จันทร์ข้างแรม

จันทร์ข้างแรม

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้นครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

**************************** 

 

จากบทสัมภาษณ์ในนิตยสาร พลอยแกมเพชร ปีที่ 10 ฉบับ 227 ประจำวันที่ 15 กรกฎาคม 2544  โดย ‘พัตรา อารีย์’ ได้เขียนไว้ตอนหนึ่งว่า สุภา สิริสิงห เจ้าของนามปากกา โบตั๋น ซึ่งปรากฏในแวดวงวรรณกรรมครั้งแรก เมื่อ ปี พ.ศ. 2508 ในขณะที่ยังเป็นนิสิตอักษรศาสตร์ในรั้วจามจุรี โดยมีที่มาดังนี้

“ตอนนั้นดิฉันเรียนอยู่ปีสุดท้าย ความจริงเขียนเรื่องมาก่อนนั้น แต่ใช้นามปากกา ‘ทิพเกสร’ รู้สึกใช้หนเดียว แต่มีความรู้สึกว่าไม่ได้แสดงความเป็นตัวตนของเรา เพราะว่าตั้งใจจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับคนจีนในเมืองไทย ก็เลยคิดนามปากกาว่า ให้ออกจีนๆ หน่อย… มีความรู้สึกว่า ถ้าตั้งนามปากกาเป็นตัวแทนของเรา ก็ควรจะใช้สิ่งที่เป็นมงคล เลยใช้ โบตั๋น เพราะตั้งใจจะแสดงว่า เราเป็นผู้หญิงนะ เป็นลูกจีน แล้วก็จะเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตคนจีนในเมืองไทย”

สำหรับบรรณาภิรมย์เรื่องที่ 101 ในครั้งนี้ คือนิยายชีวิตเข้มข้น… จันทร์ข้างแรม แม้จะไม่ใช่นิยายที่มีกลิ่นอายของชีวิตคนจีนในเมืองไทย เหมือนกับผลงานเรื่องอื่นๆ ของท่าน แต่ก็เป็นนิยายสะท้อนชีวิต การต่อสู้ของผู้คนในสังคม ที่มี ‘ลายเซ็น’ ความเป็นโบตั๋น อย่างชัดเจน ผมจำได้ว่าเรื่องนี้เคยลงเป็นตอนๆ ในนิตยสาร สตรีสาร และมีผู้อ่านติดตามเป็นจำนวนมาก เรื่องราวในจันทร์ข้างแรมเรื่องนี้ ศูนย์กลางของเรื่องทั้งหมด อยู่ที่ตัวละครเอก คือ ‘ลูกแก้ว’ หรือ ในชื่อศศิวิมล อันหมายถึงพระจันทร์อันสวยงามนั่นเอง

โบตั๋น

ลูกแก้วเป็นลูกนายจาด นายสถานีรถไฟในตัวจังหวัดแห่งหนึ่งชานกรุง เด็กหญิงมีรูปร่างหน้าตาสะสวย น่ารักมาตั้งแต่เยาว์วัย จนถึงขนาดครูส่งเธอเข้าประกวดนางนพมาศน้อย และเป็นเสมือนขวัญใจของนางลูกอินและนายจาด ผู้เป็นพ่อกับแม่ ซึ่งทั้งคู่ต่างก็ตั้งความหวังเอาไว้อย่างสูงส่ง

