ทางสุดท้าย

ทางสุดท้าย

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้นครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

 

ศศิพงศ์ ประไพ เป็นอีกนามปากกาหนึ่ง ของ เพ็ญแข วงศ์สง่า ซึ่งน่าจะตั้งขึ้นโดยคงความหมายเดิมของ ชื่อ สกุลของท่าน ศศิ (เพ็ญแข) พงศ์ (วงศ์) ประไพ (สง่า) ผลงานในนามปากกานี้ หลายคนน่าจะรู้จักกันดีที่สุด ก็คือ เรื่อง ‘ทิวาหวาม’ ที่เคยนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517 และสร้างเป็นละครโทรทัศน์ในเวลาต่อมา

นอกจากเรื่องนี้ เท่าที่ผมเห็นก็มีเรื่อง มนไศล และ ทางสุดท้าย อีกสองเรื่อง ซึ่งไม่แน่ใจว่าในนามปากกาดังกล่าวนี้ ท่านยังมีผลงานเรื่องอื่นๆ ปรากฏอีกหรือไม่

ทางสุดท้าย จัดเป็นนวนิยายชีวิตเข้มข้นในสไตล์เดียวกับ สนิมสังคม ธารชมพู ของผู้เขียนคนเดียวกัน จากคำนำของเรื่องนี้ ชีวิตของนิทรา ตัวละครเอก น่าจะมีตัวตนอยู่จริง และนำมาปรับเขียนใหม่ในรูปแบบนวนิยาย แต่กระนั้นเมื่อได้อ่านจนจบลง ผมกลับรู้สึกว่าอยากให้ชีวิตของ ตัวเอกในเรื่อง เป็นเพียงแค่ตัวละครหนึ่งในนวนิยายเท่านั้น!

นิทรา หรือนิด เกิดมาในจังหวัดหนึ่งภาคตะวันออก เท่าที่จำความได้ มีพ่อ และแม่ที่มีชื่อว่ายุพดี ที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่ยังเล็ก ตราบจนกระทั่งเมื่อรู้ความ และฟังคำพูดนินทาของบรรดาเพื่อนบ้านรอบข้าง ทำให้เด็กหญิงอย่างเธอรู้ว่ายุพดีเป็นน้องสาวของนุชนารถ แม่แท้ๆ ของตัวเองที่เสียชีวิตไปแล้ว

ความรู้สึกต่อต้านรุนแรงมากขึ้นตามวันวัย ทำให้มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันประจำ แม้ว่ายุพดีจะรักเธอไม่ต่างกับลูก แต่ด้วยอคติที่เกิดขึ้นได้บดบังตาของนิทราเสียหมดสิ้น เธอเข้าใจว่า ยุพดีเป็นฝ่ายแย่งสามีมาจากแม่เธอ จนทำให้ท่านตรอมใจตาย ด้วยเหตุนี้เองจึงพยายามรบเร้าพ่อให้ส่งตัวไปเรียนยังโรงเรียนประจำที่กรุงเทพฯ เพื่อหนีหน้าจากทุกคน และพ่อผู้รักและตามใจเธอเสมอก็ต้องยอมทำตามความต้องการโดยไม่กล้าขัดใจ

 

นิทรามีเพื่อนรักชื่อพิมพา ซึ่งคอยให้กำลังใจเธออยู่ตลอด แต่พิมพาก็ไม่มีโอกาสได้ไปเรียนกรุงเทพฯ อย่างนิทรา ได้แต่คอยรับฟังปัญหาต่างๆ ของนิทราด้วยความรักและสงสาร

