จุมพิตเพชฌฆาต

จุมพิตเพชฌฆาต

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้นครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

****************************

สำหรับงานเขียนของ จินตวีร์ วิวัธน์ หรือ ในนามจริง คุณจินตนา ภักดีชายแดน นักเขียนนิยายและนักกลอนรุ่นครู ผู้เป็นต้นแบบของผมในเรื่องนี้ขอมาพร้อมกับชื่อเรื่องสะดุดตาสะดุดใจเลยทีเดียวครับ… จุมพิตเพชฌฆาต!

เปิดฉากด้วยภาพเหตุการณ์ระทึกขวัญนำมาก่อนตามสไตล์ของผู้เขียน เมื่อ…

ภาพคุณจินตวีร์ กับคู่ชีวิต

ท้องฟ้าแดงฉานเหมือนสีเลือด ปรากฏขึ้นคล้ายลางสังหรณ์ที่บ้านโนนนางลอย ภายหลังจากนั้นหญิงสาวในหมู่บ้านก็หายตัวไปอย่างลึกลับ เหลือแต่เพียง “ซาก” ที่น่าสยดสยองทิ้งเอาไว้ให้ดูต่างหน้า

อันที่จริง ความรู้สึกสยดสยองนับว่าไม่เกินความจริงนัก เมื่อเทียบกับสิ่งที่เห็นอยู่บนพื้นแห้งระแหงของลานดินรอบนอกบริเวณบ้านแม่เฒ่าผิว…  มันเป็นกองวุ้นเขละๆ สีดำคล้ำช้ำเลือดช้ำหนองกองใหญ่ เรี่ยราดอยู่บนพื้นในลักษณะคล้ายตัวคน แต่ไม่มีอะไรยืนยันเสียเลยว่า มันเคยเป็นเนื้อหนังมนุษย์มาก่อน

นอกจากเนื้อตรงส่วนบนของกองวุ้น และผ้านุ่งสีดำเชิงแดง ตรงกลางของกองวุ้นเท่านั้น
มีอย่างหนึ่งหลุดกระเด็นอยู่ห่างกองวุ้นเขละๆ ประมาณศอกเศษ เป็นสิ่งเดียวที่ยืนยันความเป็นมนุษย์ของวุ้นกองนี้

มันคือดวงตาสองลูกที่หลุดกระเด็นออกมาจากเบ้า กลิ้งอยู่ใกล้กับส่วนที่ควรจะเป็นใบหน้าของร่างมนุษย์ ซึ่งถูกกระทำให้กลายเป็นกองวุ้นไปได้อย่างน่าอัศจรรย์ที่สุด!!

กองวุ้นประหลาดของหญิงสาวคนแรกที่หายตัวไปอย่างลึกลับ คือปมปริศนาแรกที่นำไปสู่เหตุการณ์สำคัญต่างๆ ตามมา เพราะในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันนั้นเอง สิทธา อภิมัณฑ์ นักเขียนหนุ่มก็กำลังเดินทางมาที่หมู่บ้านอันเงียบสงบแห่งนี้ พร้อมกับ หมออนุกูล เวชวทัญญู สหายรัก เพื่อหาข้อมูลในการเขียนนิยายเรื่องใหม่ของเขา และแล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อรถของนายแพทย์หนุ่มชนเข้ากับชายประหลาดที่วิ่งเข้ามาขวางเส้นทางนั้นเข้าพอดี

ร่างชายปริศนากระเด็นล้มลงไป ทำให้ทั้งสองคนต้องรีบวิ่งลงมาช่วยเหลือ และเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติ เมื่อบุรุษผู้นั้นสามารถลุกขึ้นมาเองได้โดยไม่มีอาการบาดเจ็บสาหัสใดๆ อย่างที่ควรจะเป็น แต่ทว่าเขากลับไร้ความทรงจำทั้งมวล นอกจากประสาทสัมผัสที่หกราวกับมีตาทิพย์ มองเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า

ด้วยวิสัยแพทย์และความรับผิดชอบ หมออนุกูลจึงนำตัวชายลึกลับให้ขึ้นรถกลับมาด้วยกัน เพื่อพาไปตรวจเช็คร่างกายที่โรงพยาบาลและพบกับอนุรี น้องสาว

หนุ่มรูปงามแต่ไร้ซึ่งความทรงจำใดๆ จึงได้รับชื่อจากอนุรีว่าสนธยา และระหว่างนั้นสองพี่น้องจึงจำต้องให้สนธยาได้อยู่พักร่วมชายคาตนเองไปก่อน

