สวัสดีลุงจอน

สวัสดีลุงจอน

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้นครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

**************************** 

สนับสนุนอ่านเอาด้วยการสั่งซื้อหนังสือ “ในสวนอักษร” คลิกที่นี่

เห็นชื่อเรื่อง ‘สวัสดีลุงจอน’ ครั้งแรก เชื่อว่าหลายคนคงนึกไม่ถึงว่านวนิยายเรื่องนี้จะเป็นนิยายแนวผจญภัยกึ่งแฟนตาซีมหัศจรรย์ และอาจจะผสมไซ-ไฟเข้าไปด้วย ในลักษณะเดียวกับ สู่โลกพระอังคารและจากโลกมหัศจรรย์ ซึ่งเป็นอีกแนวหนึ่งของนักเขียนนามอุโฆษ อย่าง สันต์ เทวรักษ์ ที่นักอ่านไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักในงานเขียนนวนิยายยุคนั้น

ข้อสังเกตที่ผมพบ จากการอ่านนวนิยายของท่านมาบางเรื่อง ก็คือมักจะมีตัวละครจากเรื่องก่อนหน้าเข้ามาประกอบและเชื่อมโยง แม้จะอาจจะไม่ใช่ตัวหลักก็ตาม อย่าง สวัสดีลุงจอน เรื่องนี้ พลอตเรื่องหลักจะเชื่อมต่อกับ ‘เศรษฐีอนาถา’ อันเป็นเหตุการณ์ก่อนหน้าโดยตรง แต่ก็มีการอ้างอิงถึงตัวละครบางตัวใน ‘ทางม้าลาย’ และ ‘สายสัมพันธ์’ อยู่บ้าง หรืออย่างนวนิยาย ‘รักธรรมนูญ’ ก็เป็นเรื่องที่เชื่อมต่อกับ ‘บันไดแห่งความรัก’  เป็นต้น

สวัสดีลุงจอน เล่าเรื่องราวต่อเนื่องจาก เศรษฐีอนาถา ก็คือ ลุงจอน บางคอแหลม กับนางทองม้วน ซึ่งภายหลัง กันทิมา ลูกสาวคนโต ได้แต่งงานไปกับ ประพนธ์ ธนพิทักษ์ และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขพร้อมกับมีลูกที่น่ารัก ส่วนลุงจอนก็ยังอาศัยอยู่กับภรรยา และลูกชายวัยมัธยมชื่อ จันทน์เทศ

ชีวิตชายชรามีความสุขกับการคบหาสมาคมมิตรสหายในก๊วน ที่ประกอบด้วย นายทวน บางขุนนนท์ และ หลวงเชี่ยว ระบิล ทั้งสามเฒ่า ออกเดินทางไปยังป่าแก่งคอยใกล้ดงพญาเย็นเพื่อท่องไพร ในขณะที่ประพนธ์กับ ภุชงค์ อุดมวิทย์ สหายนักธรณีวิทยาของเขา ก็ออกเดินทางสำรวจแหล่งแร่ที่จังหวัดกาญจนบุรี

กลุ่มของลุงจอนพลัดหลงเข้าไปในบริเวณป่าแถบนั้น และแล้วลุงจอนก็ได้เผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งในถ้ำโดยบังเอิญ

มันมีโครงร่างละม้ายไปทางมนุษย์ แต่น่าเกลียดน่ากลัวเหลือประมาณ… ดวงตาของมันเหลือกกลมโตเท่าไข่ห่าน กลอกไปมาโดยไม่กระพริบ สัตว์นั้นมีความสูง สักเท่าเด็กอายุสิบสี่ สิบห้าปี ผิวหน้าหยาบกร้านเหมือนหนังช้าง ดูเหมือนไม่มีเปลือกตา จมูกใหญ่แบนราบ ริมฝีปากสีแดงราวกับกินเลือดมาสดๆ หนังศีรษะมีขนแข็งๆ เหมือนขนหมู ใบหูเป็นครีบปลาห้อยย้อยยาน ลำตัวเป็นเกล็ดคล้ายตัวนิ่ม

และนอกจากแขนที่ยื่นออกมาเหมือนก้ามปูทั้งสองแขนแล้ว ที่สำคัญ มันยังสามารถปล่อยพลังไฟฟ้าออกมาเพื่อป้องกันตัวได้อีกด้วย!

