มัตติกา (ภาคต้น)

มัตติกา (ภาคต้น)

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้นครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

         

กลับมาอีกครั้ง สำหรับผลงานชิ้นเอกอีกเรื่องหนึ่งของคุณบุษยมาส เจ้าของนวนิยายโรแมนติกพาฝันในดวงใจของหลายๆ คน กับผลงานสุดคลาสสิคที่มีชื่อว่า มัตติกา

เมื่อได้เห็นชื่อเรื่อง มัตติกา ครั้งแรก ผมอดนึกประหลาดใจไม่ได้ เพราะเคยทราบว่า มัตติกา มีความหมายตามพจนานุกรมว่า ‘ดินเหนียว’ ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าบุษยมาสนำชื่อนี้มาตั้งเป็นชื่อนางเอกหรือว่ามีความหมายอื่นรวมไว้อยู่ด้วยกันแน่ ตราบจนได้อ่านนวนิยายขนาดยาวเรื่องนี้จบในภาคแรก (มัตติกา มีภาคพิเศษต่อในภายหลัง) จึงทราบความหมายที่แท้จริงจากในเรื่องนี้

นวนิยายพาฝันเรื่องนี้ เริ่มต้นด้วยบทสนทนาของ วาทิต นิตินัย กับคุณวาด มารดาของเขา วาทิตกำลังคลั่งไคล้พิศเพลิน ธิดาคนรองของคุณหลวงรอนรณฤทธิ์ กับคุณผกา ซึ่งมีลูกสาวถึงสามคน สองคนแรกคือผ่องพักตร์ กับพิศเพลิน ขึ้นชื่อในเรื่องความสวยงามและเป็นดาวสังคมฟ้าบางกอกในขณะนั้น ในขณะที่ แพร ฤทธิณรงค์ น้องคนสุดท้อง กลับเก็บตัวเงียบเป็นแม่บ้านแม่เรือน และมีบุคลิกเรียบร้อยอ่อนหวาน จนพี่สาวทั้งสองเรียกว่ายายเป๋อ

แต่คุณวาด กลับมองเห็นความงามของแพรที่ซ่อนไว้ ภายใต้รูปลักษณ์เรียบง่าย เธอคิดว่าวันหนึ่งลูกชายของเธอก็น่าจะเห็นความงามจากนิสัยและความดีมากกว่าความสวยฉาบฉวยเปลือกนอกอย่างพี่สาวทั้งสองของหลวงรอนรณฤทธิ์

++++++++++++++++

ในขณะที่คุณผกากำลังมองหาว่าที่เจ้าบ่าวให้กับลูกสาวสุดที่รักทั้งสอง เธอรู้จักคุณนายมาลัย ซึ่งมีน้องชายต่างแม่ เป็นนายแพทย์ชื่อดัง มรุต ศิวะเวชช์ ที่เพิ่งกลับจากอเมริกา มรุตเป็นหนุ่มใหญ่รูปงามในวัยสามสิบเศษ ที่ยังไม่มีคนรัก เพราะในอดีตเขาเองเคยมีความรักฝังใจในวัยหนุ่มน้อยกับสาวใหญ่แสนสวยคนหนึ่ง ที่มีอายุห่างกันเกือบสิบปี

หญิงสาวผู้ที่เขาได้พานพบและรู้จักเธอที่เบอร์ลิน มีนามว่ามัตติกา!!

แต่แล้ว มัตติกาก็จากเขาไปอย่างลึกลับ แต่ความรักครั้งแรกนั้นกลับยังตราตรึงในความทรงจำ โดยที่เขาไม่เคยมีหัวใจรักให้กับสตรีใดอีกเลย ตราบจนถึงวันนี้ เมื่อได้เดินทางกลับมาถึงเมืองไทย และเมื่อมาลัย พี่สาวต่างมารดาติดต่อให้เขามาเที่ยวที่บ้านคุณหลวงรอน เมื่อนั้นมรุตจึงมีโอกาสรู้จักผ่องพักตร์และพิศเพลิน ที่สวยหยาดเยิ้มและมีเสน่ห์ชวนหลงใหล ทว่ามรุตกลับตกตะลึงไปยิ่งกว่า เมื่อมีโอกาสได้เห็นหน้า แพร ฤทธิ์ณรงค์ หล่อนมีเค้าหน้าราวกับพิมพ์เดียวของมัตติกา อดีตรักครั้งแรกของเขาไม่มีผิด!