ภาพ คุณจินตวีร์ วิวัธน์

แต่แล้วเหตุการณ์สยองขวัญก็ตามมาอีกครั้ง เริ่มต้นด้วยฉวี สาวใช้สาวไฟแรงสูง ที่แอบพึงใจ ‘สนธยา’ ชายหนุ่มรูปหล่อจนต้องแอบมาดักพบกับเขาในสวน เพื่อยั่วยวนด้วยเล่ห์สวาท โดยหารู้ไม่ว่า…

“ประเดี๋ยวผมจะทำให้ฉวีหายหนาวเอง”
“ทำยังไงคะ?
สาวไฟแรงสูงชะอ้อนถามด้วยเสียงที่พยายามดัดให้ฟังเซ็กซี่


แทนคำตอบ วงแขนของเขาโอบรัดร่างอวบเต็มไม้เต็มมือของหล่อนไว้กระชับแน่น

อ้อมอกของชายหนุ่มอบอุ่นจัดจนเป็นร้อนผ่าว ฉวีรู้สึกคล้ายเนื้อตัวนาบกับกระแสไฟอ่อนๆ ทำให้เกิดความรู้สึกวูบวาบประหลาดพิกลอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเลย
หล่อนเงยหน้าขึ้นมองเขา ทำท่าจะถาม แต่สนธยาไม่เปิดโอกาสให้หญิงสาวได้ปริปากคำใดทั้งสิ้น


ใบหน้าของเขาก้มลงมาอย่างรวดเร็ว แนบชิดกับดวงหน้าของฉวี ริมฝีปากได้รูปงาม ที่หญิงสาวใฝ่ฝันหาประทับลงบนริมฝีปากเผยอแย้มสั่นระริกคู่นั้นอย่างหนักหน่วง
สาวใช้ร่างอวบสะดุ้งสุดตัว
รู้สึกเหมือนกระแสไฟฟ้าอันมีพลังมากมาย ถ่ายทอดจากริมฝีปากของเขาเข้าสู่ร่างกายของหล่อน… อำนาจของมัน มากพอที่จะแผดเผาให้เป็นจุณไปหมดทุกอณูของเรือนกาย 

เป็นความรู้สึกทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับฉวี ต่อจากนั้น ร่างของหล่อนก็อ่อนระทวย หมดสิ้นสติสัมปชัญญะไป เหมือนถูกไฟฟ้าช็อตจนสลบเหมือด


แต่สนธยายังไม่ปล่อยมือจากหล่อน เขารัดร่างหญิงสาวแนบแน่นกับร่างตนเอง ริมฝีปากบดเบียดกับริมฝีปากของหล่อนสนิทแน่นไม่ยอมปล่อย
แม้ว่า จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอันน่าอัศจรรย์ ขึ้นกับร่างกายของสาวใช้ไฟแรงสูงก็ตาม
ร่างอวบอัดเต็มไม้เต็มมือ ตึงเต่งด้วยเนื้อหนังมังสาอันร้อนระอุนั้น ค่อยๆเปลี่ยนไปทีละน้อย อยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม ความอวบอัดกลายเป็นความฟุบแฟบ และความตึงเต่งก็หย่อนยานลง อย่างไม่น่าเป็นไปได้

ในที่สุด ประมาณ 10 นาทีให้หลัง ร่างที่อยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มก็คือ สังขารอันเหี่ยวย่นยู่ยี่ของหญิงชราวัยเกิน 100 ปีผู้หนึ่ง!

เหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นในบ้านของนายแพทย์อนุกูลอย่างต่อเนื่อง คนใช้สาวที่เกิดหายตัวไปอย่างลึกลับ คนสวนหนุ่มที่แอบไปเห็นการ ‘การลอกคราบ’ ของสนธยา ในขณะเดียวกัน หมออนุกูลก็สนใจกับ ‘พลังจิตลึกลับ’ ที่เกิดขึ้นของชายหนุ่มปริศนาผู้นี้ และร่วมมือกับสหายจิตแพทย์ เพื่อทำการศึกษา

