หนาวใจ

หนาวใจ

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้นครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

****************************

สนับสนุนอ่านเอาด้วยการสั่งซื้อหนังสือ “ในสวนอักษร” คลิกที่นี่ 

ผลงานโดดเด่นของ ประเสริฐ พิจารณ์โสภณ นักเขียนรุ่นครูในอดีต ก็คืองานเขียนชุด ท้องนาข้างกรุง ที่มีการนำมาพิมพ์ใหม่หลายครั้ง นอกจากเรื่องชุดนี้แล้ว ท่านยังมีผลงานอีกหลายเรื่อง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผลงานรวมเรื่องสั้นที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น สายสวาท รัญจวนจิต เสน่หา ครึ่งหัวใจ ราวดวงเดือน เธอกับฉัน ชีวิตนี้เอ๋ย และ หนาวใจ เล่มนี้ครับ

หนาวใจ จัดเป็นงานรวมเรื่องสั้นขนาดยาว จำนวน 3 เรื่อง ประกอบด้วยเรื่อง หนาวใจ ใต้หล้า และ เรือนตาย ทั้งสามเรื่องบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของคนสามคน ที่ต้องเผชิญปัญหาชีวิตแตกต่างกันไปคนและแบบ คนละแง่มุม ผ่านการบรรยายอารมณ์ความรู้สึกด้วยสำนวนภาษาอันเป็นสไตล์เฉพาะตัวของ ประเสริฐ พิจารณ์โสภณ สมดังคำกล่าวที่โปรยหลังปกหนังสือเล่มนี้ โดยคำนิยมของ ‘โนรี’ ตอนหนึ่งว่า

“ประเสริฐ พิจารณ์โสภณ นักประพันธ์หนุ่มผู้นี้มีแบบฉบับเป็นของตัวเองโดยแท้ เขามั่งคั่งร่ำรวยอารมณ์อยู่ระหว่างบรรทัดต่อบรรทัด และมีความละเมียดละไมอยู่ในทุกคำอักษร…”

 

ประกาศ วัชราภรณ์ เคยเขียนไว้ในหนังสือทำเนียบนักประพันธ์ บอกถึงลักษณะของ ประเสริฐ พิจารณ์โสภณ ว่า เขาเป็นนักประพันธ์ที่เขียนหนังสือได้ช้ามาก เพราะเขียนด้วยความประณีต ละเอียดละเมียดละไม เต็มไปด้วยเหตุผล และเป็นคนที่ต้องใช้อารมณ์ในการเขียนหนังสือตลอดเวลา

 

พูดถึงอารมณ์ เรื่องบางเรื่อง ประเสริฐ พิจารณ์โสภณ ได้เค้าโครงเรื่องมาแล้ว แต่ถ้ายังไม่มีอารมณ์ เขาก็ยังเขียนไม่ได้ ต้องรอให้เกิดอารมณ์เสียก่อน จึงจะลงมือเขียน เค้าโครงเรื่องของ ประเสริฐ พิจารณ์โสภณ ที่ได้มาเกิดจากแรงกระทบใจสองประการด้วยกันคือ หนึ่ง เกิดจากประสบการณ์ สอง เกิดจากอารมณ์ฝันของตัวเอง และในการเขียนเรื่องสั้นแต่ละเรื่องหรือเขียนเรื่องยาวแต่ละตอนนั้น ประเสริฐต้องใช้เวลาในการเขียนถึงสองวัน ทั้งๆ ที่วันนี้หรือพรุ่งนี้ยังไม่มีเงินจะใช้ แต่เขาก็ไม่เคยเร่งร้อนเพื่อเห็นแก่เงิน พยายามแต่จะเขียนหนังสือให้ดี ให้ประณีต และเพื่อให้ถูกใจตัวเอง

เขาบอกกับใครๆ อยู่เสมอว่า “ผมไม่ได้เขียนหนังสือเพื่อเงินอย่างเดียว และไม่เคยคิดว่าการประพันธ์เป็นอาชีพสุดท้ายในชีวิตของผม ผมเขียนหนังสือเพราะอยากจะเขียน และเขียนเพื่อที่จะให้ตัวเองได้มีชื่อเสียงเป็นนักประพันธ์จริงๆ แต่ว่าผมจะมีชื่อเสียงหรือได้เป็นนักประพันธ์แล้วหรือยังนั้น… ผมยังไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องที่ท่านผู้อ่านจะให้เกียรตินั้นแก่ผมเอง…”

