ดั่งความฝัน

ดั่งความฝัน

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้นครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

‘ดั่งความฝัน’ เป็นนวนิยายรักโรแมนติกของ ส.อินทรสุขศรี หรือ สมหวัง กาญจนคูหะ ที่มีหลายคนเข้าใจผิดว่านามปากกานี้เป็นของนายแพทย์เสนอ อินทรสุขศรี สำหรับประวัติของท่าน ผมเคยเขียนเล่าไว้ในบรรณาภิรมย์ ตอน ‘รักแท้แน่ไฉน’ มาบ้างแล้ว และขอนำมาลงไว้อีกครั้งในข้อเขียนนี้ ด้วยนะครับ

ส.อินทรสุขศรี

สมหวัง (อินทรสุขศรี) กาญจนคูหะ เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2467 ณ จังหวัดนครราชสีมา โดยที่ท่านได้รับการศึกษาขั้นต้นจากโรงเรียนสุรนารีวิทยา และมาต่อที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา รุ่นที่ 2   ได้รับปริญญาอักษรศาสตรบัณฑิต (ไทย-อังกฤษ) เมื่อ ปี พ.ศ. 2489 สำหรับชีวิตการเขียนเรื่องสั้น ท่านได้รับการสนับสนุนและให้กำลังใจจาก ร.จันทพิมพะ ซึ่งเคยเป็นครู สมัยทำหนังสือพิมพ์ สุภาพบุรุษ และนิลวรรณ ปิ่นทอง บรรณาธิการ สตรีสาร ซึ่งได้เคยเร่งเร้าให้ลองเขียนเรื่องยาวดู ซึ่งผู้เขียนเองก็ไม่เคยลืมความเมตตาอารี ของท่านทั้งสองเลย

งานประพันธ์ของ ส.อินทรสุขศรี นั้นแบ่งได้เป็นสี่ประเภท คือ

  1. เรื่องสั้น เขียนเรื่องสั้นลงในหนังสือและนิตยสารต่างๆ นับตั้งแต่สำเร็จการศึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระยะหนึ่งเคยเขียนเรื่องสั้นลงใน สตรีสาร ต่อมาเขียนประจำในนิตยสาร ไทยโทรทัศน์ และ คู่มือแม่บ้าน และในนิตยสารอื่นๆ บางครั้งบางคราว ได้มอบให้สำนักพิมพ์ก้าวหน้าจัดพิมพ์ ‘รวมเรื่องเอก ของ ส.อินทรสุขศรี’ เรื่องสั้นๆ สำหรับเด็กในหนังสือ หนูน้อยกลอยใจ โดยใช้นามปากกาอื่นๆ อาทิ รางวัลเชน โดย ภัทรทิพา
  2. เรื่องยาว ลงใน สตรีสาร ชื่อเรื่อง ‘รักแท้แน่ไฉน’ ซึ่งบริษัทการพิมพ์สตรี ได้จัดพิมพ์เป็นนวนิยาย พิมพ์เล่มลำดับ 1 ประมาณ ปี พ.ศ. 2498 เรื่อง ‘ดั่งความฝัน’ ลงในหนังสือพิมพ์ สยามนิกรรายสัปดาห์ และสำนักพิมพ์ผดุงศึกษา จัดพิมพ์ราว พ.ศ. 2501 และเรื่องยาวอื่นๆ อีกสามสี่เรื่อง ในนิตยสาร ไทยโทรทัศน์
  3. บทละคร เขียนบทละครทั้งทางวิทยุ และโทรทัศน์ ในนามปากกา ส.อินทรสุขศรี และ ‘ขวัญฤดี’ และอื่นๆ
  4. งานแปล แปลเรื่องสั้นจากภาษาอังกฤษที่ชอบ ลงในนิตยสารต่างๆ บางครั้งบางคราว แปลบทพากย์ภาพยนตร์โทรทัศน์ และหนังสือ ซึ่งสำนักข่าวสารอเมริกันมอบหมายให้แปล อาทิ ‘มุ่งตะวันตก’ ‘เรื่องของข้าพเจ้าทอมดูลีย์’ ‘เชน เสือตะวันตก’ ‘คิมหันต์รัญจวน’ ฯลฯ

 

สำหรับ ดั่งความฝัน เล่มนี้ เปิดเรื่องด้วยฉากของไร่สนแก้ว ดินแดนอันแสนสงบในเขตอำเภอปักธงไชย ซึ่งหลวงรัตน์ รักษ์เขต ชายชราวัย 78 ปี อดีตนายอำเภอปักธงไชย ได้เลือกมาใช้ชีวิตในบั้นปลายอย่างสงบในอาชีพเกษตรกรแห่งนี้ ซึ่งท่านได้รับมรดกตกทอดมาจากนายรวง ผู้เป็นต้นสกุล