นางลูกอินมีน้องสาวคือลูกจัน ซึ่งมีลูกสาวเช่นกันแต่อายุน้อยกว่าลูกแก้วมีชื่อว่า ลูกตาล ซึ่งมาอาศัยอยู่ที่บ้านของเธอด้วย นอกจากนี้ รายรอบบ้านที่อาศัยก็คือพนักงานที่ทำงานกับการรถไฟ รวมถึงนายช่างชิต ช่างซ่อมหัวรถจักรที่มีฐานะยากจน ครอบครัวของนายชิตเองก็มีลูกๆ ถึงสามคน คือโชติช่วง ชูชัย และช้อย โดยเฉพาะโชติช่วง ซึ่งกำลังเริ่มโตเป็นเด็กหนุ่มมีเค้าหน้าคมคาย และสนิทสนมกับลูกแก้วมาก แม้ว่านายจาดเองก็ไม่พอใจ และพยายามกีดกันสองเด็กรุ่น ไม่ให้ใกล้ชิดกันมาก แต่ยิ่งห้าม ก็เหมือนยิ่งยุ โชติช่วงที่เริ่มโตเป็นหนุ่มเองก็เกิดความพึงพอใจเด็กหญิงแสนสวย เขาจึงใช้ลูกตาล เด็กน้อยไร้เดียงสา ที่ติดเขาแจ ให้ช่วยเป็นสื่อติดต่อกับลูกแก้ว เพื่อนัดหมายพลอดรักกันอยู่บ่อยครั้ง

ลูกแก้วไม่เคยมีประสบการณ์ทางเพศมาก่อน แต่ก็รู้สึกพึงพอใจเมื่อเขาคอยเล้าโลมพร่ำพลอดรักตลอดเวลา และเมื่อมีโอกาสใกล้ชิดมากๆ กับโชติช่วง เด็กหนุ่มวัยกลัดมันเองก็อดใจไม่ไหว จนในที่สุดเขาก็แอบปีนเข้ามาในห้องนอนของลูกแก้ว และมีความสัมพันธ์สวาทกัน แม้ว่าจะถูกขัดขวางจากนายจาดจนเอาปืนมาไล่ยิงบาดเจ็บ และหนีรอดคมกระสุนออกมาได้อย่างหวุดหวิด

นายจาดต้องการแยกเด็กทั้งสองออกจากกัน จึงส่งลูกแก้วไปเรียนต่อในเมือง ขณะเดียวกับที่โชติช่วงก็ไปเรียนต่อโรงเรียนวิศวกรรมรถไฟ เพื่อเจริญรอยตามนายชิตผู้เป็นพ่อที่คอยให้กำลังใจและสอนชีวิตลูกผู้ชายให้กับหนุ่มน้อยไร้เดียงสาทางโลกีย์อย่างเขา

“ไอ้ช่วง จำไว้ ถ้าผู้หญิงเขารักเราจริงจังน่ะ เขาย่อมรอเราได้ ตัวเอ็งก็เหมือนกัน กลัวแต่ว่าไม่กี่ปีก็ต่างคนต่างมีใหม่น่ะสิ”

ใจพ่อไม่ค่อยเชื่อความรักหวือหวาวัยรุ่นของสองคนนี่เลย แม่ศศิวิมลคนนั้นก็หน้าตาสวยคงมีผู้ชายมารุมจีบมากมาย ใจคอหล่อนจะมั่นคงรอโชติช่วงไหวหรือ นายชิตคิดว่าเขาดูออกว่าศศิวิมลเป็นผู้หญิงประเภทไวไฟไม่น้อย หูตามันแวววาว ไม่ใช่ผู้หญิงเรียบร้อยใจคอมั่นคง แต่พ่อเขารักนักหนา และคงเชื่อมั่นว่า ลูกของตนเป็นกลุสตรี ไม่เหมาะกับผู้ชายธรรมดาๆ อย่างโชติช่วง … แม่พระจันทร์ดวงนั้น หล่อนคงจะเป็นพระจันทร์เต็มดวงหมดจดตามสายตาพ่อ แต่นายชิตคิดว่าหล่อนน่าจะเป็นพระจันทร์ข้างแรมเสียมากกว่า…

วันเวลาที่ผ่านไปทำให้ชีวิตของสองหนุ่มสาวแยกห่างจากกัน รวมทั้งความรู้สึกหวั่นไหว วาบหวามในวัยเยาว์ที่ไร้เดียงสาเหล่านั้น

