รวีช่วงโชติ

รวีช่วงโชติ

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้นครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

รวีช่วงโชติ คือภาคต่ออันสมบูรณ์ของ อีสา นวนิยายชีวิตเรื่องเยี่ยมจากปลายปากกาของสีฟ้า โดยดำเนินเรื่องต่อจากเหตุการณ์ที่อีสา หรืออุษาวดี รอดพ้นจากคดีฆ่าคนตายเพื่อปกป้องโสภิตพิไล และคุณชายรวีช่วงโชติเป็นผู้ตัดสินคดีความนี้ให้โดยไม่รู้แม้แต่น้อยว่าอีสาก็คือมารดาที่แท้จริงของตน

และจากนั้นอีสา ก็ตัดสินใจละทางโลกเข้าหาธรรมะ โดยการบวชชี

เรื่องราวเหล่านี้ยังคงค้างคาปัญหาให้แก่ผู้อ่าน ที่สงสัยว่านิยายเรื่องนี้ ยังจบไม่สมบูรณ์ ลูกทั้งสองของอีสาก็ยังไม่รู้ความจริงว่าแม่แท้ๆ ของตนคือใคร นี่เองคือเหตุผลที่ทำให้สีฟ้าจรดปากกาเขียน รวีช่วงโชติ อันเป็นภาคสมบูรณ์ของเรื่องราวทั้งหมดขึ้น

++++++++++++++++++

เวลาผ่านไป อุษาได้สึกจากความเป็นชี และหันกลับมาใช้ชีวิตในทางโลกอีกครั้ง แม้ว่าจะผ่านพ้นจนล่วงเข้าสู่วัยกลางคนแล้วก็ตาม แต่ความต้องการและอารมณ์แห่งปุถุชน ซึ่งสายังมีครบถ้วนก็ไม่ได้เลือนหายไปไหน เช่นเดียวกับความเป็นแม่ ซึ่งจดจำรวีช่วงโชติได้เป็นอย่างดี บัดนี้เขาเติบโตเป็นชายหนุ่มรูปงามผู้เพียบพร้อม ด้วยคุณสมบัติ รูปสมบัติ และทรัพย์สมบัติ รวมถึง โสภิตพิไล ที่มาอาศัยอยู่ร่วมในวังรวีวาร ในฐานะหลานสาวของชายรวี โดยที่ต่างก็ยังไม่รู้ความจริงว่าเป็นพี่น้องร่วมมารดาเดียวกัน

สา หรืออุษาวดี มีโอกาสรู้จักกับใจสว่าง นักศึกษาสาวน้อยผู้มีใจงดงาม และทราบว่าใจสว่างเป็นหลานของนางแป้น ผู้ที่เคยเกื้อกูลกันมาสมัยที่ตนและคุณหญิงไปพักอาศัยอยู่ด้วย จนเกิดเรื่องเมื่อคุณหญิงโสภาพรรณวดีจมน้ำเสียชีวิตลง แป้นและครอบครัวล่วงรู้ถึงความจริงดีว่า โสภิตพิไลก็คือลูกสาวของอีสา หาใช่ลูกของคุณหญิงโสภาพรรณวดีไม่ แต่ทุกคนก็ยินดีที่จะเก็บความลับนั้นเอาไว้ รวมถึงใจสว่าง ที่เป็นรุ่นน้องมหาวิทยาลัยเดียวกับโสภิตพิไล และยังเป็นลูกศิษย์ของคุณชายรวีช่วงโชติอีกด้วย

รวีช่วงโชติมีโอกาสได้พบกับใจสว่าง เขารู้สึกประทับใจกับเด็กสาวผู้แม้จะมีชาติกำเนิดเป็นเพียงหญิงสาวชาวบ้านธรรมดา แต่ก็มีความร่าเริงสดใสและซื่อตรงในความคิดของตัวเอง ใจสว่าง มาอาศัยอยู่กับอุษาระหว่างเรียนหนังสือ เมื่ออุษาตัดสินใจเปิดร้านเสริมสวยอีกครั้ง และคบหากับนายพลสันทนา จนเปลี่ยนมาเปิดไนต์คลับด้วยกันอีกครั้ง