เมื่อมาอยู่ที่โรงเรียนประจำแห่งนี้ มันคือการเปิดโลกใบใหม่ที่เป็นอิสระแห่งวัยแรกรุ่น นิทรา เป็นเด็กสาวที่เมื่อเริ่มเติบโตก็มีหน้าตาสะสวยและยังรำไทยได้เก่งจนเป็นที่กล่าวขวัญถึง เธอมีเพื่อนสนิทคือดาลัด ที่ย้ายมาจากต่างจังหวัดเช่นเดียวกัน ดาลัดเป็นคนพูดตรง ขวานผ่าซาก และมีปัญหาครอบครัว เพราะบิดาเป็นคนเจ้าชู้ มีเมียหลายคน โดยที่แม่ของดาลัดเองก็เป็นเมียน้อยเช่นกัน ส่วนเพื่อนสาวอีกคนหนึ่งที่มีความสวยน่ารักไม่แพ้นิทราก็คือวิวรรณ ซึ่งเป็นเด็กสาวหัวดี เรียนเก่ง แต่วิวรรณก็มีปัญหาทางบ้าน หล่อนเป็นลูกสาวของคุณหญิงที่มีฐานะดี เป็นนักสงคมสงเคราะห์เด็กยากจน แต่ไม่เคยให้ความรักความอบอุ่นแก่ลูกเลย

และแล้วโชคชะตา ก็ได้นำพาผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาในวงจรชีวิตหญิงสาวทั้งสามคน จนทำให้ทุกอย่างแปรเปลี่ยนไปตลอดกาล เมื่อดาลัดได้แนะนำให้เพื่อนๆ รู้จักกับ ‘พี่ชาญ’ พี่ชายต่างมารดาของเธอ ชาญเป็นลูกภรรยาหลวงจึงมีศักดิ์เป็นพี่ชายเธอ เขาเป็นหนุ่มน้อยที่กำลังเรียนรัฐศาสตร์ และมีบุคลิกโก้หรู และเสน่ห์แห่งความเป็นบุรุษเพศเต็มตัว สร้างความประทับใจให้เกิดกับนิทราตั้งแต่แรกเห็น แต่เขากลับหันไปสนใจวิววรณ หญิงสาวผู้เรียบร้อยอ่อนหวานแทน แรงขับดันบางอย่างภายในตัวทำให้นิทราต้องการเอาชนะเพื่อนสาวให้ได้

เมื่อมีโอกาสไปเที่ยวด้วยกันเป็นกลุ่ม ชาญและวิวรรณแอบแยกตัวออกไปพร่ำพลอดรักกันด้วยไฟสวาทและอารมณ์รุ่มร้อนแห่งวัยหนุ่มสาว แต่นิทราซึ่งแอบดูอยู่ก็พยายามหาเหตุเข้ามาขัดขวาง จนกระทั่งหล่อนพลาดท่าเสียเอง ตกเป็นของพี่ชาญไปด้วยความสมยอม

นิทราติดใจในรสสวาทที่เพิ่งได้เรียนรู้ประสบการณ์เป็นครั้งแรก ในขณะที่ชาญก็ตกกระไดพลอยโจน ทำให้เขาได้ปลดเปลื้องความใคร่ของตัวเองกับเด็กสาวที่สวยไปทั้งตัวอย่างนิทรา จนห่างจากวิวรรณไป ทำให้นิทราหลงคิดว่าเธอเป็นผู้ชนะในความรักครั้งนี้แล้ว

ในเวลาเดียวกับที่วิวรรณต้องไปเรียนต่อเมืองนอก ขณะที่นิทราก็มาเรียนต่อด้านครู และจบมาทำงานเป็นครูยังโรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง

ความสัมพันธ์ของนิทรากับชาญอยู่ในสายตาของดาลัดมาตลอด หล่อนรู้นิสัยพี่ชายตัวเองดี และพยายามห้ามปรามเพื่อน แต่ไม่เป็นผล จนต่อมานิทราก็ตั้งครรภ์!