คุณหลวงมีหลานชายคนเดียว เกิดจากจักร ลูกชายผู้ล่วงลับของท่าน มีนามว่าตรี และท่านได้ส่งชายหนุ่มให้ไปเรียนต่อทางกสิกรรมที่ฟิลิปปินส์ จนจบกลับมาช่วยเหลือกิจการงานในไร่แห่งนี้ ในเวลาเดียวกันท่านก็อุปการะคุณจรวย ลูกสาวคนโตที่เคยแต่งงาน และล้มเหลวในชีวิตคู่ มีลูกสาวคืออุ่นเรือน ให้มาอาศัยอยู่ร่วมบ้านแห่งนี้ด้วย จรวยเลี้ยงดูตรีในตอนเด็ก และปลูกฝังความคิดว่าจักร พ่อของเขา หลังจากสูญสียมารดาไป ก็ต้องมาแต่งงานกับลัดดา ผู้หญิงที่คุณหลวงจัดหาให้

แต่แล้วลัดดา ก็หนีตามผู้ชายคนอื่นไป เพราะทนอยู่ในไร่สนแก้วอันเงียบเหงาไม่ได้ และเป็นสาเหตุให้บิดาของเขาต้องตรอมใจตายอย่างน่าอนาถ

บัดนี้ ตรี รักษ์เขต เติบโตเป็นหนุ่มใหญ่ ผู้เพียบพร้อมและได้รับข่าวไม่คาดฝันจากคุณปู่หลวงรัตน์ รักษ์เขตว่า ได้ข่าวของลัดดาที่หนีไปอยู่กรุงเทพฯ หล่อนได้แต่งงานใหม่กับนายเกตุ นันทิยวัฒน์ จนมีลูกสาวชื่อเจี๊ยบ แต่แล้วทั้งคู่ก็เสียชีวิตลง และฝากลูกสาวคนเดียวนี้ไว้กับนายแสง สุจินต์ ซึ่งเป็นเพื่อน

แสงเองไม่สามารถอุปการะลูกสาวของลัดดาไว้ได้ เพราะตนเองก็มีภาระ และทราบว่าลัดดาเคยเอ่ยถึงคุณหลวงรัตน์ฯ จึงจดหมายติดต่อมา เพื่อขอให้ท่านช่วยอุปการะให้แทน คุณหลวงเองคุ้นเคยกับมารดาของลัดดามาก่อน และเป็นคนติดต่อให้ลัดดามาแต่งงานกับจักร ลูกชายของท่านเอง จึงตัดสินใจขอร้องให้ตรีเดินทางไปรับเด็กคนนั้นขึ้นมาที่ไร่สนแก้วแห่งนี้

แม้จะมีอคติต่อลัดดา และความแค้นที่ฝังใจมาแต่เยาว์วัย แต่ตรีก็สามารถควบคุมอารมณ์ความรู้สึกเหล่านั้นได้ เขาเดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อพบว่าเด็กเจี๊ยบที่เข้าใจว่าเป็นเด็กหญิงไม่กี่ขวบนั้น แท้จริงแล้วคือสาวน้อยแสนสวยที่มีนามว่ากฤติกา นันทิยวัฒน์!

เรื่อง : ดั่งความฝัน

ผู้เขียน : ส.อินทรสุขศรี

สำนักพิมพ์ : ผดุงศึกษา

ปีที่พิมพ์ : 2498

เล่มเดียวจบ

การมาถึงไร่สนแก้วของสาวน้อยแสนสวย สร้างความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างให้เกิดขึ้นที่นี่ คุณหลวงผู้ชราให้ความเอ็นดูรักใคร่กฤติกาไม่ต่างกับลูกหลาน และเธอก็แสดงความกตัญญูช่วยเหลือดูแลท่านที่ล้มเจ็บลงได้เป็นอย่างดี ท่ามกลางความริษยาของคุณจรวย

คุณจรวยวางแผนให้อุ่นเรือน ลูกสาวคนเดียวของเธอ ได้คบหาแต่งงานกับตรี เพื่อครอบครองสมบัติและที่ทางทั้งหมดของไร่สนแก้วแห่งนี้ แต่ตรีเองก็รักอุ่นเรือนเหมือนน้องสาวแท้ๆ แม้อุ่นเรือนเองจะแอบชื่นชมและรักตรีสักเพียงใดก็ตาม แต่เมื่อกฤติกามาอยู่ที่ไร่แห่งนี้ ความน่ารักสดใสและจิตใจงดงามของกฤติกา ก็ทำให้หัวใจของตรีหวั่นไหว

