บ้านนี้มีแม่ม่ายไหมครับ

บ้านนี้มีแม่ม่ายไหมครับ

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้นครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

**************************** 

ในสมัยเด็กๆ ที่บ้านของผมจะรับหนังสือนิตยสารหลายเล่ม ไม่ว่าจะเป็น สกุลไทย มติชน สตรีสาร รวมถึงนิตยสารรายปักษ์ ลลนา ที่มีทั้งนิยายและคอลัมน์ต่างๆ มากมาย รวมถึงชื่อเรื่องสะดุดตา ‘บ้านนี้มีแม่ม่ายไหมครับ’ รวมอยู่ด้วย ยอมรับว่าตอนแรกไม่รู้เลยว่านี่เป็นเรื่องสั้นที่เขียนขึ้นโดยนักเขียนท่านใด เพราะไม่คุ้นทั้งชื่อเรื่องแปลกๆ เป็นรูปประโยคคำถาม และนามปากกา ‘กระเรียนทอง’ ซ้ำยังเข้าใจมาโดยตลอดว่าผู้เขียนเรื่องนี้เป็นผู้ชาย และเป็นเรื่องชีวิตจริงมากกว่าเรื่องแต่งเสียด้วยซ้ำ เพราะเป็นเรื่องราวแนบขบขันคอเมดี บอกเล่าผ่านชีวิตของ ‘ผม’ หรือนายกระเรียนทอง ผู้เขียนนั่นเอง

จนมาทราบภายหลังว่า กระเรียนทองนั้นแท้จริงแล้วก็คืออีกนามปากกาหนึ่งของ กฤษณา อโศกสิน ศิลปินแห่งชาติและนักเขียนนวนิยายรุ่นครูผู้มีผลงานและเรื่องราวอันหลากหลาย รวมถึงในแนวหัสคดี หรือแนวขบขันผสมยั่วล้อที่แตกต่างจากงานเขียนเล่มอื่นๆ ของท่านโดยสิ้นเชิง

จากคำนิยม ของ ‘กฤษณา อโศกสิน’ ในเล่มนี้ เมื่อ 12 เมษายน 2535 ท่านได้เขียนเล่าไว้เพียงสั้นๆว่า

ข้าพเจ้าสงสาร “กระเรียนทอง” ตรงที่อยากเขียนเรื่องตลกเสียจริง จึงได้คอยเป็นกำลังใจให้เขียนเรื่องเบาๆ ที่สุดแสนจะไม่ตลกขึ้นมาจนรวมเป็นเล่มเล็กๆ ได้หนึ่งเล่ม คือเล่มแรกและเล่มเดียวที่อยู่ในมือผู้อ่านนี่แหละ

แม้ว่าแกจะวางปากกาไปนานแล้ว แต่ข้าพเจ้าคิดว่า เรื่องแย่ๆ อย่างนี้จะหาที่ไหนมาอ่านไม่ได้อีก ดังนั้น เมื่อแกวิ่งหน้าตาสดชื่น มาบอกข้าพเจ้าว่ามีสำนักพิมพ์มาขอรวมเล่มแล้ว หลังจากเก็บดองไว้นานกว่าสิบปี ก็เลยตกลงใจกัดฟันเขียนคำนิยมให้  

ใครไม่อ่านเรื่องสั้นโดยกระเรียนทอง จะต้องเสียใจทั้งภายหน้าและภายหลัง

สำหรับเรื่องสั้นชุดนี้เคยลงตีพิมพ์ในนิตยสาร ‘สตรีสาร’ ในช่วง ปี พ.ศ. 2514 มาก่อน ในชื่อตอน ‘บ้านนี้มีแม่ม่ายไหมครับ’ และในตอน ‘ร้านนี้มีพริกป่นไหมครับ’ ในปี พ.ศ. 2516

จากนั้น ก็มีโอกาสได้เขียนเรื่องราวต่อเนื่องมาลงในนิตยสาร ลลนา ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2521 ในตอน เที่ยวบินนี้มีตะละแม่ไหมครับ และ ที่นี่มีแม่ม่ายลูกติดไหมครับ ทั้งสี่ตอน สี่พฤติการณ์ ของนายกระเรียนทอง ต่อมาจึงได้นำมารวมเล่มขนาด พ็อกเก็ตบุ๊กในชุด ‘บ้านนี้มีแม่ม่ายไหมครับ’ เล่มนี้นั่นเอง

