคนไข้หนุ่มธนีย์ ที่เธอมีโอกาสได้ดูแลเขา จนเกิดความรักความผูกพัน ผ่านเสียงเพลงของ ฟ็องเต้ และท่ามกลางบรรยากาศอันรื่นรมย์ในอ้อมกอดของเขา ในรอยจูบของเขา…

พระอาทิตย์ต้นฤดูร้อนสีแดงเข้มอ้อยสร้อยอยู่กลางกลุ่มเมฆฟ่องขาว ซึ่งบัดนี้เหลือบแรด้วยสีชมพูทั้งอ่อนและเข้มหลั่นกันเป็นชั้นเชิง งามสลัวและซับซ้อน ทิพย์ผกาจูแขนคนไข้ของเธอเดินเอื่อยลงสู่ลาดเนินที่มีพรมหญ้าสีเขียวสดใส แซมสล้างด้วยดอกดาวกระจายต้นเตี้ยที่กำลังบานเหลืองอร่าม ระเนนไสวตามแรงลม…

และทิพย์ผกาก็ตื่นขึ้นมา เมื่อสิ้นสุดเสียงเพลงนั้น กับความเป็นจริงที่ชายหนุ่มไม่ได้อยู่กับหล่อนอีกต่อไปแล้ว…

นุชราหาเสียง เป็นเรื่องที่ฉีกอารมณ์จากเรื่องแรกไปอย่างสิ้นเชิง เรื่องราวเกิดขึ้นบนโรงพัก เมื่อนายตำรวจจับกุมหญิงสาวที่เดินเปลือยกายอยู่หน้าบาร์กุหลาบเหลือง เพื่อหาเงินจากฝรั่งนักเที่ยว หล่อนมีชื่อว่านุสรา…

“ก็นุสราน่ะสิ แต่ตอนนี้ มีผัวมานับไม่ถ้วน ก็ต้องโทรมลงๆ เลยเป็นเป็นอีนุชราเสียก็ยังได้ใครจะทำไม?”

“แล้วนึกยังไงขึ้นมาถึงได้นุ่งกางเกงลิงตัวเดียว ออกมาเดินก๋ากลางถนนอย่างนั้น รู้ไหมว่ามันผิดกฎหมาย”

“ก็รู้เหมือนกันแหละ แต่เห็นว่าแถบนี้มันถิ่นมะริกันอยู่ คงไม่เป็นไร ใครๆ ก็เกรงมันทั้งนั้น มันจะเป็นนี่นะผู้กอง ฉันไม่ทำอย่างนี้ จะเอาอะไรกินเข้าไป ตั้งแต่ไอ้ทอมมี่มันหายหัวก็ไม่มีใครมาจ้างเป็นรายวีคอีก แม้แต่จะมีเที่ยวสักประตูสองประตูก็ไม่มี จะเอาเงินที่ไหนไปซื้อกิน ไปฉีกยา ไปเลี้ยงลูก…”

เขาจึงรู้ว่าหล่อนยังมีลูกต้องเลี้ยงดูอีกคน แต่เมื่อนุสราถูกควบคุมตัวไว้ที่โรงพักจนถึงเช้า ทำให้ ผู้กองต้องตัดสินใจไปบ้านของเธอ เพื่อเอาเด็กทารกน้อยมาให้ภรรยาช่วยเลี้ยงไว้ชั่วคราว ก่อนจะส่งคืนให้กับเธอในวันรุ่งขึ้น และทำให้เขาถึงกับละเมอถึงเรื่องราวของแม่นุชรา ผู้หาเสียงให้กับความยุติธรรมในอาชีพของเธอ จนถูกภรรยาแซวในตอนเช้า…

ความรักยังคงอยู่ เป็นเรื่องราวของสาวน้อยแป้งร่ำ สาวชาวเขาที่ไม่สนใจหนุ่มบ้านเดียวกัน ที่มาจีบและชวนไปพลอดรัก แต่หล่อนกลับมีเป้าหมายไปยังหนุ่มชาวเมืองที่มาออกพัฒนาชุมชนที่หมู่บ้านชาวเขาแห่งนั้น จนปล่อยตัวปล่อยใจไปกับหนุ่มนักพัฒนา คนหนึ่ง