หม่อมพริ้มซึ่งมีลูกหลายคนที่ทุกคนต่างรู้ความจริงเรื่องรวีช่วงโชติ และหม่อมพริ้มก็ต้องการให้คุณชายรวีเป็นฝั่งเป็นฝากับหญิงสาวที่เหมาะสม ตรงกับความต้องการของคุณหญิงสิริพรรณราย ลูกสาวของหม่อมพริ้มที่แต่งงานกับนายปวุฒ นักธุรกิจที่ต้องพึ่งพาอำนาจทางการเมืองของนายพลสันทนา และคุณหญิงเฉิดฉวีที่มีลูกสาวคนเดียวคือสวาทโฉม คุณหญิงสิริพรรณราย จึงพยายามจับ ‘ชายรวี’ น้องของเธอให้สนิทสนมกับสวาทโฉม และด้วยบุคลิกที่นุ่มนวลอ่อนโยนโดยไม่แสดงความรู้สึก ทำให้สวาทโฉมที่เคยมีชายคนรักอย่างศิวพจน์มาก่อนมองว่าราชนิกูลหนุ่มผู้นี้ ‘ไม่ทันคน’ และเป็นเสมือนคนทึ่มในสายตาของเธอ

แต่สวาทโฉมก็ยินยอมที่จะหมั้นหมายแต่งงานกับรวีช่วงโชติ ตามความเห็นชอบของบิดามารดา เพราะหล่อนเองก็กำลังตั้งครรภ์กับศิวพจน์ และมารดาเองก็ปฏิเสธศิวพจน์ เนื่องจากเห็นว่าคุณชายรวีช่วงโชติมีชาติตระกูลสูงกว่า โดยไม่รู้ความจริงแม้แต่น้อยว่าเขาคือลูกของอีสา!

ความลับเรื่องลูกของสาคงจะถูกปิดบังไปตลอดชีวิต ถ้าหากว่าโสภิตพิไลจะไม่รักกับชิษณุซึ่งมีศักดิ์เป็นน้าหลานกัน และทำให้สายอมให้ทั้งคู่ใช้ชีวิตร่วมกันไม่ได้

++++++++++++++++++++

ความจริงที่รับรู้นี้เองทำให้ชิษณุผิดหวังสุดขีด เขาหนีหน้าโสภิตพิไล และเลือกไปใช้ชีวิตต่างจังหวัดกับอัญมณี หญิงสาวอดีตคนรักของตนที่แต่งงานไปแล้ว แต่กำลังมีปัญหาครอบครัวพอดี โสภิตพิไลเองยิ่งเมื่อรู้ความจริงทำให้หล่อนเศร้าเสียใจจนเตลิด และด้วยอารมณ์ชั่ววูบทำให้ตัดสินใจที่จะไปเป็น ‘อนุ’ ของ ‘ท่าน’ ที่เป็นนายพลคนสำคัญ ผ่านนายพลสันทนา พ่อตาของรวีช่วงโชตินั่นเอง แต่พอดี ‘ท่าน’ ได้เดินทางไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ และเมื่อกลับมาก็เสียชีวิตลงเสียก่อน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่างๆ มากมาย โสภิตพิไลจึงมาอาศัยอยู่กับนางแป้นและใจสว่าง ท่ามกลางความห่วงใยของทุกคนรวมถึงรวีช่วงโชติที่รู้ความจริงจากยายเจิม หญิงชราผู้เลอะเลือนและหลุดปากออกมา จนทำให้เขารู้ความจริงว่าตนก็เป็นลูกของอีสาเช่นกัน!

ในขณะที่นายพลสันทนาที่ใช้ชีวิตร่วมกับอุษา ให้หล่อนช่วยบำเรอความสุข อุษาหรืออีสา เองก็ยังหนีไม่พ้นจากความต้องการทางกามารมณ์ แม้ว่าจะทำให้ครอบครัวของคุณหญิงเฉิดฉวีเกลียดชังมากเพียงใด และยิ่งไปกว่านั้น เมื่อความจริงปรากฏขึ้นว่ารวีช่วงโชติเป็นลูกของอีสา ก็ทำให้ทั้งเฉิดฉวีและสวาทโฉมรังเกียจ จนได้โอกาสที่จะดำเนินเรื่องของหย่าขาดจากรวีช่วงโชติเพื่อกลับไปคืนดีกับศิวพจน์ พอดี

รวีช่วงโชติยินดีตามความต้องการของสวาทโฉม เขาล่วงรู้มาโดยตลอดว่าทารกผู้นี้เป็นสายเลือดของศิวพจน์ ไม่ใช่ตัวเขา แม้ว่าเขาเองจะรักไม่ต่างกับเป็นลูกแท้ๆ เลยก็ตาม

ความรู้สึกของรวีช่วงโชติ เมื่อรับรู้ความจริงนั้น ‘สีฟ้า’ ได้บรรยายอย่างเห็นและเข้าใจถึงความรู้สึกของเขาได้เป็นอย่างดี…

ถึงจะพยายามทำใจให้มั่นคง ไม่หวั่นไหว เพราะคิดว่าต้องยอมรับความจริงกับเรื่องของ… แม่!