ผมไม่แน่ใจว่า งานเขียนของ อาจารย์กฤษณา อโศกสิน ในนามปากกากระเรียนทองนี้ ยังมีเล่มอื่นหรือไม่ นอกจากหนังสือเล็กๆ เล่มนี้ เพียงเล่มเดียวเท่านั้นเองครับ

เรื่องราวของชุดเรื่องสั้นนี้ บอกเล่าผ่าน ‘ผม’ ก็คือนายกระเรียนทอง ชายหนุ่มวัยย่างสามสิบผู้ที่นอกจากจะมีโรคหอบหืดเป็นโรคประจำตัวแล้ว รูปร่างหน้าตาของเขายังมีความยาวในทุกสัดส่วน ไม่ว่าจะท้องยาว ตัวยาว หน้าขาว แขนขายาว จนได้รับฉายาว่าไอ้กระหร่องเทศ ไอ้ใส้กรอก ไอ้ขวดโคล่าตกแตก ฯลฯ

แต่ที่พิเศษยิ่งไปกว่านั้นคือรสนิยมในการเลือกคู่ครองของเขา ยอดชายนายกระเรียนทอง

และอีกอย่าง แม่ผมอยากให้ผมแต่งงานกับสาวๆ โสดๆ โธ่ สาวๆ โสดๆ ให้ผมตายคารังหืดเสียดีกว่า หล่อนจะไปน่ารักเหมือนพวกแม่ม่ายได้ยังไง ผมยังมองไม่เห็นทาง

ครับ แม่ม่าย เหตุผลที่ผมชอบแม่ม่ายน่ะหรือฮะ ก็เพราะผมรักแม่ผมมากที่สุดในโลกนั่นแหละ เวลาผมจับหืด แม่จะกุลีกุจอลุกออกมาหายาให้ผม… ก็ยังงี้แหละ ผมถึงต้องการผู้หญิงมีอายุแก่กว่าผม เคยผ่านการบ้านการช่อง การครองชีวิตมาแล้ว ไหนครับ… ลูกติดน่ะหรือ ไม่มีก็ดี แต่ถึงมีก็ไม่เป็นไร เอาเป็นว่า ผมใจกว้างพอจะเป็นคุณลุงที่ดีก็แล้วกัน…

แล้วเรื่องราวของนายกระเรียนทอง ก็เริ่มต้นขึ้น…

จากการจีบแม่ม่ายสาวแต่ละราย ซึ่งมีทั้งสมหวัง ผิดหวัง หรือถูกหลอกไปบ้าง ตามประสา จนกระทั่งถึงกับเหินฟ้าไปเที่ยวเมืองพม่า และติดใจเสน่ห์สาว ‘ตะละแม่’ เมืองหม่อง ซึ่งกระเรียนทองผู้เขียนได้เล่าเรื่องราวไว้ เหมือนกับการพาผู้อ่านไปเที่ยวย่างกุ้ง และเรื่องราวเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยต่างๆ ของเมืองพม่า ผสมผสานด้วยพฤติการณ์จีบสาวม่ายของนายกระเรียนทอง ตัวเอกของเรื่องนี้

จนมาถึงเรื่องสั้นขนาดยาวเรื่องสุดท้าย ที่ลงในนิตยสาร ลลนา ในชื่อ ที่นี่มีแม่ม่ายลูกติด ไหมครับ เมื่อเขาได้พบกับ แม่ม่ายแสนสวย คุณธัญญา และ ยาแดง ลูกติดของเธอ ผู้เป็นสาวน้อยวัยแรกรุ่นวัยสิบสี่ ตัวโตเกินอายุ แถมยังแก่นเซี้ยวเปรี้ยวซ่า ชนิดไม่เกรงกลัวใครและยังปากกล้าเสียจนหนุ่มๆ ที่มาจีบแม่ของเธอหัวหดหนีไปตามๆกัน

‘ยาแดง’ ที่ถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจจนเคยตัว แม้แต่ธัญญาเองก็อ่อนใจ แต่กลายเป็นว่า เมื่อเจอนายกระเรียนทองจอมกะล่อน ยาแดงกลับติดอกติดใจจนแทบจะกลายเป็นเพื่อนเล่นกันไปเลย เพราะความจริงแล้ว ที่เขายอมเป็นลูกไล่ให้กับสาวน้อย ก็เพื่อหวังผลเฉพาะหน้านั่นเอง