ความสนใจ ประหลาดใจและความสงสัย ทำให้ชายหนุ่มพาตัวเองเข้ามาสนิทสนมกับครอบครัวของหลวงรอน พิศเพลินรีบสลัดวาทิตทิ้งไปอย่างไม่ไยดี เมื่อเห็นว่า มรุตมีภาษีดีกว่าทุกอย่าง ทั้งฐานะ ชาติตระกูลและรูปร่างหน้าตาในสังคม และวาทิตเองก็เพิ่งตาสว่าง เมื่อเห็นว่าหญิงสาวที่งดงามอย่างแท้จริง ก็คือแพร น้องสาวคนเล็กของบ้านนี้นั่นเอง เขาพยายามจีบแพร แต่เด็กสาวก็นับถือวาทิตเพียงแค่พี่ชายคนหนึ่งเท่านั้น

แพรมีเพื่อนรักชื่อ หม่อมหลวงประกายดาว อภินันท์ ธิดาของหม่อมดวงเดือนกับหม่อมเจ้าอติเทพที่สิ้นชีพิตักษัยไปแล้ว และมีน้าสาวใหญ่ที่มีอาการทางประสาทอ่อนๆ ชื่อสร้อยทิพย์ ประกายดาวรู้แต่ว่าตอนสาวๆ น้าสร้อยทิพย์เคยหมั้นหมายกับดนัย อัครเดช พี่ชายของหม่อมดวงเดือนมารดาเธอมาก่อน แต่เมื่อความรักไม่สมหวัง ดนัยหายตัวไปอย่างลึกลับ ทำให้น้าสร้อยทิพย์คลุ้มคลั่งจนต้องไปรักษาอาการทางประสาทอยู่นาน ก่อนจะกลับมาอยู่ที่วังเกษมสุขของเธอ

+++++++++++++++++++++

แต่แล้ว เมื่อแพร มาเที่ยวที่วังเกษมสุขกับเธอ น้าสร้อยทิพย์เห็นแพรเข้าก็มีอาการทางประสาทอีกครั้ง ถึงกับทำร้ายแพรจนสลบ เหมือนกับมีความแค้นฝังใจบางอย่างที่ปิดบังเอาไว้ จนมรุตต้องเข้ามาช่วยเอาไว้ นายแพทย์หนุ่มรู้ว่าแพรเป็นโรคหัวใจ และนับแต่นั้นเขาก็เริ่มสนิทกับเธอมากขึ้น แม้ว่าแพรจะมีเงาหน้าคล้ายกับผู้หญิงที่เขารัก แต่นิสัยอันใสซื่อบริสุทธิ์ก็เริ่มเกาะกุมใจเขาไว้ให้เกิดความประทับใจมากขึ้นทุกขณะ จนเริ่มไม่แน่ใจว่าเขากำลังรักหน้าตาของเธอที่คล้ายกับมัตติการักแรกของตัวเอง หรือรักในนิสัยใจคอของแพรกันแน่?

ผ่องพักตร์ พี่สาวคนโต บัดนี้ได้หมั้นหมายกับนายทหารหนุ่มคนรักไปแล้วอย่างโก้หรูมีหน้าตาในสังคม แต่พิศเพลินที่สลัดรักวาทิตและหันมายั่วยวนนายแพทย์มรุต กลับพบว่าเขากำลังไปหลงนังเด็กเป๋อที่ทำให้เธอเริ่มริษยาจนเสียหน้า และกลายเป็นความเกลียดชังน้องสาวตัวเอง เธอแกล้งบอกนายแพทย์มรุตว่า แพรชอบพอกับวาทิต เพื่อหวังให้เขาหันมาสนใจตัวเองแทน แต่มรุตฉลาดพอที่จะมองเจตนาของพิศเพลินออก หญิงสาวจึงต้องผิดหวังกลับไป

คุณหลวงรอนมีความลับบางอย่างที่เก็บเอาไว้ และมันกำลังจะเปิดเผย เมื่อมีผู้พบสตรีหน้าตาคล้ายกับแพร ลูกสาวท่าน และเขียนจดหมายมาแนะนำตัว เขามีชื่อว่า นายวัน เป็นคนรับใช้อัปลักษณ์ในวังของหม่อมดวงเดือนนั่นเอง

