รถเมล์สายพระพุทธบาท

รถเมล์สายพระพุทธบาท

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้นครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

 

ในโอกาสที่บรรณาภิรมย์ เดินทางมาถึงลำดับที่ 200 ในครั้งนี้ ผมขอนำเสนอผลงานนวนิยายที่ชื่นชอบที่สุดเรื่องหนึ่ง ของ ศุภร บุนนาค

“รถเมล์สายพระพุทธบาท”

ถ้า จินตวีร์ วิวัธน์ คือนักเขียนที่เป็นเสมือนแรงบันดาลใจสำหรับผมในการสร้างพลอตเรื่องแนวลึกลับที่ล้ำเลิศในจินตนาการ ศุภร บุนนาค ก็คือแรงบันดาลใจสำหรับการเขียนนวนิยาย ที่เป็นต้นแบบแห่งการใช้สำนวนภาษาที่สละสลวย งดงาม เป็นความประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่มีโอกาสได้อ่าน เรื่องสั้น ‘มิใช่ของตามตลาด’ ในหนังสือ รวมเรื่องสั้นชุด 100 ปีนักเขียนไทย เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ที่เขียนเป็นเรื่องสั้นสอดแทรกแนวคิดการเลี้ยงดูเด็กด้วยค่านิยมแบบฝรั่งสมัยใหม่กับการเลี้ยงดูแบบไทยๆ ของคุณย่าคุณยายในยุคนั้นได้อย่างน่ารักน่าชังและชวนคิด ตราบจนมาถึง รถเมล์สายพระพุทธบาท เรื่องนี้

ชื่อเรื่อง รถเมล์สายพระพุทธบาท ดูเหมือนจะธรรมดา และไม่สะดุดตา เหมือนกับชื่อเรื่องอื่นของท่าน เช่น ‘แม้ความตายมาพราก’ หรืองานระดับขึ้นหิ้ง อย่างอมตะนิยายพีเรียด ฟ้าใหม่ – บุญเพรงพระหากสรรค์ แต่นิยายเรื่องนี้ ก็มีความสละสลวยและสนุกแทบไม่ต่างกันเลย ในมาตรฐานของ ศุภร บุนนาค

++++++++++++++++++++++++

 “ปีนี้ไปไหว้พระบาทกันไหมจ๊ะ” หนุ่มสาวโบราณที่เพิ่งเข้าหอใหม่ๆ เขาถามกันว่าดังนั้น ตัวพระตัวนางอีกหลายเรื่อง ก็คงจะได้ใช้คำถามอันเดียวกันนี้ เป็นมนต์แก้ความกระดากกระเดื่องต่อกันของคืนแรกในเรือนหอ ปูชนียสถานแห่งนี้ในอดีตสมัยที่เป็นรวมแรงศรัทธาประสาทเป็นที่ฝากฝีมือศิลป์ เป็นสถานบันเทิงทัศนา และเป็นแม้แต่แหล่งน้ำผึ้งพระจันทร์ของหนุ่มสาวแรกวิวาห์

เหตุการณ์ในเรื่องเกิดขึ้นในช่วงเพิ่งเสร็จสิ้นสงคราม ณ ชุมทางรถเมล์สายพระพุทธบาท ตัวละครเอก ร้อยตรีจามิกร นายทหารหนุ่มรูปงาม ท่าทางเคร่งขรึมเอาจริงเอาจัง และคุณยายผู้อารีท่านหนึ่งที่เป็นผู้โดยสารร่วมคันรถกัน ทั้งคู่ต่างเดินทางมานมัสการพระพุทธบาทสระบุรี มีโอกาสพูดคุยสนทนากันอย่างถูกคอ หมวดจามิกรเป็นเด็กวัดที่ยากจนแต่อาศัยความรักดี มุมานะบากบั่นจนเรียนสำเร็จนายร้อยทหารบก มาประจำการอยู่ที่นี่พอดี นายทหารหนุ่มรูปงามเองก็มีหญิงสาวมาติดพันมากมายรวมถึงเขมาวดี ที่เป็นบุตรพ่อค้าที่อาศัยอยู่ในแถบนั้นด้วย ในขณะที่คุณยายเองเดินทางมาจากพระนคร เพื่อมาเยี่ยมหลานสาวที่อาศัยอยู่สระบุรี และถือโอกาสแวะมานมัสการพระบาทเช่นกัน

