เจ้าการเวก

เจ้าการเวก

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้นครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

****************************

สำหรับงานเขียนของ อุปถัมภ์ กองแก้ว หรือชื่อจริงคือ คุณอุปถัมภ์ จันทรสกุนต์ นักเขียนรางวัลนราธิป ครั้งที่ 10 ประจำปี พ.ศ. 2553 นั้น ผมจะคุ้นเคยกับผลงานนิยายแนวชีวิตรักหรือพาฝัน อย่างมัจจุราชสีน้ำผึ้ง ระเบียงรัก มงกุฎฟาง หรืออย่าง ตลาดอารมณ์ ที่เคยสร้างเป็นละครและภาพยนตร์มาก่อนหน้า แต่สำหรับ เจ้าการเวก นับเป็นผลงานเขียนในอีกสไตล์หนึ่งที่แตกต่างออกไปจากงานที่กล่าวมาข้างต้นเลยทีเดียว น่าจะเรียกได้ว่าฉีกแนวงานของ อุปถัมภ์ กองแก้ว ที่ผมเคยอ่านมาก่อน

เจ้าการเวก เป็นเรื่องราวชีวิตในชนบทลูกทุ่งไทยในเขตจังหวัดสุโขทัย เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในหมู่บ้านหนองเต่าทอง ที่มีครอบครัวของพ่อเฒ่าแสงอาศัยอยู่ด้วย

คุณอุปถัมภ์ กองแก้ว

พ่อเฒ่าแสงอดีตลิเกเก่า แต่งงานอยู่กินกับนางบัวจนมีลูกด้วยกันสองคน คนโตคือ บุนนาค สาวน้อยแสนสวยที่พ่อเฒ่าแสงรักนักหนา จนส่งเรียนต่อจบมาเป็นครูในโรงเรียนชายป่าแห่งนี้ ส่วนคนน้องคือสมบุญ เป็นเด็กสาวขยันขันแข็ง เอาการเอางาน แต่หน้าตาไม่สะสวยเหมือนพี่สาว เพราะเคยเป็นไข้ฝีดาษตอนเด็กมาก่อน และเมื่อเรียนจบแค่ชั้นต้น ก็ต้องลาออกมาช่วยงานพ่อเฒ่าแสง เมื่อภรรยาของแกเสียชีวิตลง

เฒ่าแสงเลิกราอาชีพลิเกมาทำไร่ทำนาที่บ้านหนองเต่าทอง โดยมีสมบุญคอยช่วยเหลือ ขณะที่บุนนาคเองก็ทะนงว่าตัวเอง มีทั้งความสาวความสวย และความรู้ดีกว่าน้องสาว โดยเฉพาะมีปลัดหนุ่มนามสุวิทย์มาชอบพอ ทำให้มีหน้ามีตาในหมู่บ้านไม่น้อย บุนนาคชอบคิดว่าน้องสาวมีแต่ความอิจฉาริษยาตัวเอง แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ และมักจะว่าให้สมบุญเสียใจอยู่เสมอ

วันหนึ่งมีพระธุดงค์มาปักกลดอยู่ท้ายหมู่บ้าน และเฒ่าแสงก็พาลูกสาวมาทำบุญใส่บาตร หลวงพ่อด้วง พระอาวุโสได้ดูดวงชะตาและทำนายไว้อย่างน่าตกใจว่า

สมบุญเอ๋ย รูปร่างหน้าตามันก็เท่านั้น ตายแล้วเน่าเหมือนกันหมด ใจของเจ้า ความรู้คิดของเจ้าที่ติดตัวมานั่นแหละ จะทนรับเวรเก่าของเจ้าได้หมด เจ้าจะรู้ทางไป จะไม่อับจน แต่จะมีเรื่องร้ายที่พบจากนี้อีก คือเสียชื่อเสียง เสียหน้า เสียตัว และสมบุญจะมีส่วนในการฆ่าพ่อของตัวเอง!”