นายวัน มีน้องชายชื่อวง เคยเป็นทหารรับใช้คุณหลวงรอนในอดีต และเป็นคนนำเด็กทารกคนหนึ่งมาขอให้หลวงรอนอุปการะให้เป็นลูก ก่อนจะหายสาบสูญไปโดยที่ท่านเองก็ไม่เคยปริปากเรื่องนี้กับใครนอกจากภรรยา แม้จะมีปากเสียงกันก่อนหน้าก็ตาม แพรคือเด็กกำพร้าที่ไม่ปรากฏพ่อแม่แท้จริงคนนั้น แต่ท่านก็รักเหมือนลูกและไม่ต้องการให้ใครมาพรากเอาแพรไป อาการหัวใจจึงกำเริบขึ้น หมอมรุตแนะนำให้พาท่านไปพักผ่อนที่บ้านตากอากาศศรีราชา และที่นั่นเอง แพรกับหมอมรุต ได้มีโอกาสรู้จักบ้านหลังเล็กๆน่ารักหลังหนึ่งที่ชื่อ ‘บ้านคอยเธอ’ ชายสูงวัยเจ้าของบ้านเป็นคนใจดีและเอ็นดูเธอยิ่งนัก แต่น่าเสียดายที่เขาเป็นคนตาบอด มรุตอาสาว่าจะหาทางติดต่อแพทย์เพื่อมารักษาให้เขา

และแล้วสิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อสาวใหญ่วัยสี่สิบปีที่ยังสวยพริ้งคนหนึ่งปรากฏกายขึ้น พร้อมกับแนะนำตัวว่าชื่อ มัตติกา!

เรื่อง : มัตติกา (ภาคต้น)

ผู้เขียน : บุษยมาส

สำนักพิมพ์ : คลังวิทยา

ปีที่พิมพ์ : 2504

สองเล่มจบ

มัตติกาเดินทางมาจากอเมริกา เพราะคาร์ล่า เพื่อนสาวของเธอ เกิดมาเห็นภาพของแพร ที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกัน และนำไปให้ดู มัตติกาหรือฮันนี่ จึงรีบเดินทางกลับมาเมืองไทยอีกครั้งด้วยเหตุผลสำคัญที่เธอยังไม่อาจบอกใครได้

ที่เมืองไทย… เธอมีโอกาสพบกับมรุต และรื้อฟื้นความหลังอีกครั้ง มรุตเริ่มสับสนในใจว่าแท้จริงแล้วเขารักใครกันแน่ระหว่างความรักครั้งแรกอย่างมัตติกา หรือว่าเป็น ‘เงาของมัตติกา’ ที่บัดนี้ครอบครองหัวใจของเขาไว้หมดสิ้นแล้วด้วยความสัตย์ซื่อและอ่อนหวาน อย่าง แพร ฤทธิ์ณรงค์!

มัตติกาได้เผชิญหน้ากับหม่อมดวงเดือน และนั่นเองที่ทำให้ความจริงทั้งหลายปรากฏขึ้น อดีตที่เคยลบเลือนไปแล้วย้อนคืนกลับมาอีกครั้ง มัตติกาก็คือ คุณหญิงน้อยหรือ ม.ร.ว. หญิง กัตติกา กมเลศ เพื่อนสนิทของดวงเดือนนั่นเอง เธอเป็นคู่หมั้นของ หม่อมเจ้าเทวัญ อภินันท์ น้องชายของหม่อมเจ้าอติเทพ สามีของหม่อมดวงเดือน แต่แล้ว เหมือนโชคชะตาลิขิต เมื่อกัตติกา เกิดพบรักกับ ดนัย อัครเดช พี่ชายหม่อมดวงเดือนเพื่อนรักของเธอ แม้ว่าดนัยเองก็มีคู่หมั้นที่ถูกคลุมถุงชนเอาไว้แล้วคือสร้อยทิพย์ แต่ด้วยความรัก ทั้งสองจึงได้เสียกัน และกัตติกาก็ตั้งครรภ์…

