สู่เส้นทางสีชมพู

สู่เส้นทางสีชมพู

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้นครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

 

เห็นชื่อ ‘ศุภักษร’ เชื่อแน่ว่านักอ่านหลายท่านในยุคนิตยสารวัยรุ่นอย่าง วัยหวาน บงกช และสัมผัสกลิ่นอายของเสียงเพลงดัง อย่างวงชาตรี ดิ อินโนเซนท์ คีรีบูน ฯลฯ รวมถึงภาพยนตร์ที่สะท้อนชีวิตนักศึกษา อย่าง รักน่ารัก วันวานยังหวานอยู่ จะต้องนึกไปถึงหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊กเล่มเล็กๆ ที่ออกวางจำหน่าย ในชุด …รัก นักศึกษา ด้วยเช่นกัน

หนังสือเรื่องสั้นชุดนี้มีเสน่ห์ที่ชื่อชุดจะลงท้ายว่า ‘นักศึกษา’ ไม่ว่าจะเป็น หัวเราะรักนักศึกษา ลองรักนักศึกษา ชีวิตรักนักศึกษา รักน่ารักนักศึกษา ฯลฯ เป็นเรื่องสั้นๆ จบในตอน ของชีวิตวุ่นๆ สนุกสนาน มีมุกตลกๆ และความรักสีชมพูสดใสของวัยเรียน มาให้อ่านด้วยความรื่นรมย์ สดชื่น และเมื่อได้ย้อนกลับมาอ่านอีกครั้งในวันนี้ ก็ยิ่งหวนนึกถึงภาพบรรยากาศของการสอบเอนทรานซ์  ชีวิตการเรียนในมหาวิทยาลัยในยุคนั้นเป็นอย่างดี

สู่เส้นทางสีชมพู น่าจะเป็นนิยายขนาดยาว ไม่กี่เรื่องของคุณศุภักษร ที่นอกจากความสนุกสนาน รื่นรมย์ และอมยิ้มไปกับเรื่องราวของ สาวน้อย ‘ต๊อกกาต๋อย’ ตั้งแต่เริ่มต้นการสอบเข้าสู่รั้วสีชมพู จนกระทั่งจบการศึกษาเป็นบัณฑิตแล้ว ยังเป็นเสมือนบันทึกเรื่องราว และประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งของชีวิตนักศึกษาเมืองไทย ก่อนที่จะมาถึงยุคสมัยการสอบ GAT/PAT  คะแนน TCAS หรือระบบแอดมิชชั่นเข้ามหาวิทยาลัย ที่ให้บรรยากาศแตกต่างกันไปในคนละแบบเลยทีเดียว

สู่เส้นทางสีชมพู จึงเป็นเรื่องราวที่บอกเล่าผ่านชีวิตของสาวน้อยต๊อกกาต๋อย ที่อยู่กับ มารดาเพียงสองคน เด็กสาวและเพื่อนๆ ที่มีความฝันอย่างจะผ่านการสอบเอนทรานซ์ เข้ามหาวิทยาลัย และเธอเองก็ประสบความสำเร็จ สามารถสอบเข้าไปเรียนในรั้วคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ ได้สำเร็จ ขณะที่เพื่อนๆ ในกลุ่ม ก็มีทั้งที่ประสบความสำเร็จบ้าง หรือ ไม่ประสบความสำเร็จบ้าง แต่ผู้เขียนก็ได้เขียนบรรยากาศการประกาศผลสอบที่สนามจุ๊บ (สนามกีฬาจุฬาฯ) ได้อย่างเห็นภาพ

ทุกใบหน้า ทุกดวงตา ทุกหัวใจ ต่างรอคอยวันนี้ และเมื่อมาถึงทุกคนก็พุ่งเข้าหากระดานดำที่ติดรายชื่อผู้สอบได้ไว้เป็นแถวยาวเหยียด ไฟที่ส่องตาม ไม่เพียงพอต่อสายตาของผู้คนที่หลั่งไหล เทียนดวงน้อยไปจนถึงไฟฉายตะเกียงจึงต่างก็จุดส่องกันเข้าไป น้ำตาเทียนที่ร้อนผ่าวรินหยดลงบนมือแขน ต่างไม่มีใครร้องเจ็บปวดหรือโวยวาย

ผู้คนที่เข้ามา มีใบหน้าที่เคร่งเครียดกังวล เปี่ยมความหวังและมุ่งมั่น แต่ใบหน้าผู้คนที่หลั่งไหลออกมา ปรากฏลักษณะที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง บางคนยิ้มแย้มแจ่มใส บางคนใบหน้าหงอยเศร้า เงียบงัน…

และสำหรับชีวิตนิสิตของต๊อกกาต๋อยก็เริ่มต้นขึ้นแล้ว สู่เส้นทางสีชมพูสายนี้!