สำหรับเรื่องแรก หนาวใจ เป็นเรื่องราวของนงพงา หญิงสาวที่กำลังครุ่นคำนึงถึงชีวิตตัวเองที่ผ่านมา ตั้งแต่เริ่มวัยแรกสาว และบิดาเสียชีวิตลง ก่อนจะสิ้นใจ ท่านได้ขอร้องให้เธอช่วยดูแลส่งเสียน้องๆ อีกสี่ชีวิต รวมถึงมารดาที่อายุเพียงสามสิบเศษไว้ด้วย นงพงารับปากด้วยความรักและกตัญญู โดยไม่รู้เลยว่าสิ่งนั้นจะเป็นบ่วงเงื่อนที่ร้อยรัดเธอเอาไว้กับความรับผิดชอบ โดยต้องเสียสละแม้แต่ความรัก!

รักแรกของเธอกับวิพจน์ ต้องอับปางลง เพราะเขาต้องการให้เธอแต่งงานและไปใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับครอบครัวของเขา แต่นงพงาก็ไม่อาจตัดสินใจได้ เพราะยังมีน้องๆ ที่รออุปการะช่วยเหลือจากเธออยู่ ความรักครั้งต่อมากับประณตก็ต้องจบสิ้นลง ด้วยเหตุผลดังกล่าวเช่นกัน

ตอนนี้นงพงาอายุมากขึ้นเป็นยี่สิบปลายแล้ว และเมื่อวรเทพ น้องชายคนโตเรียนจบ แต่แทนที่เขาจะช่วยเหลือแบ่งเบาภาระเธอ กลับหนีไปแต่งงานและใช้ชีวิตต่างหากออกไป ขณะที่ชไมพร น้องคนถัดมาก็จบอาชีวะ และตัดสินใจออกไปใช้ชีวิตกับชายยากจนคนหนึ่ง โดยไม่เหลียวแล ครอบครัวอีกเลย ปล่อยภาระทั้งหมดให้นงพงาดูแลต่ออย่างไม่รู้สึกผิดใดๆ

ตอนนี้ นงพงาฝากความหวังไว้กับดวงกมลและพงศ์ศักดิ์ ที่เธอส่งเสียให้เรียนและใกล้จะจบการศึกษาพอดี ช่วงนั้นเองที่เธอได้รู้จักกับพิมาน หนุ่มใหญ่ภูมิฐานที่เข้ามาติดพัน มันเป็นโอกาสสุดท้ายในชีวิตของเธอแล้ว นงพงาจึงไม่ปฏิเสธ เมื่อพิมานขอหมั้นเธอไว้ และทั้งคู่ก็วางแผนสำหรับการแต่งงานที่กำลังจะมาถึงในมิช้า

แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อดวงกมลตั้งครรภ์!

พ่อของลูกในท้องของดวงกมลก็คือพิมานนั่นเอง

ท้ายสุด เมื่อหล่อนถอนหมั้นเพื่อหลีกทางให้กับพิมานและน้องสาวสุดที่รัก แม่ก็มาบอกกับเธออีกเช่นกันว่าหล่อนกำลังจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับหนุ่มน้อยวัยอ่อนกว่าที่ชื่อเทียมชัย และทั้งคู่จะออกไปใช้ชีวิตร่วมกันเพียงสองคน

บัดนี้ เหลือเพียงเธอ กับภาระสุดท้าย ในการส่งเสียพงศ์ศักดิ์ น้องชายคนสุดท้อง หาก นงพงากลับรู้สึกถึงความเหงาและความหนาวจนจับหัวใจ…

 

“เมื่อยามที่คนเราไร้ความรัก ก็ให้รู้สึกเหมือนกับว่าโลกนี้มีแต่ความว้าเหว่ แล้วก็ช่างน่าครั่นคร้ามเสียเหลือเกิน เพราะในชีวิตของคนเรานั้นไม่มีอะไรอีกแล้วที่จะน่าหวาดกลัวเท่ากับความว้าเหว่