แม้จะไม่พร้อมกับชีวิตคู่ แต่ชาญก็จำต้องแต่งงานกับเธอ ชีวิตแต่งงานที่ลุ่มๆ ดอนๆ เมื่อหล่อนต้องเป็นฝ่ายดูแลตัวเองและลูก โดยที่เทพบุตรหนุ่มในฝันไม่เคยสนใจไยดีแต่อย่างใด กลับมาจากทำงานเขาจะอ้างว่าเหน็ดเหนื่อย ไม่มีเวลาให้กับเธอ หญิงสาวได้แต่เฝ้าอดทนอดกลั้นด้วยความรัก ต่อมานิทราก็คลอดลูกสาวออกมาชื่อว่าจุ๊บแจง ไม่นานหลังจากนั้น หล่อนก็เริ่มตั้งครรภ์อีกครั้ง พร้อมกับข่าวที่ไม่คาดฝัน เมื่อชาญได้รับทุนไปเรียนต่อที่เมืองนอก

นิทราต้องกัดฟันใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพัง โดยมีกำลังใจจากดาลัดและพิมพา ที่บัดนี้มาเรียนต่อมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ นิทรายังต้องส่งเงินช่วยเหลือชาญ เวลาที่เขาเขียนจดหมายมาอ้อนวอนขอร้องเธอ แต่ดาลัดกลับไปสืบรู้ข่าวมาว่า ที่เมืองนอกนั้นเอง ชาญได้พบกับวิวรรณ อดีตคนรักเก่าอีกครั้ง ทั้งคู่ก็เลือกที่จะใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข โดยไม่สนใจว่านิทรากำลังตั้งครรภ์ลูกของเขาอยู่จะล่วงรู้หรือไม่

เมื่อดาลัดตัดสินใจบอกความจริงให้นิทราทราบ หญิงสาวก็หัวใจแตกสลาย ความแค้น ความเครียด ทำให้ตัดสินใจกินยาขับเลือด หากเพื่อนก็ช่วยไว้ได้ทัน และเด็กที่คลอดออกมาในเวลาต่อมาก็เป็นเด็กเพศชาย แต่พิการมีแขนเพียงข้างเดียว!

เรื่อง : ทางสุดท้าย

ผู้เขียน : ศศิพงศ์ ประไพ

สำนักพิมพ์ : โชคชัยเทเวศร์

ปีที่พิมพ์ : 2523

สองเล่มจบ

ในเวลานั้นเอง ความเหงาความอ้างว้างและเหมือนถูกทอดทิ้ง ไม่ต่างกับชีวิตในวัยเยาว์ ทำให้เธอไขว่คว้าหาความรัก เมื่อชาญกลับเป็นฝ่ายทอดทิ้งเธอไป ทำให้นิทราได้พบกับอาธนู อาของชาญที่เป็นหัวหน้างานของเขา และคอยเข้ามาดูแลเอาใจใส่ด้วยความเมตตาสงสาร ก่อนที่จะกลายเป็นความสัมพันธ์อันลึกซึ้ง ทั้งที่อาธนูเองก็มีพยอมเป็นภรรยาอยู่แล้วทั้งคน

ชาญกลับมาพร้อมกับความสำเร็จ แต่เมื่อได้พบกับนิทราและลูกที่ห่างเหินจนจดจำเขาไม่ได้ ยิ่งทำให้เขาผละไปหาวิวรรณที่มีลูกชายตัวเล็กๆ น่ารักและคอยเอาอกเอาใจเขาอย่างรู้ใจกันมากกว่า เขาพาลหาเรื่องทะเลาะกับเธอเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับอาธนู จนธนูต้องเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย และสัญญาว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับนิทราอีกต่อไป ถ้าหากเขารับปากจะดูแลนิทราให้ดีกว่าเดิม

แม้ว่าต่อมา ชาญจะเจริญก้าวหน้าในการงานจนเป็นถึงนายอำเภอ แต่นิสัยมักมากในกาม ก็ไม่เคยเปลี่ยน เขามีความสัมพันธ์กับเด็กสาว ลูกคนรู้จักในเมือง จนนิทราต้องหาเงินมาปิดความอื้อฉาวนั้น และที่ร้ายแรงที่สุดสำหรับเธอก็คือ เขามีความสัมพันธ์กับพิมพา เพื่อนรักของเธอเสียเอง!