จากชีวิตของรุ่นน้องเฟรชชี่ปี 1 ที่พานพบประสบการณ์ต่างๆมากมายในรั้วจุฬาฯ ตั้งแต่การรับน้อง เผชิญหน้ากับพี่ว้าก การได้พบกับเพื่อนๆ พี่ๆ กลุ่มใหม่ และประสบการณ์การทำกิจกรรมในมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นงานไหว้ครู งานรับน้องกับพี่ๆ หน้าตาแสนโหด (แต่ใจดี) งานจุฬาฯ วิชาการ งานลอยกระทง งานกีฬาฟุตบอลประเพณี จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ซึ่งได้เขียนบอกเล่า ผ่านมุมมองของสาวน้อยต๊อกกาต๋อย ไปพร้อมกับเรื่องราวของเธออย่างรื่นรมย์

“ชื่อ ต๊อกกาต๋อย ใช่มั้ย”

เริ่มซุ้มแรกของพี่ปีสอง ก็เจอหน้ายักษ์

“ตัวแสบนี่เรา อ้าวไหว้เจ้าพ่อซะก่อน ฝากเนื้อฝากตัวเอาไว้”

ต๊อกกาต๋อยมองตามมือชี้ ก็เห็นรูปสกปรกด้วยเนื้อดิน ทองคำเปลวปิดไว้นิดหน่อย พวงมาลัยกองสุม กระป๋องนมปักธูปควันกรุ่น นี่น่ะเรอะ เจ้าพ่อนิเทศศาสตร์ อ้าว… บ้าก็บ้าวะ

“ดีแล้ว ท่องคาถา เช้ากินฟักผัด เย็นกินผัดฟักสามเที่ยว เร็วๆ”

กว่าจะได้เล่นเอาเหงื่อแตก ภาษาบ้าอะไรก็ไม่รู้!

และเมื่อผ่านกิจกรรมเหล่านั้นมาแล้ว สิ่งสำคัญที่อยู่เบื้องหน้า ถัดจากนั้น คือการสอบ… ที่สาวน้อยต๊อกกาต๋อยต้องมาลุ้นต่อว่า ตัวเองจะผ่านด้วย A หรือตกด้วย F

แต่แน่นอนว่านางเอกของเรา ย่อมจะผ่านการเรียนและกิจกรรมทุกอย่าง ไปได้อย่างสวยงาม และในเวลาเดียวกัน ชีวิตของนิสิตมหาวิทยาลัยก็ต้องมีความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง สาวน้อยน่ารักอย่างต๊อกกาต๋อยจึงมีโอกาสได้พบกับหนุ่มๆ ที่แวะเวียนมาขายขนมจีบให้หลายคน แต่เธอก็เลือกที่จะเรียนหนังสือเป็นหลักมากกว่า จนกระทั่งเริ่มผ่านเข้าสู่ปีสองและปีสาม ที่หัวใจของสาวน้อยเริ่มหวั่นไหวขึ้นเป็นครั้งแรก

ทุกอย่างเริ่มต้นจากการแสดงละครเวที ที่ต๊อกกาต๋อยต้องมารับบทนางเอก และเจอกับ ผู้กำกับฝ่ายศิลป์จอมเก๊ก ผู้มีสายตาสีเหล็กสะกดใจ นิสิตหนุ่มปีสี่จากคณะสถาปัตย์

พี่ตู้!