เมื่อชีวิตของคนเรามีแต่ความว้าเหว่ วังเวง และหงอยเหงาเสียแล้ว ก็จะต้องรู้สึกหนาวใจอยู่ทุกฤดูกาล มันหนาวเหน็บหนาวหน่วง…”

 

เรื่องที่สอง ใต้หล้า เป็นเรื่องของเทวัญ ชายหนุ่มลูกเศรษฐีแห่งบ้านสะแกแดง ที่ไปเรียนต่อในกรุงเทพฯ ก่อนจะตัดสินใจใช้ชีวิตในเมืองหลวงร่วมกับดวงมณี หญิงสาวที่รัก แม้ว่าตนเองจะเรียนไม่จบ และทำให้พ่อแม่ผิดหวัง

ชีวิตในเมืองหลวงที่มีรายได้น้อยแต่รายจ่ายเยอะ โดยเฉพาะดวงมณีซึ่งเสพติดความหรูหรา ทำให้ชีวิตครอบครัวล่มสลาย เทวัญเกือบจะลงมือฆ่าดวงมณี ภายหลังที่รู้ว่าหล่อนแอบคบชู้กับผู้ชายคนอื่น เขาเดินทางกลับมายังบ้านเกิดสะแกแดงอีกครั้งอย่างคนหัวใจสลาย และอดีตที่ลืมไม่ได้ โดยมีลุงอิน คนรับใช้เก่าแก่ คอยดูแลทรัพย์สมบัติและบ้านช่องให้

เทวัญพบกับป้าพลอย ภรรยาวัยสาวใหญ่ของลุงอินที่ยังแต่งตัวพริ้ง ขณะที่ลุงอินผู้สามีกลับปล่อยตัวเองเป็นชายเฒ่าที่ทรุดโทรม

เรื่อง : หนาวใจ

ผู้ขียน : ประเสริฐ พิจารณ์โสภณ

สำนักพิมพ์ : ผ่านฟ้าพิทยา

ปีที่พิมพ์ : 2506

เล่มเดียวจบ

เขาจึงเพิ่งรู้ความจริงภายหลังว่าป้าพลอยไปติดพันหนุ่มน้อยยังอีกหมู่บ้านหนึ่ง สร้างความคับแค้นในชีวิตคู่ของลุงอินมากนัก ชายชราบ่นให้เขาฟังว่าจะลาออกไปใช้ชีวิตตามลำพัง เพราะไม่อยากอยู่บ้านนี้อีกต่อไป

แต่คืนวันหนึ่ง เขาได้ยินเสียงปืนลั่นขึ้นกลางดึก ในตอนเช้าได้พบกับลุงอินซึ่งบอกกับเขาว่าแกเลิกล้มความคิดที่จะไปจากที่นี่แล้ว เทวัญจึงถามถึงเสียงปืนที่ดังเมื่อคืน

“ผมเองแหละครับ ผมเป็นคนยิงเอง… ยิงหมา… ผมตามไล่ยิงหมาไปทั้งคืน เพิ่งกลับมาถึงเดี๋ยวนี้เอง”

ลุงอินตอบด้วยเสียงสั่นหวิว และดวงตาได้เปล่งประกายบอกถึงความเจ็บร้าวอย่างที่สุด

“ไอ้หมาจิ้งจอก มันมาขโมยเนื้อ… มาติดหมาตัวเมียที่บ้านผม หมาพลอยยังไงล่ะครับ นังพลอยเขามีชู้ เขาหนีตามไอ้ผู้ชายหนุ่มฝั่งกระโน้นไปเสียแล้ว” แกกัดกราม มือไม้เกร็งไปหมด

 

และเมื่อนั้นเอง ที่เทวัญเข้าใจความรู้สึกของตัวเอง ที่มีไม่แตกต่างกันกับชายชราผู้นั้น

เรื่องสุดท้าย เรือนตาย บอกเล่าชีวิตของมาราตี หรือคุณใหญ่ ซึ่งเป็นสาวใหญ่ ธิดาของหลวงวิจิตรสุนทร ที่ดูแลน้องๆ ในปกครองจนเป็นฝั่งเป็นฝาไปหมดแล้ว มาราตีมีโรคหัวใจเป็นโรคประจำตัว ทำให้หลวงวิจิตรฯ เป็นห่วงมาก