ลูกแก้วไม่ยอมเรียนต่อมหาวิทยาลัย หล่อนติดชีวิตสะดวกสบายที่พ่อกับแม่คอยปรนเปรอ ตามใจมาโดยตลอด และเลือกเรียนโรงเรียนเลขานุการ โดยใช้ชีวิตอย่างฟุ้งเฟ้อ ในขณะที่ลูกตาลหรือขนิษฐา กลับมาอยู่กับแม่และย่าของหล่อนที่บ้าน โดยเรียนครูเพื่อไปทำงานสอนโรงเรียนอนุบาลเล็กๆ ในตัวเมือง และทำงานเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ เพื่อช่วยเหลือหาเงินให้กับทางบ้านไปด้วยอย่างขยันขันแข็ง เด็กสาวจึงไม่มีเวลาแต่งตัวสวยๆ นอกจากใส่เสื้อซอมซ่อ แตกต่างจากลูกแก้วที่นับวันยิ่งสวยสะพรั่ง และเมื่อเรียนจบ หล่อนก็ไปสมัครงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง

 

ที่นั่น ลูกแก้วมีโอกาสได้รู้จักกับสมรรถ ลูกชายเจ้าของบริษัทที่ทั้งโก้หรูและมีเงินทองให้หล่อนใช้สอย ในเวลานั้นเองที่นายจาดพ่อของหล่อนก็เสียชีวิตลงพอดี ลูกแก้วอยากมีบ้าน มีรถ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่หล่อนติดกับวิถีชีวิตเหล่านั้นแล้ว สมรรถสามารถตอบสนองทุกอย่างให้กับเธอได้ รวมถึงสนับสนุนให้เธอไปประกวดนางงามในนามของบริษัท ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้ตำแหน่งชนะเลิศมา แต่ก็ยิ่งทำให้ ลูกแก้วหยิ่งผยองในความสวยงามของตัวเองมากขึ้นไปอีก

สมรรถใช้เสน่ห์หว่านล้อมลูกแก้วให้ตกเป็นของเขา เขารู้ดีว่าหญิงสาวเองก็มีความต้องการทางเพศสูง สามารถตอบสนองกามกรีธากับเขาได้อย่างเร่าร้อนถึงอกถึงใจ เขาพาหล่อนไปเที่ยวที่ต่างๆ แม้แต่ต่างประเทศเพราะตัวเองก็ติดการพนันด้วย ในขณะที่ลูกแก้วก็ฝันว่าจะมีโอกาสได้แต่งงานกับชายหนุ่มผู้มีฐานะอย่างเขา แต่สำหรับสมรรถแล้ว หล่อนก็เป็นแค่เพียงเครื่องบำบัดทางอารมณ์ใคร่ของเขาเท่านั้น

สมรรถไม่เคยพูดคำว่าแต่งงาน หล่อนเมาโลกีย์ที่เขาปรนเปรอ เมาจนลืมตัวลืมตาย สมรรถมิได้เมา เขาพยายามเรียนรู้จุด่ออนในกายหล่อน สองวันนี้เขารู้จักหล่อนดีขึ้นมากและคิดว่าเขาควบคุมหล่อนไว้ได้ หล่อนจะต้องหลงใหลเขา มากกว่าที่เขาหลงใหลหล่อน เขาต้องการให้หล่อนติดในรถสัมผัสจากตัวเขา หลงเขากระทั่งยินยอมให้เขาบงการทุกประการ พร้อมจะลืมคำว่าแต่งงาน ประเพณี มารดา และสังคมรอบตัว พร้อมกระทั่งเป็นนางบำเรอของเขาตลอดไปเมื่อเขาแต่งงานแล้ว…