 

และการเผชิญหน้าอย่างไม่ถูกชะตาก็เริ่มต้นขึ้น ต๊อกกาต๋อยเขม่นพี่ตู้ตั้งแต่แรก จนมารู้ภายหลังว่า ท่าทีเก๊กๆ ขรึมๆ นั้นแท้จริงแล้วเขาเองก็อยากจะเข้ามาทำความรู้จักสนิทสนมกับเธอเช่นเดียวกัน

การซ้อมละครเวทีดำเนินต่อไป และพัฒนาความสัมพันธ์ของสองหนุ่มสาว จากคู่กัด ให้กลายมาเป็นคนรู้ใจที่ตามรับส่งเธอ หลังซ้อมเสร็จทุกวัน แม้ว่าต๊อกกาต๋อยได้ยินชื่อเสียงความเจ้าชู้ของพี่ตู้มาก่อน แต่เมื่อโลกทั้งใบเป็นสีชมพู และหัวใจที่ถูกสะกิดจนหวั่นไหว ทำให้มองข้ามเรื่องเหล่านี้ไปหมด

ตราบจนกระทั่ง…

“เธอชื่อต๋อยเหรอ? ฉันชื่อแหวว เรียนอยู่คณะบัญชี”

เจ้าของเสียงก้าวฉับๆ เข้ามาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าสวยๆ นั้นบูดบึ้งอย่างเห็นได้ชัด ผู้คนนี้ใครกันนะ ต๊อก กา ต๋อย เหลียวไปมองทางพี่ตู้ ก็พบแววยุ่งยากปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมเข้มนั้น

“พี่ตู้ทำยังงี้ได้ยังไงคะ แหววรู้เห็นมาโดยตลอด เพื่อนบอกแหวว ก็ไม่เชื่อ จนมาจับได้นี่แหละค่ะ ทำไมเหรอคะ… พี่ตู้บ้าดารา บ้าคนดัง บ้านางเอกถึงกับลืมแหววเหรอคะ”

“ไม่ใช่…”

และแล้ว การกระทำทุกอย่างของพี่ตู้ก็เป็นคำตอบอย่างชัดเจน จนทำให้เด็กสาวได้รู้รู้ความรู้สึกผิดหวัง อกหัก เป็นครั้งแรก แต่ในประสบการณ์แห่งความรักที่ผิดหวังนั้น ต๊อกกาต๋อยก็ยังมีแม่คอยอยู่เคียงข้าง และเป็นกำลังใจให้กับสาวน้อยอย่างเธอ จนก้าวผ่านความผิดหวังนั้นไป อย่างสำเร็จสวยงาม

หลังจากนั้น บนเส้นทางสีชมพู ต๊อกกาต๋อย ก็ทุ่มเทให้กับการเรียนและกิจกรรม โดยไม่คิดว่าจะสนใจเรื่องราวความรักอีกต่อไป ในเมื่อชีวิตในมหาวิทยาลัยแห่งนี้มีเรื่องอื่นๆ อีกมากมายนัก

เรื่อง : สู่เส้นทางสีชมพู

ผู้เขียน : ศุภักษร

สำนักพิมพ์ : บงชกร

ปีที่พิมพ์ : 2526

สองเล่มเจบ

ก่อนที่พระเอกตัวจริงในเรื่องนี้จะปรากฏตัวขึ้น เมื่อต๊อกกาต๋อยก้าวขึ้นสู่ปีสี่ ในเหตุการณ์งานฟุตบอลประเพณี ซึ่งครั้งนี้ ต๊อกกาต๋อยไม่ต้องไปช่วยทำหน้าที่แปรอักษรเหมือนตอนเป็นนิสิตปีหนึ่งอีกแล้ว สาวน้อยกับเพื่อนๆ จึงไปนั่งเชียร์บนอัฒจันทร์อย่างสบายใจเฉิบ แต่แล้วระหว่างการเชียร์บอลกันอยู่นั้นเอง ต๊อกกาต๋อยก็ต้องชะงักกึกเมื่อรู้สึกเย็นวาบที่ด้านหลัง

เป๊ปซี่ในมือใครบางคนหลุดมือรดลงมาที่หลังเธอเกือบครึ่งแก้ว และเจ้าของถ้วยเป๊ปซี่ก็ยืนสำนึกผิดอยู่ต่อหน้าเธอแล้ว

“ผมไม่ได้มีเจตนาจริงๆนะครับ”

ใบหน้าดำๆ เรียบซื่อนั้นบ่งความจริงใจดีเหลือเกิน มันเหมือนกับเป็นใบหน้าของผู้ที่ไม่เคยโกหกใครเลย และทำให้ต๊อกกาต๋อยโกรธไม่ลง

หนุ่มวารสารฯ ธรรมศาสตร์คนซื่อผู้นั้น บอกกับเธอว่า เขาชื่อป๊อกช่าป๊อก!