โดยไม่ล่วงรู้ว่า ในระหว่างนั้นเอง ความสัมพันธ์ของสนธยากับอนุรีน้องสาวของเขาก็เริ่มงอกงามขึ้น ในท่ามกลางเหตุการณ์พิศวงต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยมีตัวแปรต่างๆ เข้ามาร่วมในวังวนของเรื่องราวเหล่านี้ ทั้งเพ็ญพธู เพื่อนสาวของอนุรี ที่หลงเสน่ห์ สนธยา สาวสมัยใหม่ พยายามยั่วยวนชายหนุ่มลึกลับผู้นี้ แม้กระทั่งการจุมพิต…

เพ็ญพธู เอนตัวเข้าไปใกล้ผู้พูด นัยน์ตาอันปรือลงครึ่งหนึ่ง มองดูเขาอย่างหยาดเยิ้ม ขณะเผยอกลีบปากกระซิบถาม
“อยากพิสูจน์ไหมคะว่า ช็อกโกแลตนี้หวานแค่ไหน?”

สนธยาขยับกาย เพ็ญพธูมองดูเขาแน่วแน่อย่างใจถึง นึกคาดหมายว่าจะเป็นอย่างไรหนอ จุมพิตของหนุ่มหน้าสวยคนนี้… ทว่า ผิดคาด
“อย่าเลยครับ ผมไม่ชอบทานช็อกโกแลต!”


สาวสมัยรู้สึกหน้าร้อนวูบ ดึงตัวกลับมานั่งพิงพนักตามเดิม สีหน้าเริ่มเฝื่อนด้วยความไม่พอใจ คราวนี้สนธยาเหลือบมองดูหล่อนยิ้มน้อยๆ แล้วกล่าวเสียงเบา
“สักวัน คุณจะนึกขอบคุณผม ที่ไม่ทดลอง กลิ่นช็อกโกแลตในลิปสติกของคุณนะครับ คุณเพ็ญพธู… คุณจะขอบคุณสวรรค์ด้วยซ้ำไป ที่ผมไม่จุมพิตคุณ เพราะว่า…”

จากนั้น การก้าวเข้ามาของ ด็อกเตอร์สามารถที่หลงรักอนุรี ก็ทำให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ตามมาเป็นระลอก การสืบหาตัวฆาตกร ความรู้สึกที่อนุรีมีต่อบุรุษปริศนาอย่างสนธยา ที่หลายคนกำลังสงสัยว่าเขามิใช่มนุษย์!!

ตราบจนมาถึงปมเฉลยสำคัญ เมื่อการปรากฏตัวของ ‘เพื่อน’ อีกคนหนึ่งของสนธยา มาถึง ราฆอสหรือเพื่อนของสนธยา พยายามติดตามหาตัวชายหนุ่มมาตั้งแต่แรก แต่ไม่สามารถติดต่อได้ เนื่องจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น จนทำให้ ‘การสื่อสารระหว่างกัน’ เกิดขัดข้อง และนี่เองที่ทำให้พลังจิตของสนธยาเกิดขึ้นอย่างไม่ชัดเจน รวมถึงการจดจำอดีตที่ผ่านมาไม่ได้ อนุรีตัดสินใจพาเขาไปพบกับสนธยา เมื่อนั้นเอง การทำให้ชายหนุ่มกลับคืนสู่สภาพเดิมก็เริ่มต้นขึ้น

แท้จริงแล้ว พวกเขาเดินทางมาจากดินแดนจากดาวอีกดวงหนึ่งนามดาวเคราะห์โซราเดีย ซึ่งอยู่ ด้านหลังดวงอาทิตย์ในระบบสุริยจักรวาลนั่นเอง

สิ่งที่ผมกระทำไปในโลกมนุษย์ของคุณรีนั้น จะเป็นบาปผิดที่ตรึงตราอยู่ในคลังความจำแห่งสมองของผมตลอดไป ผมไม่ได้แก้ตัว แต่อยากบอกความจริงให้คุณรับทราบว่า ความร้ายกาจใดๆ ที่ผมกระทำลงไปนั้น เกิดขึ้นในขณะที่ สมองบางส่วนของผมชำรุด จดจำอะไรไม่ได้ แม้แต่สภาพเดิมของตัวเอง ผมจึงมีสัญชาตญาณเหมือนสัตว์ไปในขณะนั้น คือสัญชาตญาณในการเอาชีวิตรอด เมื่อร่างกายบอกว่าพลังงานในตัวจวนหมดแล้ว ผมซึ่งอยู่ในสภาวะชำรุดทรุดโทรมก็จำเป็นต้องหาทางเพิ่มพลังนั้นโดยด่วน ด้วยวิธีการที่พวกคุณเห็นว่าสยดสยองเหลือประมาณ

และชีวิตของสนธยาเองก็เหลืออีกไม่นานนักเช่นกัน พลังที่เขาสูบกินจากมนุษย์โลกโดยสัญชาตญาณนั้น ได้นำพาสารพิษที่แตกต่างจากโลกของเขาเข้าไปด้วย และบัดนี้มันก็กำลังทำลายร่างของเขาไปพร้อมกัน!!