ตัวละครทั้งคู่ได้เผชิญหน้ากับตัวละครเอกอีกผู้หนึ่งที่มีสีสันจัดจ้านตั้งแต่เริ่มปรากฏตัวในบทแรกคือ ‘อีเพา’ แม้ค้าวัยรุ่นขายไก่ย่างริมทาง อีเพา ผู้หญิงผมแดงนัยน์ตาสีเขียวประหลาดและวาจาจัดจ้าน ตามประสาแม่ค้าผู้กร้านโลกย์ ซึ่งเกิดความประทับใจนายทหารหนุ่มรูปหล่ออย่างจามิกรตั้งแต่แรกเห็น ชีวิตของตัวละครทั้งสามคงจะผ่านพบและแยกย้ายกันไปคนละทาง แต่ดูเหมือนว่าจากชุมทางรถเมล์สายพระพุทธบาทจะเป็นเส้นทางเริ่มต้นของชีวิตแต่ละคนให้โคจรมาบรรจบกันอีกครั้งที่พระนคร

++++++++++++++++++++++++++++

หลังจากนั้นไม่นาน จามิกรมีโอกาสรู้จักกรพิน นักศึกษาสาวที่มาทัศนศึกษาร่วมกับกลุ่มเพื่อนๆ ของเธอ รวมถึงเจ้าน้อยอิ๋น หรือเจ้าอินทรปัตถ์ เจ้าชายแห่งแคว้นชายแดนริมแม่น้ำโขงแห่งหนึ่งที่ติดพันกรพินอยู่ด้วย หญิงสาวเป็นคนสวยงาม ประทับใจนายทหารหนุ่มผู้ไม่เคยมีความรักมาก่อน

คนนี้แน่แล้วที่เราฝัน

รูปโฉมโนมพรรณหาผิดไม่

น้องเอ๋ยรูปร่างช่างกระไร

นางในกรุงศรีไม่มีเทียม

  ดังพระจันทร์วันเพ็ญผ่องผุด

บริสุทธิ์โอภาสสะอาดเอี่ยม

สองแก้มแย้มเหมือนจะยั่วเรียม

งามเสงี่ยมราศีผู้ดีจริง   

จามิกรเพิ่งรู้ว่า กรพินคือหลานสาวคุณยายที่เขาได้พบที่พระบาทนั่นเอง กรพินต้องอพยพมาอยู่สระบุรี เพราะบิดาต้องภัยทางการเมือง จนมารดาต้องมาเสียชีวิตอยู่ที่นี่ หญิงสาวอาศัยอยู่กับญาติด้วยความอดทน และด้วยปมปัญหาในครอบครัวนั่นเอง ทำให้เด็กสาวแสนสวย กลายเป็นคนพูดน้อย และสร้างกรอบแข็งแกร่งขึ้นปิดกั้นความอ่อนแอ จนดูเหมือนเป็นแข็งกระด้างเย็นชา หากจามิกรเข้าใจ และด้วยความรักที่มีต่อหญิงสาว รวมถึงจิตใจเอื้ออารีอันเป็นธรรมชาติของชายหนุ่ม ทำให้เขาสามารถเอาชนะใจกรพิน รวมถึงน้องชายทั้งสองของหญิงสาวได้สำเร็จ ผ่านการช่วยเหลือของคุณยาย ที่เป็นเสมือนหลักพักพิงใจของทุกคน

 

เรื่อง : รถเมล์สายพระพุทธบาท

ผู้เขียน : ศุภร บุนนาค

สำนักพิมพ์ : คลังวิทยา/เกษมบรรณกิจ

ปีที่พิมพ์ : 2510

สามเล่มจบ

ในเวลาต่อมา ปรากฏชื่อดาราภาพยนตร์ชื่อดังเกิดขึ้น ลำเพาพักตร์ ซึ่งมีประวัติที่มาอันน่าสงสาร ตามที่หล่อนพยายามสร้างประวัติชีวิตตนเองขึ้น จามิกรจำได้เธอว่าคือ ‘อีเพา’ ผู้ที่เขาเคยพบที่พระพุทธบาทนั่นเอง โดยเฉพาะเมื่อหล่อนใช้มารยาหญิง ไต่เต้ามาเป็น ‘อนุ’ ของท่านนายพล โดยเขี่ยคุณหญิงคนเดิมทิ้งไปอย่างเลือดเย็น จากนั้นก็ก้าวเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านพักอันหรูหรา ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับบ้านของคุณยายกรพินนั่นเอง