เพราะในเวลานี้ พ่อแม่ของเขาได้ติดต่อจันทรนิภา ลูกสาวนายธนาคารใหญ่เอาไว้ให้แล้ว และวางแผนที่จะแต่งงานในอีกไม่นานข้างหน้า…

โชติช่วงเรียนจบ กลับมาทำงานบริษัทเป็นตำแหน่งนายช่างใหญ่ และเปิดอู่ซ่อมเครื่องยนต์ร่วมกับบิดาที่บ้าน บัดนี้เขาเติบโตขึ้นมากทั้งร่างกายและความคิด ครอบครัวที่เคยยากจนในวัยเยาว์เริ่มเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นมาก ชูชัยเรียนจบสัตวแพทย์ ส่วนช้อยน้องสาวก็จบแพทย์และไปทำงานต่างประเทศ ส่งเงินมาให้ที่บ้านอยู่บ่อยครั้ง จนสามารถปลดเปลื้องหนี้สินทั้งหมดลงไปได้

ที่บริษัททำงานของโชติช่วงนี้เองมีหญิงสาวสวยๆ มากหน้ามาติดพันเขา รวมถึงสาวสวย วรินทรีย์ แต่โชติช่วงก็ยังไม่ตัดสินใจ จนกระทั่งเขาได้พบกับลูกตาล ที่เติบโตเป็นสาวน้อย ที่ขยันขันแข็งและยังเลี้ยงดูทั้งแม่ ทั้งป้า และย่า ด้วยความกตัญญู แม้ว่าจะไม่ได้แต่งตัวสวยงามอย่างศศิวิมล แต่ลูกตาลก็มีนิสัยน่ารักประทับใจ จนทำให้เขารู้สึกถึงเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่เคยตามติดเขาแจ ในวัยเยาว์

ความรู้สึกผูกพันนี้ ยิ่งแจ่มชัดมากขึ้น เมื่อสยุมภู เพื่อนนายช่างที่เป็นเพลย์บอย มาจีบลูกตาล ยิ่งทำให้โชติช่วงเกิดควาหึงหวงขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล

และสุดท้าย เขาก็ตอบตัวเองได้ว่า เขารู้สึกอย่างไรกับเธอ…

โชติช่วงคิดว่าเขาเป็นห่วงขนิษฐา หากความทุรนทุรายกลับสูงเกินคาด เขารู้ว่าหล่อนไปเที่ยวกับสยมภู ชายหนุ่มเกือบทำงานไม่ได้เลย ร้อนรนกระวนกระวายอยู่ตลอดเวลา จนพ่อเองก็เห็นผิดสังเกต

“เป็นอะไรไปวะช่วง”

โชติช่วงมองไปทางอื่น เขาไม่ได้ห่วงขนิษฐาเท่านั้น เขาหวงหล่อนต่างหาก จริงอย่างสยมภูเคยว่า นี่เขาหวงขนิษฐามากกว่าห่วงเสียแล้ว…

หากลูกตาลเอง ก็มีปมในใจมาโดยตลอด ตั้งแต่เด็กที่เธอมีฐานะยากจน และต้องมาอาศัยอยู่บ้านนายจาด ตอนนั้น ไม่ว่าจะเป็นของเล่น เสื้อผ้า หรืออื่นๆ ที่ศศิวิมลใช้จนเบื่อแล้ว ก็จะโละทิ้งมาให้เธอใช้พร้อมกับคำพูดของนางลูกจัน ที่คอยเปรียบเทียบลูกสาวแสนสวยของตัวเองกับเธอมาโดยตลอด และคราวนี้ พี่โชติช่วงที่เคยเป็นคนรักของพี่ลูกแก้ว ก็คงจะไม่ต่างกัน!

เธอเป็นเพียงแค่ความรักสำรอง ของเขาเท่านั้น!!