เขาให้น้ำหอมขวดน้อยเป็นกำนัล บอกว่าหญิงชาวเมืองนั้นชอบใส่น้ำหอมเอาไว้ในที่ต่างๆ กันทั่วตัว ให้ฝ่ายชายเป็นผู้ค้นหาจุดแห่งความหอมเหล่านั้น แป้งร่ำและชายชาวเมืองสำเริงกรีฑากันสมและสาใจในดวงสาบเสือที่สลัวเลือนจากแสงตะวันภายนอก

เขาซุกหน้าเข้าหากลิ่นหอมจากซอกทรวง ไม่นำพาต่อเสียงของแป้งร่ำที่เฝ้าแต่ลนลานค้านว่ามิได้ทาน้ำหอมไว้ลึกซึ้งถึงเพียงนั้น…

และแล้ว หนุ่มนักพัฒนาก็ถึงเวลาต้องกลับเมือง และหล่อนก็ตั้งครรภ์ลูกของเขา โดยมีจะนะ เจ้าหนุ่มชาวเขา ที่เคยฝากรักเธอเอาไว้ ยินดีรับแป้งร่ำเป็นเมีย และทำให้หล่อนได้เรียนรู้ว่า…

“แล้วสูก็ทำกับข้าเหมือนชายอื่นๆ”

“ก็พี่เป็นชายเหมือนเขาอื่น น้องก็รู้”

“นั่นซี มันก็เหมือนกันทั้งนั้น โลกหนอ ดอกไม้ก็ยังงาม น้ำค้างก็ยังร่วง สูก็ร้องแต่เพลงเก่าๆ แล้วข้า… ก็ต้องเอาผัวคนดอยเข้าจนได้ เชอะ! ผู้ชายมันก็เหมือนกันทั้งนั้น!”

ลูกผู้ชายชาวดอย ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สะท้อนชีวิตชาวเขา ผ่านเรื่องราวของเจ้ามะขาม หนุ่มดอยรูปหล่อที่มีเมียขี้หึงอย่างนางมะปราง เพราะมีนางมะแว้ง หญิงสาวปากมาก ที่คอยใส่ไฟ ยุแยงให้ทะเลาะกัน ยิ่งเมื่อไอ้มะขามต้องข้ามไปดอยคำ และพ่อของนางมะขวิด สาวสวยแห่งดอยคำ ก็ชักชวนให้มันไปช่วยงาน โดยที่สาวน้อยมะขวิด ชายตาให้ท่าเชิญชวนไปพร้อมกัน ไอ้มะขามจึงไม่ปฏิเสธ

ถ้าเรื่องนี้นางมะแว้งตัวแสบไม่มาปูดให้เมียมันรู้เสียก่อน งานนี้ไอ้มะขามหนุ่มชาวดอย เลยต้องใช้กลยุทธ์ทั้งกล่อมเมียด้วยฤทธิ์เสน่หา จนนางมะปรางผล็อยหลับไป และจากนั้นก็ถึงเวลาที่มันจะเดินทางไปดอยคำ ตามนัดหมายกับสาวน้อย มะขวิด เพื่อไม่ให้เสียเชิงชาย

แต่ก่อนจะไปที่ดอยคำ คงต้องหาทางล้างแค้นนางปากบอนอย่างมะแว้งเสียก่อน มันรู้ดีว่าอีกฝ่ายปากบอนไม่ใช่เพราะหวังดีต่อมะปรางเมียรักหรอก แต่นางมะแว้งเองก็หึงมันเช่นกัน!

ลูกผู้ชายชื่อไอ้มะขามหันมาจูบดอกปันหยีบนแก้มเมียเบาๆ แล้วย่องหนับออกมาจากกระท่อม… ที่ต้องย่อง เพราะกลัวเมียจะตื่น… ก็ลูกผู้ชายมันก็ต้องกลัวเมียน่ะซีเล่า!

ยุพดีที่สายแล เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ให้อารมณ์ขันขื่นอยู่ไม่น้อย เรื่องราวเกิดขึ้นที่ทุ่งสายแล หมู่บ้านชาวไทยใหญ่ที่ใช้ต้นสายแลทำกระดาษสาเป็นอาชีพ และเมียวดีก็เป็นเด็กสาวที่เกิดและเติบโตขึ้นที่นี่ แต่มีความทะเยอทะยานมากกว่า จะใช้ชีวิตจำเจอยู่ในหมู่บ้านกันดารดงเช่นนี้ไปตลอดชีวิต ดังนั้นเมื่อวันหนึ่ง เมียวดีไปเที่ยวกับเพื่อนและเมื่อรู้ว่าเมียวดีอยากมีเงินเยอะ มีผัวเป็นข้าราชการที่ไม่ใช่เสมียนต๊อกต๋อย เขาจึงเสนอเงื่อนไขให้เธอ