คำทำนายนั้น ทำให้สมบุญไม่สบายใจ หล่อนมีความกตัญญูต่อบิดาเหนือชีวิต และยิ่งฐานะของเฒ่าแสงยากจนลงเรื่อยๆ ทำให้ สมบุญตัดสินใจไปสมัครอยู่กับคณะลิเกของแม่ผิวพ่อเยื้อน ที่เป็นสหายร่วมวงลิเกของเฒ่าแสงมาก่อนที่สวรรคโลก เพื่อหาเงินมาช่วยจุนเจือครอบครัว และที่นั่นเอง สาวน้อยเสียงหวานปานนกการเวกก็ได้เจอคู่ปรับอย่างไอ้ยวง ลูกชายพ่อเยื้อน ที่เป็นพระเอกและหัวหน้าคณะลิเกรูปงาม แต่ปากจัด ทั้งคู่มีปากเสียงปีนเกลียวกันตั้งแต่แรก

“พ่อต่อพ่อทักทายสนิทสนมรักใคร่ แต่เจ้าลูกสาวลูกชายนั้นต่างไม่ค่อยจะกินเกลียวกันเลย ทั้งที่ที่ต่างนึกชมอยู่ในใจว่า

“ไอ้นี่ตามันลุกยังกะตาเสือ”

“อีคนนี้ช่างกระไร หน้าพรุนเป็นลูกมะกรูด แต่ตาคมกริบเหมือนมีดโกนเชียวนิมึง”

ในขณะที่เฒ่าแสงพาสมบุญมาฝากตัวที่บ้านพ่อเยื้อนนั่นเอง บุนนาคซึ่งอยู่คนเดียว ก็มีโอกาสได้ต้อนรับปลัดสุวิทย์ ที่มาพูดคุยพลอดรักจนดึกดื่น  และแล้ว…

แล้วค่อนคืนนั้นเอง เมื่อน้ำค้างตก กลิ่นดอกบุนนาคก็หอมตลบอบอวลไปทั่วท้องนาบ้านหนองเต่า ให้แมลงภู่อิ่มเอมว่า ไม่เสยทีเป็นบุนนาคเพิ่งแย้มกลีบ ไม่เอ๋ย ถึงไม่ได้ทัดหูอวดใคร พี่ก็จะถือติดมือไว้ให้กลิ่นฉมกำจาย

แม่ผิวเอ็นดูสมบุญในความกตัญญูและขยันขันแข็ง แม้จะหน้าตาไม่สวยแต่เสียงไพเราะ ในขณะที่ไอ้ยวงเองตั้งแง่รังเกียจและชอบกลั่นแกล้งหญิงสาว โดยมีไอ้เตี้ย สมุนที่รับบทลิเกตลกจะคอยช่วยเชียร์ ส่วนนางลำพู นางเอกลิเกคณะ ก็ไม่ชอบหน้าหล่อนเท่าใดนัก

ในโอกาสหนึ่ง เมื่อลำพูไม่สามารถไปเล่นลิเกในบทนางเอกได้ ทำให้สมบุญต้องรับบทแทน และแล้วก็เป็นโอกาสให้ เจ้ายวงซึ่งชอบแกล้งหล่อนเล่นบทบาทเข้าพระนางอย่างเต็มที่ จนทำให้หญิงสาวรู้สึกทั้งอับอายและหวั่นไหว หล่อนหนีกลับมาที่บ้านหนองเต่าทอง จนทำให้ยวงต้องมาตามตัวกลับไป และเมื่อเขาเห็นหน้าสาวน้อยบุนนาคเข้า ไอ้หนุ่มแห่งสวรรคโลกก็ถึงกับตกตะลึง และเฝ้าฝันหาบุนนาคจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคน ยิ่งทำให้สมบุญรู้สึกเสียใจหนักขึ้น

บุนนาคเองก็แสดงท่ารังเกียจยวง เพราะใจหล่อนมีให้กับปลัดสุวิทย์ แต่ปลัดตัวดีก็เพียงแต่ต้องการร่วมเสน่หากับหล่อนเท่านั้น มิได้ยกย่องให้เกียรติแต่อย่างใด จนกระทั่งความแตก เมื่อ เฒ่าแสงและสมบุญมาเห็นเข้า เขาเพียงแต่ยอมรับว่ามีความสัมพันธ์กับบุนนาคเท่านั้น