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพิมพา เป็นเหตุบังเอิญ ที่ทำให้หล่อนเผลอตัวและเผลอใจ ไปกับชายหนุ่มรูปงามอย่างชาญ แต่แล้วหล่อนก็มีสติพอที่จะหักห้ามใจ แล้วก้าวเดินออกมาจากครอบครัวของนิทรา หากเมื่อกลับไปถึงบ้านเกิดของตัวเอง พิมพาก็พบว่าตัวเองตั้งครรภ์

พิมพาตัดสินใจจะฆ่าตัวตายทั้งตัวเองและเด็กในท้อง แต่โชคดีที่ได้พบกับหมอการุณย์ แพทย์หนุ่มที่ช่วยเหลือเธอเอาไว้ แม้ว่าจะสูญเสียเด็กในท้องไป และท้ายที่สุดแล้วพิมพาก็ได้พบกับคนที่ให้โอกาสในชีวิตของเธออีกครั้งหนึ่ง หญิงสาวมุ่งมั่นเรียนจนจบ และกลับมาทำงานรับใช้บ้านเกิดของตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจแต่งงานกับหมอการุณย์ในเวลาต่อมา

แต่สำหรับนิทรานั้น ชีวิตของเธอเหมือนอยู่ในกองเพลิงตลอดเวลา ทั้งด้วยความแค้น และไฟแห่งความเกลียดชังที่คอยเผาผลาญใจจนไม่เคยมีความสุข รวมทั้งความต้องการทางร่างกายที่ไม่ได้รับการปลดปล่อยจากผู้เป็นสามี

“เขาบอกว่าฉันเป็นโรคขาดคนเอาใจ ขาดความใส่ใจจากสามี”

นิทราน้ำตาซึม หล่อนบอกเขาว่า

“พี่ชาญรู้ไหม นิด… ต้องช่วยตัวเองทุกวัน เพราะ… พี่ชาญไม่เคยนอนกับนิดเป็นปีมาแล้ว”

“นิด!”

“ค่ะ… นิดเหงา… นิดต้องการ”

“เอาเถิด พี่จะพยายาม”

แต่จนแล้วจนรอด ความพยายามของชาญก็ไม่เคยสำเร็จ…

และปัญหาที่โถมทับเข้ามา ทั้งความสัมพันธ์และความไม่เข้าใจกันในครอบครัว ก็ยิ่งทำให้สุขภาพร่างกายทรุดโทรมลงไปเรื่อยๆ แตกต่างจากวิวรรณ ที่นับวันยิ่งสวยสดงดงาม ทำให้ชาญ หันไปสนใจหล่อน ปล่อยให้นิทราจมอยู่กับความทุกข์ และปัญหาลูกทั้งสองคน

จุ๊บแจงเริ่มเติบโตเป็นเด็กสาวที่ขาดความอบอุ่นในครอบครัว เมื่อแม่ก็เอาแต่ตามหึงหวงพ่อ และเมียน้อยที่เคยเป็นเพื่อนรักของแม่มาก่อน ส่วนน้องชาย หรือแจ็ค ก็เป็นเด็กพิการที่ถูกกลั่นแกล้งรังแก เด็กสาวมีโอกาสรู้จักกับวริศ หนุ่มวัยรุ่นน้องชายครูวารุณีที่มาเช่าบ้านอยู่ใกล้กัน จนเกิดได้เสียกันขึ้น วริศพาจุ๊บแจงหนีไปเพราะกลัวความผิด เลยยิ่งทำให้นิทราทุกข์มากขึ้น เธอและครูวารุณีพยายามตามหา จนพบในภายหลังว่าวริศนำจุ๊บแจงไปฝากไว้กับเพื่อนคนหนึ่งส่วนตัวเองก็ไม่ได้กลับมาดูแลแต่อย่างใด และบัดนี้จุ๊บแจงก็กำลังตั้งครรภ์กับวริศ