เมื่อต่างรู้สึกผิดชอบชั่วดี กัตติกาจึงตัดสินใจว่าเมื่อเธอคลอดลูกแล้วจะยกให้กับดนัย และเธอจะเดินทางไปใช้ชีวิตต่างประเทศเพียงลำพัง เพื่อให้เขาได้แต่งงานกับสร้อยทิพย์ที่หลงรักดนัยมาก่อน แต่แล้วด้วยเพลิงริษยาของสร้อยทิพย์ หญิงสาวจึงว่าจ้างให้มิจฉาชีพขโมยตัวทารกแรกคลอดของกัตติกามาเพื่อสังหาร แต่เดชะบุญ มีโจรใจบาปคนหนึ่งเกิดเปลี่ยนใจและส่งมอบเด็กทารกคนนั้นให้กับ นายสิบทหารวง ที่ทำงานอยู่กับหลวงรอนพอดี

เดชะบุญ ที่เด็กน้อยผู้โชคดีจึงรอดชีวิต และเติบโตมาภายใต้ใบบุญของหลวงรอนรณฤทธิ์ ในนามของ แพร ฤทธิ์ณรงค์ แทนที่จะเป็นชื่อเดิมที่ ม.ร.ว. กัตติกา ตั้งใจไว้ว่าจะตั้งเป็นชื่อธิดาสุดที่รักของเธอ

มัตติกา อัครเดช!

+++++++++++++++++++++

และชายตาบอดที่อยู่บ้าน ‘คอยเธอ’ ก็คือ ดนัย อัครเดช บิดาบังเกิดเกล้าของแพรนั่นเอง เมื่อความจริงทั้งหมดเปิดเผย นายแพทย์มรุตจึงหมั้นหมายกับมัตติกา หรือแพร หญิงสาวที่เขารักและวางแผนชีวิตในอนาคตร่วมกัน

สำหรับชื่อมัตติกานั้น มาจากคำพูดของ ม.ร.ว. กัตติกา มารดาของนางเอก ที่บอกกับมรุตว่า

“ถูกแล้วค่ะ ลูกของฉันชื่อมัตติกา มัตติกา อัครเดช ฉันกับดนัยตกลงกันว่า ถ้าลูกเราเป็นผู้ชายจะให้ชื่อว่าอนุสรณ์ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงจะให้ชื่อว่ามัตติกา เพราะฉันไม่ต้องการให้ลูกเป็นดาวอันอับแสงอย่างแม่ ฉันต้องการให้แกเป็นดินที่มีแต่ความแน่นเหนียว หนักแน่นและอดทนค่ะ มรุต” หล่อนสบตาเขาด้วยประกายตาหม่นหมอง เสียงของหล่อนบอกความวิงวอนขออภัย เมื่อพูดว่า

  “มรุตคงจะเข้าใจแล้วว่า เหตุใดฉันจึงใช้ชื่อว่า มัตติกา… ความระลึกถึงลูกและเพื่อไม่ให้ทุกคนติดตามฉันพบได้ จึงใช้ชื่อนั้นตลอดมา”

และแล้ว มัตติกา ภาคต้น ก็อวสานลงเพียงเท่านี้ และขอฝากติดตามเรื่องราวชีวิตของแพร รวมถึงตัวละครอื่นๆ ใน มัตติกา ภาคสมบูรณ์ ในโอกาสต่อไปครับ

หมายเหตุ : สำหรับ นิยายรักประทับใจ เรื่อง มัตติกา ในความทรงจำของผม เคยสร้างเป็นละครโทรทัศน์ช่องเจ็ด นำแสดงโดย คุณอรพรรณ พานทอง รับบท มรว. กัตติกา และแพร พร้อมกัน ส่วน คุณอภิชาต หาลำเจียก รับบท นายแพทย์ มรุต ศิวะเวชช์ พร้อมกับเพลงประกอบในเรื่องที่แสนไพเราะมากๆ ครับ นอกจากนี้ นวนิยายเรื่องนี้ เคยสร้างเป็นภาพยนตร์ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2506 นำแสดงโดย คุณภาวนา ชนะจิต และ คุณชนะ ศรีอุบล ซึ่งขอนำเสนอภาพใบปิดสวยๆ จากเพจ ไทยบันเทิง มา ณ ที่นี้ด้วยครับ

 

Don`t copy text!