เจ้ายวงเสียใจที่ถูกสลัดรัก มันกลายเป็นคนเมาเหล้าหัวราน้ำจนนางผิวเสียใจ แต่ต่อมาจึงยอมบวชตามความต้องการของนางผิว โดยที่สมบุญก็มาช่วยเหลืองานอย่างขยันขันแข็ง วันเวลาที่ผ่านไป ทำให้พระยวงเริ่มมองเห็นความดีของสมบุญ เหมือนเช่นที่พ่อกับแม่ของตน เคยประจักษ์มาก่อนแล้ว ท่านยิ่งนึกถึงเหตุการณ์ที่ตนกลั่นแกล้งสมบุญในช่วงเวลาก่อนหน้า และเริ่มรู้ว่าแท้จริง ตนเองก็รักแม่นกการเวกเสียงหวานผู้นี้เข้าไปแล้วโดยไม่รู้ตัว ยิ่งมารู้ภายหลังว่าสมบุญออกจากคณะลิเกไปดูแลเฒ่าแสงที่ป่วยหนัก ก่อนจะตัดสินใจไปอยู่กับคณะรำวงศรีบ้านกล้วยที่ออกเดินสายไปตามจังหวัดต่างๆ ก็ยิ่งทำให้พระยวงเมื่อรู้ข่าวก็เกิดความร้อนรนกระวนกระวาย ท่านกลัวว่าสมบุญจะไปมีผู้ชายคนอื่น และในที่สุดพระยวงก็แหกพรรษา!

กอดจูบที่ทำไว้กับสมบุญ เหมือนเวรกลับมาสนองในเวลานี้แล้ว หัวใจท่านเร่าร้อนยิ่งเสียกว่าคราวแม่บุนนาค เมื่ออยู่บนเวทียังนึกหัวเราะเยาะรอยพรุนที่หน้ามัน แต่เดี่ยวนี้นึกถึงสมบุญก็แต่ที่ซึ้งถึงภายในจิต มันรักพี่ รักพ่อ มีกตัญญูต่อพ่อและผู้มีพระคุณอย่างแม่ผิวพ่อเยื้อน ข้อสำคัญที่สุด สมบุญรู้อโหสิอ่อนโยนถนอมน้ำใจคน อะไรจะเป็นศีลสำหรับครองเรือนให้เป็นสุขสงบ ยิ่งไปกว่านี้?

สมบุญไม่คาดคิดว่าจะเจอยวงอีกครั้ง และรู้ว่าเขาสึกเองด้วยความรัก ความห่วง ความหวง ต่อเธอ แม้ว่าจะด่าเพียงใด ยวงก็หาฟังไม่หล่อนไล่ให้เขากลับไป แต่แล้ว ในคืนวันนั้นเอง ระหว่างเดินทางกลับจากงาน เธอก็ถูกฉุด!

สัญชาตญาณ ทำให้หญิงสาวร้องตะโกนให้คนช่วยและคนที่เธอนึกถึงคนแรก ก่อนจะสิ้นสติไปก็คือพี่ยวง!

พลิกตัวตื่นเมื่อค่อนคืน หนาวน้ำค้างเยียบเย็นถึงหัวอก สมบุญขยับกายเขยื้อนมือความคว้าผ้าห่ม หากมีท่อนแขนหนาๆ ของใครคนหนึ่งพาดกลับมารอบเอว แล้วรัดเจ้าไว้ทั้งตัว ลมหายใจร้อนรดที่แก้มและริมหู สมบุญใจหายวาบ

“พี่ยวง”

“พี่อยู่นี่แล้วสมบุญเอ๋ย”

 

ยวงไม่อาจอดใจได้อีกต่อไป ณ ห้างเก่ากลางทุ่ง คือวิมานสวรรค์สำหรับสองหนุ่มสาวที่ต่างเก็บงำความรู้สึกแท้จริงของตัวเองเอาไว้ จนมาเปิดเปลือยร่วมกันในคืนวันนี้

 

“พี่รักเอ็ง”

เจ้ายวงคนผิดนั่งนิ่งให้สมบุญมันทุบตีตามใจ ไม่เถียง ไม่ตอบสักคำ จนทนไม่ไหวเข้าจริงๆ มันก็จับมือไว้ สู้กันอุตลุด ยวงเองเป็นแต่ฝ่ายรับและปัดป้อง

“รักหยอกแล้วไม่กลัวหยิกหรอก ฟังพี่สักคำก่อน แล้วจะให้เอ็งฆ่า สมบุญเอ๋ย กูนี่เพิ่งรู้จริงๆว่า มึงมันดุยิ่งกว่าเสือ นึกว่าได้เมียก็จะกลายเป็นได้แม่แล้วกระมังกู?”