“เขาเป็นนายของอ้าย ชั้นตรีเลยเชียวนะ”

“จริงหรือ อย่าหลอกเฮานะ”

แล้วเธอก็ถูกพาไปหาท่านที่บ้านพัก จากนั้นไม่นานเมียวดีก็เป็นคุณนายของท่านชั้นตรี โดยท่านเปลี่ยนชื่อใหม่ให้หล่อนเป็น ‘ยุพดี’ ตราบจนกระทั่งท่านต้องถึงวาระย้ายไปที่อื่น และฝากฝังเธอไว้กับท่านคนใหม่ และคราวนี้เขาเป็น ‘ชั้นโท’ เมียวดีก็เลยได้เป็นคุณนายประจำของเขาคนใหม่ไปโดยปริยาย อยู่มาอีกไม่นานนักท่านก็ต้องย้ายไปอีก แม้หล่อนจะขอติดตามไปด้วย แต่ท่านก็ไม่ยอมเพราะมีเมียอยู่แล้ว แต่บอกว่าจะฝากหล่อนไว้กับท่านคนใหม่ ที่จะมารับตำแหน่งแทน

คราวนี้เป็นชั้นเอก!

แม้ว่าท่านจะแก่ไปหน่อย และขอให้หล่อนกลับไปอยู่บ้านสายแล โดยให้คนมาคอยเรียกไปทำหน้าที่คุณนายเวลาที่ท่านต้องการ

วิธีนี้ก็ง่ายดีเหมือนกัน ไม่ต้องคอยอยู่รับใช้เอาใจ นานๆ ท่านก็จะให้คนมาเรียกไปนอนด้วยสักครั้ง แม้จะไม่เป็นคุณนายออกหน้าเหมือนเมื่อก่อน แต่คนบ้านสายแลก็รู้ว่าเธอคือคุณนายยุพดีของข้าราชการชั้นเอก ก็จะเอายังไงอีก เมียวดีเป็นเพียงสาวชาวป่า ได้พยายามสร้างตัวมาจนมีผัวเป็นชั้นเอก ด้วยความต้องการที่จะก้าวหน้าจากน้ำแพงของตัวเองแท้ๆ… ต่อไปจะต้องเป็นคุณนายชั้นพิเศษให้ได้ เธอตั้งปณิธานไว้ในใจ

และแล้ว ท่านคนที่สามของเมียวดีก็ได้ชั้นพิเศษจริงๆ แต่ต้องย้ายเข้ากรม ท่านบอกหล่อนว่าจะฝากฝังคนที่มาใหม่ให้อุปการะต่อไป แม้ว่าคนใหม่จะเป็นแค่ชั้นเอก ไม่ใช่พิเศษ อย่างที่เธอหวังไว้ก็ตาม…

เรื่อง : เมื่อคืนนี้ผู้หญิงกับผู้ชาย

ผู้เขียน : เพ็ญแข ศุกรสูยานนท์

สำนักพิมพ์ : ประพันธ์สาส์น

ภาพปก : ช่วง มูลพินิจ

ปีที่พิมพ์ : 2513

เล่มเดียวจบ

เรื่องสั้นเรื่องนี้ ปิดท้ายด้วยความคิดของเมียวดี ที่รำพึงกับตัวเองว่า

“ก็ยังดี…” เธอคิดอย่างเลื่อนลอย ยังดีกว่าต้องอยู่อย่างไม่มีอะไรเลย อยากร้องไห้ ก็ไม่รู้จะร้องไปทำไม เธอปลอบใจตัวเองอีกต่อไปว่า สาวบ้านไหนจะมาก้าวหน้า เท่ายุพดีแห่งทุ่งสายแลนี้ เห็นจะหาไม่ได้อีกแล้ว!

รวมเรื่องสั้นชุดนี้จึงเป็นเรื่องสั้นในอีกสไตล์หนึ่งที่เปิดเปลือยอารมณ์ความรู้สึก ผ่านทัศนคติของตัวละคร ซึ่งแต่ละคนต่างก็มีเหตุผล และการกระทำแตกต่างกัน เป็นอรรถรสในการอ่านอีกรูปแบบหนึ่งที่มีความน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวครับ

Don`t copy text!