สัตว์ประหลาดตนนั้น ส่งเสียงแค่คำว่า ‘ฟู่ฟ่า’ เพียงคำเดียวไม่ว่าจะพูดหรือถามอะไรก็ตาม ด้วยท่าทางไม่เป็นอันตราย และหวั่นกลัวมนุษย์ มีเพียงลุงจอนที่กล้าเข้าไปทำความรู้จักคุ้นเคย จนทำให้มันเริ่มคลายใจ และในที่สุด ลุงจอน ก็พามันเดินทางกลับมาที่พระนครด้วยกันโดยตั้งชื่อให้มันว่า เจ้าฟู่ฟ่า ตอนนี้เจ้าฟู่ฟ่ามาอยู่กับลุงจอนและจันทน์เทศ ที่พยายามสอนให้มันพูดภาษามนุษย์ และในที่สุด เจ้าฟู่ฟ่าก็สามารถพูดภาษาไทยคำแรกออกมาได้สำเร็จ

“หวัดดี ลุงจอน!”

ข่าวใหญ่ที่สำคัญในหน้าหนังสือพิมพ์และสื่อต่างๆ เมื่อมีผู้พบสัตว์ประหลาด สร้างความสนใจให้กับทุกคน แต่สำหรับกันทิมาแล้ว หญิงสาวกลับมีเรื่องที่ต้องห่วงพะวงมากกว่า นั่นคือ ประพนธ์สามีของเธอและภุชงค์ สหายของเขา ได้หายตัวไปอย่างลึกลับที่ป่าทองผาภูมิ เมืองกาญจน์!

กันทิมา มีโอกาสเผชิญหน้ากับฟู่ฟ่า และพบว่า มันมีแหวนแต่งงานของเธอกับประพนธ์ติดมาด้วย หากสิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่า คือเศษกระดาษที่ซุกติดมากับแหวนวงนั้น มันเป็นประโยคสี่บรรทัดที่ขาดหายไม่ต่างกับลายแทงขุมทรัพย์!

ร… วา . เขางาช.งกบ . ขาช้างเผอก

.าเภ. ทอง… มิ ….ดกา… บุร

เนถามเหวลกลงเบ

…พนธ ธนพ…

 บรรทัดสุดท้าย กันทิมา มั่นใจว่ามันคือชื่อ ประพนธ์ ธนพิทักษ์ สามีของเธอนั่นเอง แต่ ข้อความในกระดาษนั้นมาอยู่กับเจ้าฟู่ฟ่าที่ป่าดงพญาเย็นได้อย่างไร ในเมื่อเขาเดินทางไปเหมืองปิล็อกที่ ทองผาภูมิ!

ระหว่างนั้นเอง เมื่อ มิสเตอร์โรเบิร์ต แรงกินส์ ได้ปรากฏตัวขึ้น เขาเป็นรองผู้จัดการของคณะละครสัตว์แห่งบอสตัน เมื่อได้ข่าวเจ้าฟู่ฟ่า จึงพยายามจะมาติดต่อลุงจอนเพื่อขอซื้อตัว แต่ด้วยความรักความผูกพันเสมือนลูกอีกคนหนึ่ง ลุงจอนไม่ยอมขาย นายโรเบิร์ตจึงพยายามทุกวิถีทาง แม้แต่การสะกดรอยตามความเคลื่อนไหวของทุกคน จนกระทั่งติดตามพวกเขาเข้าไปในป่าลึกเมืองกาญจน์ เพื่อตามเส้นทางลายแทงที่พบบนตัวเจ้าฟู่ฟ่า

คณะเดินทาง ยังประกอบด้วย หมอเสริม เลขพันธุ์ นายชด ลูกจ้างผู้ซื่อสัตย์ และ นายสวัสดิ์ คำชื่น หนุ่มใหญ่ที่เคยหลงรักกันทิมามาก่อน รวมถึงปลัดอำเภอไทรโยค ที่ตามกลุ่มลุงจอน เข้าไปยังดินแดนลึกลับในป่าลึกแห่งนี้ด้วย