ลำเพาพักตร์จดจำจามิกรได้ทันที แม้ว่าตอนนี้หล่อนจะเป็นภรรยา ‘ท่าน’ ซึ่งเป็นเจ้านายของจามิกรแล้วก็ตาม หญิงสาวมากเล่ห์ใช้ความเป็นหลังบ้าน กอบโกยทรัพย์สินรวมทั้งสินบนจากบรรดาผู้ที่เข้ามาแสวงผลประโยชน์จากบารมีของสามีตนเอง โดยที่ท่านนายพลเองก็มิได้รู้เรื่องด้วย จนกระทั่งเสี่ยธนบูลย์ซึ่งเป็นอาของเขมาวดี ต้องการประมูลถนนและก่อสร้างอาคารของทหาร ในเขตแดนรอยต่อระหว่างไทยกับอาณาจักรของเจ้าอินทร์แปง พระบิดาของเจ้าชายอินทรปัตถ์นั่นเอง จึงเกิดเรื่องขึ้น

นายธนบูลย์พยายามนำเขมาวดีเข้ามาประเคนให้ ‘ท่าน’ เพื่อกรุยทางสู่ธุรกิจการประมูล เพราะรู้ว่า ‘ท่าน’ แพ้ทางในเรื่องอิสตรี แต่ลำเพาพักตร์เองก็เคยใช้วิธีนี้มาก่อนจึงรู้ทัน พยายามขัดขวางเพราะกลัวว่าตัวเองจะเสียผลประโยชน์ ด้วยความริษยาในความรักของจามิกรกับกรพิน หล่อนสืบรู้มาว่าเขมาวดีเองสนใจนายทหารหนุ่มรูปงามอย่างจามิกรมาก่อนเหมือนกัน แผนการที่จะส่งเขมาวดีไปยั่วยวนจามิกรเพื่อทำให้คู่รักแตกหักกันจึงเริ่มต้นขึ้น!

++++++++++++++++++++++++++++++++

แต่ความรักความสัตย์ซื่อที่จามิกรมีต่อกรพินมีมากกว่าสิ่งที่ลำเพาพักตร์ประเมินมากนัก แผนการที่ว่าจึงไม่ได้ผล ทว่าความรักของสองหนุ่มสาวก็ยังเผชิญกับอุปสรรคอีกมากมาย ทั้งการที่จามิกรถูกส่งตัวไปเข้าอบรมหลักสูตรปรมาณูที่อเมริกา ความห่างไกล แม้จะมีบททดสอบผ่านเข้ามา แต่ก็หาได้ทำให้ความรักนั้นขาดสะบั้นลงไม่

เมื่อจามิกรกลับมา ทั้งสองตั้งใจจะหมั้นหมายและแต่งงานกัน แต่แล้วก็เกิดข้อพิพาทระหว่างชายแดน จามิกรถูกส่งตัวไปรบร่วมกับท่านนายพล โดยหารู้ไม่ว่าลำเพาพักตร์ร่วมมือกับกลุ่มขายชาติอย่างนายธนบูลย์และเขมาวดี นำความลับเรื่องรหัสลับและแผนที่ทางยุทธศาสตร์ เอาไปขาย จนเกิดการต่อสู้กันขึ้นและจามิกรก็ถูกจับตัวไป

ข่าวร้ายถูกส่งมาถึงกรพิน หญิงสาวแทบหัวใจสลาย ขณะที่เจ้าอินทรปัตถ์ส่งคนมารับกรพินให้เดินทางมายังเมืองของตน และวางแผนช่วยเหลือจามิกร โดยกล่อมให้เขมาวดีเป็นไส้ศึก แม้ว่า หญิงสาวชาวไทยผู้นี้จะเป็นยอดหัวใจของตัวเอง แต่ด้วยความรักที่มีต่อกรพิน เจ้าชายหนุ่มยอมเสียสละหาทางช่วยเหลือคนรักของเธอจนประสบผลสำเร็จ และชายหนุ่มทั้งคู่ก็ร่วมกันต่อสู้รบกับข้าศึกจนทุกอย่างประสบชัยชนะ