หญิงสาวยังมีความหวังสุดท้ายในชีวิตที่จะได้แต่งงานกับทรงพร หนุ่มน้อยวัยห่างกันนับสิบปี ท่ามกลางเสียงคัดค้านของญาติพี่น้อง โดยเฉพาะสัญญ์ชัย น้องชายเธอที่เรียนอยู่เมืองนอกและส่งจดหมายมาเตือนด้วยความหวังดี

 

“ผมสงสารและเห็นใจในความรักของพี่ใหญ่มาก ผมสรรเสริญและเทิดทูนในความดีงามของพี่ใหญ่ตลอดเวลามา ทว่าคนที่สร้างแต่ความดีเรื่อยมาอย่างไม่เคยบกพร่องเลยนั้น มิได้หมายความว่าสักวันหนึ่งจะทำผิดไม่เป็นหรือทำไม่ได้ ความพลาดพลั้งไม่ใช่เป็นของคนเลวเสมอไปหรอก ทุกอย่างมักขึ้นอยู่กับความวู่วามของอารมณ์ เป็นต้นว่า… ครั้งนี้ พี่ใหญ่อ่อนไหวมากเกินไป ไม่สุขุมและรอบคอบเหมือนแต่ก่อนเสียแล้ว…”

ประเสริฐ พิจารณ์โสภณ

แต่ในที่สุด ก็ไม่มีใครทัดทานได้สำเร็จ มาราตีจึงได้แต่งงานกับทรงพรตามความต้องการของหัวใจ

ในงานแต่งงานนั้นเองหล่อนได้พบกับดาวราย หญิงสาวสวยที่มาร่วมงานและแสดงความยินดีกับทรงพร โดยไม่รู้เลยว่าทั้งคู่เป็นคนรักกันมาก่อน

เรือนหอที่พัทยา ซึ่งมาราตีคาดหวังว่าจะไปใช้ชีวิตร่วมกันอย่างเป็นมีความสุข กลับกลายเป็น ‘เรือนตาย’ เมื่อทรงพรพาดาวรายมาเที่ยว และยังหลอกเธอว่าดาวรายเป็นเพื่อนสนิท แม้ว่ามาราตีจะสงสัย แต่ด้วยเล่ห์กลและการปรนเปรอเสน่หาทางกามารมณ์ของทรงพร ก็ทำให้หล่อนเคลิบเคลิ้มจนลืมเรื่องที่จะซักถามจนหมดสิ้น

ตราบจนกระทั่งมาราตีแอบได้ยินสิ่งที่หญิงร้ายชายเลวทั้งคู่วางแผนร่วมกันที่จะฮุบสมบัติของเธอ ทุกอย่างก็มาถึงจุดระเบิด และจบลงด้วยความตายอย่างน่าสยอง!

สำหรับสามเรื่อง สามรส ในหนังสือ หนาวใจ เล่มนี้ สะท้อนภาพชีวิตและห้วงอารมณ์ของ คนสามคน ซึ่งมีทั้งความเหงา ความเปลี่ยวเปล่าในอารมณ์ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับปัญหาของความรัก ความเสน่หา และความแค้น โดยวิธีการแก้ปัญหาที่แตกต่างกันของแต่ละคน

นอกจากเนื้อเรื่องที่เข้มข้นในรสชาติแห่งชีวิตแล้ว หนังสือเล่มนี้ ยังมีภาพประกอบแต่ละเรื่องที่วาดด้วยลายเส้นอย่างวิจิตรสวยงาม ผมขอนำมาประกอบในการเขียนบรรณาภิรมย์ครั้งนี้ไว้ด้วยครับ

สำหรับผลงานของ คุณประเสริฐ พิจารณ์โสภณ ที่มีวางจำหน่ายอยู่บ้างในท้องตลาดหนังสือ เท่าที่ผมเห็นคือเรื่อง ท้องนาข้างกรุง ครับ ส่วนผลงานเรื่องอื่นๆ นั้นอาจจะต้องติดตามเสาะหาจากร้านหนังสือเก่า ที่ค่อนข้างหาได้ยากพอสมควรเลยครับ

Don`t copy text!