บนเส้นทางการเผชิญภัยทั้งหมดต้องเจอกับสาวน้อยซันโหล่ว ลูกสาวหัวหน้าเผ่ากระเหรี่ยงดงตองญี ที่กำลังจะต้องไปแต่งงานกับตองซู หนุ่มอีกเผ่าผู้ดุร้ายเหี้ยมโหด ทว่าซันโหล่วกลับหลงรักสวัสดิ์ จนกระทั่งเมื่อกลุ่มตองซูบุกเข้ายึดกลุ่มกระเหรี่ยงดง และจับสมาชิกชาวกรุงเป็นตัวประกัน ซันโหล่วก็ยอมสละชีวิตเพื่อความรัก

ลุงจอนเองก็ต้องเผชิญหน้ากับภยันตรายต่างๆ เพราะหลงป่าไปเพียงลำพัง จนต้องต่อสู้กับกลุ่มหมาใน ที่เหี้ยมโหด และแล้ว เจ้าฟู่ฟ่านั่นเองที่เป็นฝ่ายเข้ามาช่วยเหลือกำจัดหมาไนฝูงนั้น จนแตกกระเจิงไปในที่สุด ยิ่งทำให้แกรักและผูกพันกับเจ้าฟู่ฟ่ามากยิ่งขึ้นไปอีก แม้ว่ามันจะพูดได้อยู่คำเดียวว่า “หวัดดี ลุงจอน” ก็ตาม

ในที่สุด คณะนักเผชิญไพร ก็เดินทางแกะรอยกระดาษของประพนธ์มาถึงจุดสำคัญในแผนที่ปริศนา

ซึ่งมีปล่องลึกลงไปใต้ก้นเหว สมาชิกชาวพระนครทั้งหกคนต่างไต่ลงไปทางช่องทางนั้นพร้อมกับเจ้าฟู่ฟ่า และสิ่งที่พวกเขาเผชิญหน้าก็คืออุโมงค์ทางแยกมากมายไม่ต่างกับเขาวงกต ทั้งหมดได้เจ้าฟู่ฟ่า พานำทางทะลุผ่านลำธารใต้ดินอันเชี่ยวกรากและอันตราย จนมาบรรลุถึงทะเลสาบใจกลางหุบเขาอันซับซ้อนแห่งนี้

ณ ที่นั่นเอง ทุกคนได้พบกับประพนธ์อยู่ท่ามกลางกลุ่มฝูงมนุษย์มหัศจรรย์ ที่เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับฟู่ฟ่าเต็มไปหมด ฟู่ฟ่าลอบผ่านเข้าไปในกลุ่มของพวกมันเอง แล้วพาตัวประพนธ์หนีออกมาได้สำเร็จ เขาเองคือคนที่ฝาก ‘สาร’ ผ่านฟู่ฟ่า ให้เดินทางออกสู่โลกภายนอกเพื่อขอความช่วยเหลือ และการเดินทางในอุโมงค์ลับใต้ดินที่เชื่อมต่อใต้โลกแห่งนี้ ทำให้ฟู่ฟ่าทะลุไปออกถึงถ้ำในดงพญาเย็น จนพบกับลุงจอนของมันนั่นเอง

ทั้งหมดกระโดดลงลำธารเพื่อหนีออกสู่ปากถ้ำ ภายนอก ระหว่างที่มนุษย์ใต้ดินเหล่านั้นกำลังตามมา และเวลานั้นเองที่นายจอนรู้ว่าการจากลากับฟู่ฟ่าได้มาถึงแล้ว

มันเหลียวมองไปทางปากคูหาพะว้าพะวัง มีเสียงคำรามกึกก้อง พร้อมกับเงาของร่างใหญ่หลายร่างกรูผ่านเข้ามาเป็นพรวน

นายจอนเหลียวมามองลูกรักของแกอีกที ด้วยความอาลัยดังกับว่าจะไม่ได้พบกันอีกแล้วในชาตินี้… เป็นความสังหรณ์ใจอันตัดไม่ขาดเสียได้