นิทราตัดสินใจตามตัวคนทั้งคู่กลับมาบ้านเพื่อให้มาจดทะเบียนสมรสกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แม้ว่าพ่อแม่ของวริศเองจะไม่เห็นด้วย เพราะคิดว่าจุ๊บแจงเป็นเด็กใจแตกที่ต้องการจะมาจับลูกชายตัวเอง

แต่แล้ววริศก็สารภาพว่าเขาทำทุกอย่างไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ เขาไม่ได้รักจุ๊บแจงเลย เพราะมีคนรักอยู่แล้ว ผู้หญิงคนนั้นเป็นเพื่อนเรียนร่วมมหาวิทยาลัยเดียวกัน ความจริงนี้เองทำให้เด็กสาวรับไม่ได้ จุ๊บแจงคว้าปืนมายิงวริศจนเสียชีวิต และตัวเองก็ถูกดำเนินคดีจนติดคุก…

ความทุกข์ที่ถาโถมเข้ามาพร้อมกันนั่นกระมัง ทำให้นิทราไม่อาจยอมรับได้ หญิงสาวกลายเป็นคนเก็บตัว เครียด และท้ายที่สุดก็จมดิ่งลงสู่ความอนธการของจิต โดยไม่ยอมรับรู้สิ่งใดๆได้อีกต่อไป หล่อนถูกพาตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวชคลองสาน

ชาญเริ่มมองเห็นสภาพของตัวเขาเองที่เป็นส่วนหนึ่งของการเกิดเรื่องราวนี้ขึ้น เขาได้รับทราบจากจิตแพทย์ที่รักษาเธอ ในขณะที่วิวรรณเองก็ตัดสินใจไปเยี่ยมอดีตเพื่อนของเธอเอง ที่นั่น และภาพของนิทราก็ทำให้เธอตัดสินใจบางอย่าง

ชาญไปราชการต่างจังหวัดนับเดือน เมื่อเขากลับมาอีกครั้งก็พบว่าวิวรรณตัดใจไปจากเขาแล้ว เพื่อยุติเรื่องราวทั้งหมด เขากลับมาหานิทราและตั้งใจพาเธอกลับมาดูแลที่บ้าน เมื่ออาการของเธอเริ่มดีขึ้น แต่แล้วนิทราก็ตัดสินใจ อันเป็นหนทางสุดท้ายในชีวิต!

มีชีพก็มีห่วง

ประดุจห่วงกุญแจมือ

สิ้นชีพก็สิ้นถือ

ทิฐิสิ้นสุบินหวง

(พิมพ์จากต้นฉบับในนวนิยาย)

และในบันทึกสุดท้าย ของเรื่องนี้ ศศิพงศ์ ประไพ ได้เขียนไว้ว่า…

ขอขอบคุณญาติและมิตรของผู้วายชนม์ ซึ่งอนุญาตให้นำบันทึกนั้นมาเขียนตามความปรารถนาของเจ้าของ และหากมีข้อดีอยู่ในนวนิยายเรื่องนี้ ผู้เขียนขอน้อมอุทิศแด่ “นิทรา”

ทางสุดท้าย เป็นนวนิยายชีวิตสะเทือนอารมณ์เรื่องหนึ่งเลยทีเดียว ที่เมื่ออ่านไปก็พยายามเอาใจช่วยไปกับชะตาชีวิตของนิทรา ที่ผู้เขียนได้นำพาผู้อ่านได้รู้จักและติดตามไปกับเรื่องราวเธอตั้งแต่บทต้น ตราบจนถึงบทอวสานในที่สุด

Don`t copy text!