ด้วยความรักจนแน่นอก ยวงยอมรับสารภาพผิดทุกอย่าง และพร้อมจะไปขอขมาต่อพ่อเฒ่าแสง เพื่อขอสมบุญเป็นเมีย และสาบานต่อหน้าแม่โพสพและพระธรณีเป็นพยาน

“ว่าพี่จะรักเอ็งหรือลวงเอ็งใช่ไหม เถอะ ไอ้ยวงขอสาบานว่าจะขอมีเมียเพียงคนเดียว คือสมบุญคนนี้ หากผิดคำไปเมื่อไรก็ขออย่าได้มีสุขเหมือนเขาอื่นเลย ขอให้มีอันเป็นสุดแต่กรรมจะบันดาล ให้สาสมกับที่ใจชั่ว ไม่เมตตาสมบุญเมียรัก”

แล้วยวงก็ก้มลงกราบ ยึดเอาแม่พระธรณีเป็นเทพรับฟังคำสาบาน ท่ามกลางสายลมเย็นยะเยือก กลุ่มดาวกระจ่างเหนือขอบฟ้าและท้องทุ่งเมืองสุโขทัย พร้อมกับที่สมบุญมันสะอื้นกระซิก

แต่แล้วเมื่อทั้งคู่กลับมาสู่บ้านหนองเต่าทอง ก็ได้รับข่าวร้ายว่าพ่อเฒ่าแสงเสียชีวิตแล้ว เพราะเข้าใจผิดว่า สมบุญถูกโจรฉุดไปจนเฒ่าแสงอาการทรุดหนัก สมบุญเสียใจมากที่ตนเป็นสาเหตุให้พ่อเสียชีวิต เหมือนกับคำกล่าวของพระธุดงค์ในอดีต แต่ทั้งแม่ผิว พ่อเยื้อน และไอ้ยวงก็ช่วยกันปลอบใจจนคลายโศก

ในงานศพของพ่อเฒ่าแสงนั้นเอง สมบุญได้พิสูจน์ให้เห็นว่ามันรักและเคารพบุนนาค มากเพียงใด เมื่อรู้ว่าปลัดสุวิทย์ไม่ได้คิดจริงจังกับบุนนาค และพี่สาวของมันเองก็กำลังตั้งครรภ์ สมบุญจึงตัดสินใจให้ผู้ใหญ่ที่มาร่วมงานทุกคนเป็นพยาน และถามปลัดต่อหน้าทุกคน เพื่อให้เขารับผิดชอบต่อบุนนาค ในที่สุดปลัดสุวิทย์ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ เขาจำต้องรับบุนนาคให้มาอยู่ร่วมบ้าน และเป็นที่รับรู้ของชาวบ้านทุกคนในที่สุด สองพี่น้อง จึงได้ปรับความเข้าใจกันได้สำเร็จ

และแล้ว เจ้าการเวกเสียงทองก็ได้ครองคู่กับเจ้ายวง ไอ้หนุ่มหน้าเข้มที่เคยเป็นอริกันมาก่อน จนกลายเป็นความรัก ความผูกพันต่อกันไปในที่สุด

เรื่อง : เจ้าการเวก

ผู้เขียน : อุปถัมภ์ กองแก้ว

สำนักพิมพ์ : รวมสาส์น

ปีที่พิมพ์ : 2517

เล่มเดียวจบ

ปัจฉิมลิขิต :  สำหรับภาพประกอบ ซึ่งเป็นรูปของ คุณอุปถัมภ์ กองแก้ว นั้น ผมนำมาจากเว็บไซต์ ของสำนักข่าวอิศรา ลงวันที่ 12 พฤศจิกายน 2560 โดย “พราวกระซิบ” และจากข้อมูล ณ วันดังกล่าว ทำให้ทราบว่า ท่านอายุ 88 ปี หากนับเนื่องถึงปีปัจจุบัน (พ.ศ. 2564) น่าจะไม่ต่ำกว่า 92 ปี เลยทีเดียวครับ

สนับสนุนอ่านเอาด้วยการสั่งซื้อหนังสือ “ในสวนอักษร” คลิกที่นี่
Don`t copy text!