ในที่สุดจามิกรและกรพินก็กลับมาพบกันอีกครั้งพร้อมกับความสุขสมหวังแห่งรัก ส่วนท่านนายพลถูกสอบสวน แม้ว่าท่านจะไม่มีความผิดโดยเจตนา แต่ในที่สุดด้วยความเป็นลูกผู้ชาย ท่านนายพลตัดสินใจลาออกจากราชการ และไปใช้ชีวิตต่างประเทศ โดยที่ลำเพาพักตร์ซึ่งสำนึกผิดก็ตัดสินใจขอติดตามไปรับใช้ท่านด้วย ทั้งที่ท่านเองก็ไม่เหลือทรัพย์สมบัติใดๆ ติดกายอีกต่อไป

++++++++++++++++++++++++

ฉากท้ายของเรื่องย้อนกลับมายังชุมทางรถเมล์สายพระพุทธบาทอีกครั้ง พร้อมกับการเผชิญหน้ากันของอีเพา อดีตแม่ค้าที่โชคชะตาส่งให้กลายมาเป็นคุณหญิง และท้ายสุดโชคชะตาก็เล่นตลกหมุนย้อนพาหล่อนกลับลงมาเป็นเพียงนางลำเพาพักตร์ผู้อนาถา ผู้กำลังจะลี้ภัยพร้อมสามีไปต่างประเทศ

รถเมล์สายพระพุทธบาท พิมพ์ครั้งที่ ๒

ครั้งนี้หล่อนได้เผชิญหน้ากับคู่หมั้นหนุ่มสาว จามิกร-กรพิน ที่กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์ นับเป็นการปิดฉาก เรื่องราวชีวิตของอีเพาอย่างหมดจดชัดเจนในความหมายแห่งชื่อเรื่องที่เป็นทั้งจุดเริ่มต้นและอวสานอย่างแท้จริง

ลำเพาพักตร์ยิ้มอย่างที่กรพินเคยเห็นยิ้มอย่างนั้นในดวงหน้าของหล่อนมาก่อน เป็นยิ้มที่น่าสมเพช คืออาการของคนที่ “ปลงตก” แล้วในชะตากรรมของตน หล่อนตอบกรพินเสียงเรียบๆเบาๆ ว่า

“อย่าห่วงคนอย่างดิฉันเลยค่ะ ห่วงตัวคุณเถิด รีบจับรถเข้ากรุงเสียก่อนค่ำ ดิฉันน่ะ ไม่มีใครอยากจะเอาไปทำอะไรแล้ว ดิฉันรู้จักที่นี่หมดทุกหัวเลี้ยว ไปเถอะค่ะ ขอให้คุณทั้งสองมีแต่ความสุข ความทุกข์ยากอย่าได้มารู้จักแผ้วพานเลย”

จามิกรกับกรพินมองดูรถคันนั้นแล่นเลี้ยวหายไปในกลุ่มฝุ่นสีแดง จามิกรพบหล่อนครั้งแรกในหมอกฝุ่นตรงนี้ บัดนี้ก็จากกันในหมอกฝุ่นที่ตรงนี้อีก ทางเดินของคนนี้ช่างแปลกกันนี่กระไร ทุกคนมีกรรมเป็นของตนเองทั้งสิ้น คำว่า “วิบาก” คือผลแห่งกรรมนั้นมีจริง และกรรมนั้นเป็นเครื่องจำแนกสัตว์ให้ต่างกันโดยแท้

+++++++++++++++++++++

เนื้อเรื่องขนาดความยาวไม่ต่ำกว่าพันหน้า เต็มไปด้วยรายละเอียดมากมาย แน่นอนว่าต้องใช้เวลาอ่านอยู่ไม่น้อย และสำนวนภาษาที่เก็บทุกรายละเอียด พริ้งพรายด้วยวรรณศิลป์ของผู้ประพันธ์ ทำให้มิอาจอ่านอย่าง ‘ข้าม’ ไปได้เหมือนกับนิยายบางเรื่อง แต่ก็หาได้ทำให้เกิดความน่าเบื่อหน่ายอย่างใดไม่ ตรงข้าม กลับเป็นความรื่นรมย์และดื่มด่ำกับการอ่านเป็นอย่างยิ่ง

 

เป็นที่น่ายินดีที่นวนิยายของ ศุภร บุนนาค ได้รับการนำมาพิมพ์ใหม่อีกครั้งโดยสำนักพิมพ์เพื่อนดี สำหรับผมแล้ว นวนิยายของท่านเป็นต้นแบบของนักเขียนรุ่นปัจจุบันหลายท่าน และเป็นหมุดหมายหนึ่งของนักอ่านระดับหนอนหนังสือที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ

 

Don`t copy text!