และเมื่อผ่านงานฟุตบอลประเพณีไปแล้ว งานสัมมนาคณะนิเทศศาสตร์ กับวารสารศาสตร์ ของสองสถาบัน ก็ทำให้ทั้งสองคนได้โคจรมาพบกันอีกครั้ง

ต๊อกกาต๋อย จึงรู้ว่าป๊อกช่าป๊อก มีชื่อจริงว่า บุญมี

“ยินดีที่เจอคุณอีก ต๊อกกาต๋อย”

“ค่ะ ดีหน่อย ที่วันนี้ ไม่มีเป๊ปซี่”

“แต่ผมดีใจ ที่วันนั้นมีเป๊ปซี่”

“อ๋อ แสดงว่าคุณดีใจ ที่ทำน้ำหกรดฉันน่ะสิ”

“ใช่ครับ”

 

ดูซี ต๊อกกาต๋อยอยากจะซัดให้หงายหลังไปเลยจริงๆ คนบ้าอะไรก็ไม่รู้ ตอบดื้อๆ ซื่อๆ ดวงตาคู่ที่มีความจริงใจนั้นก็ฉายแววเด่นชัดเหลือเกิน โกรธไม่ลงอีกแล้ว

“งั้นคุณก็ไปทำน้ำหดรกใครต่อใครอีกซิ จะได้ดีใจ และมีความสุข”

“ไม่ใช่ครับ ผมทำน้ำหกรดคุณคนเดียวเท่านั้น ถึงจะมีความสุข เพราะทำให้ผมได้เจอคุณ รู้จักกับคุณ และทำให้ผมรู้ว่า เวลาผู้หญิงเขาโกรธนั้นน่ากลัวจริงๆ ยิ้มกันไว้ดีกว่าครับ”

 

พูดจบ นายป๊อกช่าป๊อก ก็ส่งยิ้มมาทางดวงตาทันที ต๊อกกาต๋อยหลบก็ไม่ได้ อายก็ไม่ดี เลยมีลูกกะตายิ้มให้เขาเช่นกัน

“คุณยิ้มสวยออก”

“ปากดีนี่ เอาไว้ฉันยิ้มไม่ออก แล้วคุณจะรู้สึก”

“ไม่มีวัน ที่ผมจะทำให้ใบหน้าของคุณไม่มีรอยยิ้ม”

เรื่องราวของสู่เส้นทางสีชมพู ดำเนินไปจนถึงวันที่ต๊อกกาต๋อยเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร พร้อมกับรอยยิ้มของแม่ เพื่อนๆ ทุกคน รวมถึงนายป๊อกช่าป๊อกที่อยู่เคียงข้างและสร้างรอยยิ้มให้กับเธออย่างจริงใจมาโดยตลอด ครั้งนี้ แม้ว่าจะได้พบกับพี่ตู้อีกครั้งและดูเหมือนว่าเขายังอาลัยอาวรณ์เธออยู่ แต่สาวน้อยต๊อกกาต๋อยก็ก้าวข้ามเรื่องราวเหล่านั้นไปได้ โดยไม่หันกลับมาอีก

เบื้องหน้าเธอ คือเส้นทางสายรุ้ง ที่ประกอบด้วยสีสันอื่นๆ อีกมากมาย ในโลกของการทำงาน ความรัก และชีวิตครอบครัว เมื่อก้าวผ่านรั้วสีชมพูออกไป แต่ต๊อกกาต๋อยก็รู้ว่า บนเส้นทางเหล่านั้นแม้จะมีอุปสรรคขวากหนามมากเพียงใด แต่เธอก็ยังมีคนที่รักคอยอยู่เคียงข้างอย่างอบอุ่นและเป็นกำลังใจให้ตลอดไป…

สู่เส้นทางสีชมพู เป็นนวนิยายที่อ่านได้อย่างเพลิดเพลิน รื่นรมย์ และพาเราย้อนกลับไปในชีวิตนิสิตนักศึกษายุคหนึ่ง ที่สร้างความสุขและประทับใจทุกครั้งในยามนึกถึง

Don`t copy text!