เนื่องจากรู้ดีว่าตอนนี้มีหนุ่มๆ มาขายขนมจีบแม่ของเธออยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะลุงเกริก หนุ่มหล่อที่กระเรียนทองถือเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่ง

ยอมแม้กระทั่งไปเที่ยวแดนสุขาวดีอันเป็นสวนสนุกชื่อดังในยุคนั้น แถมถูกยาแดงหลอกพาไปขึ้นรถไฟเหาะ เข้าบ้านผี ฯลฯ จนเขากลัวแทบอ้วกแตก และผลลัพธ์ที่ตามมาในเช้าวันรุ่งขึ้น

ถ้าไม่บอก คุณคงไม่รู้แต่ ถึงเดายังไงก็ผิด

เอาล่ะฮะ ผมจะเล่าให้คุณฟังถึงผมกระจุกหนึ่งบนหัวผมที่มันหลุดตามหวีออกมาจนผมต๊ะกะใจ จนเห็นหัวขาวเว่อเป็นวงกลม โตสักเท่ามะนาว

“ตายแล้ว กระเรียน นั่นแกไปทำอะไรมา” แม่ผมส่งเสียงร้องโวยเมื่อผมเดินผ่านไป

“ตัวอะไรมันแทะหัวแกเรอะ ถึงได้ถลอกโล่งยังงั้น”

ตกลง ‘ผม’ เลยต้องเสียเงินไปปลูกผมใหม่ หลังจากตื่นเต้นกับเครื่องเล่นในแดนสุขาวดีนั่น เสียจนหัวโกร๋น!

เรื่อง : บ้านนี้มีแม่ม่ายไหมครับ

ผู้เขียน : กระเรียนทอง

สำนักพิมพ์ : รวมสาส์น

ปีที่พิมพ์ : 2535

เล่มเดียวจบ

พฤติกรรมสุดแสบของหนูยาแดง ยังมีเยอะในเล่มนี้ จนเมื่ออ่านไปเรื่อยๆ ก็ชักจะเริ่มสงสารนายกระเรียนทอง พระเอกของเรื่อง (รึเปล่า?) อยู่ไม่น้อย ที่ยอมทุกอย่างให้กับยาแดง เพื่อหวังเอาชนะใจคุณธัญญาแม่ของเธอ จนถึงตอนท้ายที่สุดของเรื่อง เมื่อยาแดงมาบอกข่าวดีกับเขา ว่าแม่ของหล่อนกำลังจะแต่งงาน…

กับลุงเกริก!

แม้จะอกหักดังเป๊าะอีกครั้ง แต่นายกระเรียนทองก็ได้ใจยาแดง เด็กสาวตัวแสบไปไม่น้อย ซ้ำเจ้าหล่อนยังปลอบใจเขาเป็นการปิดท้ายวีรกรรมครั้งล่าสุดอีกด้วย

ยาแดงกะพริบตา

“สงสารน้าจัง แต่มานี่แน่ะ ยาแดงจะบอกอะไรน้าอย่าง”

หล่อนเอียงตัวเข้ามากระซิบ “ดีแล้วละน้า ที่แม่เค้าไม่รักน้าน่ะ อย่าแต่งเล้ยกะแม่ม่ายลูกติด”

ผมหัวเราะ เอ็นดูหล่อนเต็มแก่

“โดยเฉพาะลูกติดอย่างยาแดง ปวดหัวออกน้า ถึง ไอ.คิว. จะร้อยสิบก็เหอะ”

ผมผลักหัวหล่อนเบาๆ นึกว่าหล่อนเป็นหลานในใส้จริงๆ

“สวัสดีนะน้า… น้าชอบแม่ม่ายไม่เป็นไรหรอก อย่ามีลูกติดเป็นใช้ได้นะน้านะ” หล่อนยิ้มใสเหมือนเด็กเล็กๆ

และเมื่ออ่านเรื่องสั้นชุดนี้จบลง ได้แต่หวังว่าจะมีโอกาสได้อ่านพฤติการณ์ของนายกระเรียนทอง พระเอกอารมณ์ดีที่น่าสงสารคนนี้ ว่าจะได้พบกับแม่ม่ายสักคน ที่พร้อมจะมอบใจให้กับเขา โดยไม่ต้องอกหักอีกครั้ง!

 

Don`t copy text!