สภาพร่างกายของสนธยาจะแตกสลายลงไปจนไม่เหลือทุกสรรพสิ่ง ความตายที่กำลังจะมาถึงในอีกหนึ่งปีข้างหน้า…

“ปีเศษเท่านั้นหรือ?”
“สำหรับผมคิดว่ายาวเกินไป เพราะ… การมีชีวิตที่อยู่ห่างไกลคุณรีโดยไม่มีโอกาสเห็นหน้าค่าตากันอีกเลยนั้น เป็นความทุกข์ทรมานอย่างใหญ่หลวง อย่ามีชีวิตอยู่เสียเลยจะดีกว่า”

ผู้ฟังเงียบกริบ หล่อนจะปริปากพูดได้อย่างไร ในเมื่อสภาวะของดวงจิตในขณะนี้ปั่นป่วนรวนเรเต็มทน บอกกับหัวใจตนเองอย่างหนักแน่นว่า

“อย่าว่าแต่คุณจะรู้สึกเป็นทุกข์ทรมานเพราะการไม่ได้เห็นหน้ากันนั่นเลย ฉันก็เป็นทุกข์ทรมานพอๆ กันนั่นแหละ อาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะต้องฝืนใจทำท่าตรงกันข้ามกับความรู้สึกตลอดเวลา!”

และการเดินทางไกลนับปีแสงเพื่อกลับคืนสู่ดาวโซราเดียก็มาถึง อนุรีรู้ดีว่านี่คือการอำลาจากชั่วนิรันดร์ หล่อนจะไม่มีโอกาสได้เห็นหน้ามนุษย์ต่างดาวหน่มนามสนธยาผู้นี้อีกต่อไป หญิงสาวต้องตัดสินใจเลือกเป็นครั้งสุดท้าย…
อยู่บนโลกใบนี้ด้วยร่างกายที่ปราศจากหัวใจรัก หรือติดตามเขาไปยังดินแดนอันไกลโพ้นสุดขอบฟ้า เพื่ออยู่ร่วมตราบจนถึงวาระสุดท้ายของสนธยา?

เรื่อง : จุมพิตเพชฌฆาต
ผู้เขียน : จินตวีร์ วิวัธน์
ปีที่พิมพ์ : 2524
สำนักพิมพ์ : โชคชัยเทเวศร์
2 เล่มจบ

คำตอบของนิยาย จุมพิตเพชฌฆาต อยู่ที่บรรทัดสุดท้าย อันเป็นบทสรุปของเรื่องได้เป็นอย่างดี เป็นฉากที่ดอกเตอร์สามารถ ผู้หลงรักอนุรี กำลังนั่งรำพึงอยู่เพียงลำพัง

ในใจของเขาคะนึงหาแต่อนุรี เวชวทัญญู
ซึ่งขณะนี้ ไม่รู้ว่าอยู่ห่างออกไป กี่หมื่นไมล์ และกี่ปีแสง…?

ปัจฉิมลิขิต : สำหรับ จุมพิตเพชฌฆาต เรื่องนี้ ผมเคยเขียนไว้ ในบล็อกแก๊งสามปอยหลวง เมื่อหลายปีมาแล้ว แต่ขอมานำเสนอให้กับเพื่อนนักอ่าน บรรณาภิรมย์ และ ‘แฟนานุแฟน’ ของ คุณจินตวีร์ให้รำลึกถึงกันอีกครั้ง ครับ ส่วนภาพประกอบซึ่งเป็นรูปของ คุณจินตวีร์ วิวัธน์ นั้น ผมนำมาจาก คอลัมน์สัมภาษณ์ท่านในนิตยสารขวัญเรือน ฉบับ 378 ปกแรก เดือนกันยายน 2530 ครับ

สนับสนุนอ่านเอาด้วยการสั่งซื้อหนังสือ “ในสวนอักษร” คลิกที่นี่
Don`t copy text!