“ฟู่ฟ่า ไปเสียพร้อมๆ กับพ่อ…มะ”

แต่มันกลับผลักไสการเกาะกุม โดยถอยหลังออกห่างแล้วยกก้ามขึ้นโบกลา พร้อมกับเปล่งเสียงออกมาว่า “ฟู่ฟ่า-อึ้บ-อึ้บ หวัด-ดี-ลุงจอน” แล้วมันก็หันหลังให้ วิ่งสวนทางไปทางปากคูหาเพื่อสู้กับพรรคพวกของตัวเอง ช่วยกลุ่มลุงจอนให้ผ่านลำธารไปจนหมด

ก่อนที่ปากปล่องถ้ำจะถล่มลงมา และคณะนักสำรวจจากเมืองกรุงก็รอดพ้นภยันตรายมาได้อย่างหวุดหวิด

ประพนธ์เล่าว่า เขาตกลงไปในปล่องนี้และไหลตามลำธารจนไปถึงที่อยู่มนุษย์ประหลาด โดยพบกับเจ้าฟู่ฟ่าก่อน แม้จะไม่อาจพูดภาษาเดียวกัน แต่มันก็ช่วยเหลือไม่ให้สมาชิกในกลุ่มทำร้ายเขา แต่พวกมันก็จับเขาไปขังไว้ไม่ให้หนีออกไปไหน มีเพียงเจ้าฟู่ฟ่าที่ประพนธ์พยายามติดต่อฟู่ฟ่า เพื่อให้มันช่วยเหลือ ส่งข่าวไปยังทุกคนได้สำเร็จ

และทุกคนก็กลับมาถึงพระนครได้อย่างปลอดภัย เห็นจะมีเพียงแต่ลุงจอนเท่านั้น ที่บัดนี้ แกรู้สึกถึงความเศร้า เมื่อหวนนึกถึงครั้งหนึ่ง มีเจ้าฟู่ฟ่าคอยอยู่ข้างกายตลอดเวลา มันคือความผูกพันระหว่างชายสูงวัยที่มีต่อมนุษย์ประหลาดตนนั้น อย่างที่ไม่มีผู้ใดจะเข้าใจดีกว่าตัวแกเองเลย และคล้ายว่าจะได้ยินเสียงเจ้าฟู่ฟ่ามากระซิบส่งถึงแกอยู่เสมอว่า

หวัด ดี ลุงจอน!

นวนิยายเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ผมอ่านด้วยความประทับใจ หวนนึกถึงภาพยนตร์ อีทีเพื่อนรัก แม้จะเป็นเวอร์ชันชายชรากับมนุษย์ประหลาดก็ตาม แต่ก็สร้างความผูกพันระหว่างกันด้วยความรักและมิตรภาพ รวมถึงสำนวนการเขียน ที่มีทั้งอารมณ์ขันและความตื่นเต้นตลอดเรื่องราวที่เกิดขึ้น

เป็นนิยายหายากอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะให้นำมาพิมพ์ใหม่ เพื่อเพื่อนนักอ่านจะได้เสพผลงานของนักเขียนท่านนี้ ได้อย่างอิ่มเอมและประทับใจครับ

สันต์ เทวรักษ์!

เรื่อง : สวัสดีลุงจอน

ผู้เขียน : สันต์ เทวรักษ์

สำนักพิมพ์ : คลังวิทยา

ปีที่พิมพ์ : 2502

สองเล่มจบ

ปัจฉิมลิขิต : สำหรับ คำสื่อสารที่ประพนธ์เขียนมานั้น

ร… วา . เขางาช.งกบ . ขาช้างเผอก

.าเภ. ทอง… มิ ….ดกา… บุร

เนถามเหวลกลงเบ

 …พนธ ธนพ…

ความหมายนั้นก็คือ…

ระหว่างเขางาช่องกับเขาช้างเผือก

อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี

ในถ้ำมีเหวลึกลงไป

ประพนธ์ ธนพิทักษ์

Don`t copy text!