แต่ด้วยความมุ่งมั่นจริงใจ ที่เขามีต่อลูกตาล จนพิสูจน์ให้หญิงสาวได้รับรู้ ในที่สุดเมื่อต่างได้ปรับความเข้าใจกัน โชติช่วงก็ให้บิดามาสู่ขอลูกตาล และทำพิธีแต่งงานในเวลาต่อมาท่ามกลางความยินดีของทุกๆ คน

ลูกแก้วรับรู้ด้วยความปวดร้าวว่าสมรรถกำลังจะแต่งงาน ในเวลานั้นมีเพียงสนั่น ชายสูงวัยซึ่งเป็นอาของสมรรถ เข้ามาปลอบประโลมเธอ และด้วยความเหงา อ้างว้าง และสับสน เมื่อออกไปเที่ยวและดื่มเหล้ากับสนั่นหลายหน เขาได้ปลุกไฟในตัวเธอขึ้นมาอีกครั้ง แม้ว่าสนั่นจะมีเมียและลูกแล้ว แต่เขาก็ลุ่มหลงความสวยโสภาของเธอ ตอนนี้ศศิวิมลไม่ต้องการทำงานในบริษัทอีกแล้ว หล่อนกับสนั่นร่วมลงทุนเปิดไนต์บาร์ เพื่อเป็นแหล่งสำราญยามราตรี แต่ต่อมา กิจการเหล่านั้นก็เริ่มมีปัญหาขาดทุน

เรื่อง : จันทร์ข้างแรม

ผู้เขียน : โบตั๋น

สำนักพิมพ์ : ชมรมเด็ก

ปีที่พิมพ์ : 2531

เล่มเดียวจบ

จนกระทั่งเธอได้พบกับเศรษฐีสูงวัย ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ และเขาก็คือนายธนาคารบิดาของจันทรนิภา ภรรยาของสมรรถนั่นเอง หล่อนผละจากสนั่นไปสู่อ้อมกอดของผู้ชายคนใหม่ แลกกับเงินจำนวนหนึ่งที่จะช่วยพยุงฐานะของตัวเองให้เชิดหน้าชูตาอยู่ได้ในสังคม และเมื่อเขาจากไป ศศิวิมล ก็ต้องหาผู้ชายคนอื่นๆ มาช่วยบำบัดความเหงาอ้างว้างของตัวเอง จนกลายเป็นคนติดเหล้าและยานอนหลับตลอดเวลา

นางลูกอิน มารดาผู้ชราของเธอ ล้มป่วยและเสียชีวิตลงในเวลาต่อมา ทำให้ศศิวิมลยิ่งรู้สึกว่าเธออยู่คนเดียวในโลก ในวันงานศพนั้นเอง ที่เธอได้เจอกับลูกตาลและพี่โชติช่วงอีกครั้ง ตอนนี้ชีวิตของลูกตาลกำลังยุ่งกับการเลี้ยงลูก โดยมีโชติช่วงคอยดูแลอย่างห่วงใยและรักใคร่ แตกต่างจากชีวิตดวงจันทร์ที่เคยทอแสงสดใสอย่างเธอ ที่บัดนี้กลับไม่เหลืออะไรเลยสักอย่างเดียว

ศศิวิมลกลับมากรุงเทพฯ อีกครั้ง ด้วยความเครียดจากธุรกิจบาร์ที่เริ่มแย่ลงเรื่อยๆ และด้วยความเหงา ว้าเหว่ ที่สุดท้ายเธอก็ไม่เหลือใครเลยสักคนเดียวในชีวิต ทำให้ศศิวิมล ตัดสินใจกินยานอนหลับจนเกินขนาด และจากไปในที่สุด…

นวนิยายเรื่องนี้ แม้ว่าจะมีพระเอก นางเอก แต่สำหรับจุดเด่นของเรื่องราวทั้งหมด ก็คือลูกแก้ว หรือศศิวิมล พระจันทร์ดวงงาม ที่สุดท้ายก็กลายเป็นเพียงแค่จันทร์ข้างแรม…

 

Don`t copy text!