อุ่นเรือนรับรู้ด้วยความปวดร้าวใจ แต่หญิงสาวก็ใช้คุณธรรมในใจตัวเอง หักห้ามความรู้สึกด้านลบเอาไว้ และยินดีที่จะเห็นพี่ตรีของเธอมีความสุข

แต่ไม่ใช่ คุณจรวย… หญิงสูงวัยพยายามกีดกันและหาทางกลั่นแกล้งกฤติกาทุกอย่าง เพื่อหาทางกำจัดให้เธอออกไปจากสวนสนแก้วแห่งนี้

 

ยิ่งเมื่อเห็นกฤติกาสนิทสนมกับดุล พินิจพงษ์ ชายหนุ่มเจ้าของบ้านไผ่ทอง ซึ่งเป็นสวนที่อยู่ติดกับสวนสนแก้ว จึงพยายามใส่ความว่ากฤติกาคบหาผู้ชาย ไม่ต่างกับลัดดา แม่ของเธอในอดีต!

การยุแยงใส่ไฟของคุณจรวยได้ผล เมื่อตรีซึ่งเริ่มรู้สึกรักกฤติกา เกิดความหึงหวงและเข้าใจผิดเกิดขึ้น และเหตุการณ์ก็ยิ่งเลวร้ายตามมา เมื่อคุณหลวงรัตน์เสียชีวิตลง คุณจรวยหาเหตุเป็นผู้จัดการมรดกแทนทุกอย่าง และขับไล่กฤติกาออกไปจากสวนแห่งนี้ กฤติกาต้องไปอาศัยพักอยู่ที่บ้านไผ่ทองของดุล ด้วยความเอื้ออารีของเขา

และตรีก็ได้รับจดหมายจากคุณปู่ ที่เขียนฝากไว้ให้เขาเป็นการส่วนตัว ในจดหมายนั้นเองที่ทำให้เขาตาสว่าง เมื่อท่านยกมรดกทั้งหมดให้กับเขาเป็นผู้ดูแล และขอให้ช่วยเหลืออุปการะกฤติกา เพราะในอดีตครอบครัวของท่าน เคยโกงที่ดินของตระกูลกฤติกามาก่อน และท่านเองก็ต้องการจะชดใช้ทุกอย่างให้กับกฤติกา เช่นเดียวกับเรื่องราวของลัดดา ที่ตรีได้ทราบภายหลังว่า พ่อของเขาไม่ได้ตายเพราะตรอมใจ แต่เกิดจากสาเหตุอื่น ส่วนการหนีออกจากสวนสนแก้วของลัดดา ก็เป็นเพราะนางจรวยนั่นเองที่วางแผนกลั่นแกล้งจนลัดดาทนอยู่ไม่ได้

แผนการเลวร้ายนี้นางจึงนำมาใช้กับกฤติกาอีกครั้งหนึ่งเช่นกัน!

ด้วยความเข้าใจจากจดหมายฉบับนี้เอง รวมกับการบอกเล่าของอุ่นเรือนที่ไม่อาจทนเห็น ความอยุติธรรมที่นางจรวยมารดาของเธอกระทำกับกฤติกาได้ ทำให้ตรีตัดสินใจที่จะตามหา กฤติกาให้พบ และพาเธอกลับคืนสู่สวนสนแก้วของเธอและเขาอีกครั้ง

และฉากสุดท้ายที่สถานีรถไฟ เมื่อดุลเดินทางมาส่งกฤติกา เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ แต่แล้ว ตรีก็รีบตามมาทัน เขาพาเธอกลับมายังสวนสนแก้วอีกครั้ง และปรับความเข้าใจกับสาวน้อยที่อยู่ในหัวใจของเขามาโดยตลอด โดยปราศจากกำแพงแห่งอคติ เหมือนเดิม

“เจี๊ยบยังไม่ได้บอกผมให้ชื่นใจเลยว่า เจี๊ยบรักผมหรือเปล่า…”

เขาเชยคางหล่อน กฤติกาเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่ม ด้วยความรัก หล่อนเสแสร้งสั่นศีรษะ แต่แววตาของหล่อนเป็นไปในทางตรงกันข้าม

แสงแดดกราดทั่วบริเวณไร่สนแก้ว ไม้ไร่ยืนต้นรับอากาศสดชื่นแจ่มใสยามเช้าหลังจากผ่านพ้นพายุร้ายเมื่อค่ำคืน ดอกไม้ริมทางเข้าไร่สนแก้ว บานสะพรั่งต่างสี ราวกับจะบานคอยต้อนรับหนุ่มสาวที่กำลังขับรถเข้าเขตไร่สนแก้ว อันเป็นจุดหมายปลายทางแห่งความฝันหวานในชีวิตใหม่นั้นทีเดียว…

Don`t copy text!