แต่ก็อดสะเทือนใจไม่ได้

วิสัยของปุถุชน… เมื่อยังไม่รู้ว่าเป็นแม่ก็แล้วไป แต่เมื่อรู้แล้วสัญชาตญาณของมนุษย์ ถึงอย่างไรแม่ก็ยังเป็นแม่!

อดรู้สึกสะท้านขึ้นมาในอกนิดๆ ไม่ได้

แต่ในที่สุด ด้วยความเป็นรวีช่วงโชติที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเหตุผล และจิตใจที่สะอาดบริสุทธิ์ เขาก็สามารถก้าวข้ามความรู้สึกเหล่านั้นไปสู่การยอมรับความเป็นจริงอันเป็นสัจธรรมของชีวิตนั้นได้ในที่สุด แม้ในห้วงเวลาสุดท้ายของหม่อมพริ้มที่จากไป และพี่สาวทั้งสามของเขาจะถกเถียงกันทั้งเรื่องสมบัติ และชาติกำเนิดความเป็นทายาทของรวีวารก็ตามที

ตลอดเวลารวีช่วงโชตินิ่งเหมือนฟังอย่างสงบ ทว่าแท้ที่จริงแล้ว เขาปล่อยให้มันผ่านหูไปเฉยๆ ไม่ได้เอาใจใส่กับเนื้อถ้อยกระทงความที่พี่สาวทั้งสามโต้คารมกัน

แม้ว่าส่วนมากจะเกี่ยวกับตัวเขา

ไม่ว่าเขาจะเป็นลูกชายของหม่อมพริ้ม หรือ ‘อีสา’ เขาก็คือ รวีช่วงโชติ…

เมื่อเขาเดินมาจนถึงจุดนี้ ยืนอยู่ตรงจุดนี้อย่างมั่นคงแล้ว แม้ว่าเขาจะเป็นลูกใคร เขาก็คือ หม่อมราชวงศ์รวีช่วงโชติ รวีวาร ไม่เคยเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น…

++++++++++++++++++++++++

เรื่องราวใน รวีช่วงโชติ ดำเนินมาสู่บทอวสาน อย่างสมบูรณ์ แม้ว่าจะไม่มีบทสรุปความรักของคู่พระนาง นอกจากทิ้งท้ายเอาไว้ให้ผู้อ่านนำไปจินตนาการต่อ แต่ความโดดเด่นของเรื่อง ก็คือ ชีวิตของอีสาที่ผ่านร้อนหนาวต่างๆ มามากมาย และท้ายสุดสาก็ได้ตระหนักถึงสัจธรรมของชีวิต เมื่อวันวัยร่วงโรย และนายพลสันทนาเองก็มีหญิงสาวคนใหม่ผ่านเข้ามา

สารับปากหม่อมพริ้มก่อนอีกฝ่ายจะสิ้นลมหายใจ เพื่อยุติในกิจการอบายมุขของตนเองทั้งหมด รวมถึงได้รับการยอมรับความแม่จากรวีช่วงโชติ ซึ่งสิ่งนี้เองคือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของคนอย่างอีสาแล้ว

เพราะมันคือความรักอันยิ่งใหญ่ล้ำค่า เหนือกว่าทุกความรักที่ตนเองเคยแสวงหามา!

เสาะหาไม่เห็นความรักเป็นเช่นใดเล่าหนา     

ไม่เคยเจอะเลยสักคราหา           รักล้ำค่าหาชั่วชีวี

อ่อนแรงจึงเริ่มเข้าใจ           ความรักใดยิ่งใหญ่ไม่มี

ความรักจากแม่ให้ลูกนี้…           เป็นรักที่บริสุทธิ์จากใจ

หมายเหตุ : สำหรับภาพประกอบ อีสา รวีช่วงโชติ (พ.ศ.2541) ผมนำมาจากเพจ คนรักละครเก่า ต้องขอขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

 

Don`t copy text!