ลาก่อนคุณครู

ลาก่อนคุณครู

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้นครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

 

ผมรู้จักชื่อของ สุดา นครานุรักษ์ จากสารคดี บันทึกจากลอนดอน ที่ท่านเขียนขึ้นจากประสบการณ์ชีวิตในการไปศึกษาที่ประเทศอังกฤษ จนเมื่อมีโอกาสได้อ่านหนังสือ ประวัตินักเขียนไทย โดย คุณ ป.วัชราภรณ์ จึงทราบว่า ท่านมีผลงานนิยายอยู่เช่นกันคือ หมอกชีวิตและม่านเมฆ ซึ่งวางตลาดในช่วงปี พ.ศ. 2502 และนิยายเรื่องเอกที่ คุณ ป.วัชราภรณ์ เอ่ยถึงก็คือ ลาก่อนคุณครู เล่มนี้นั่นเอง

คุณสุดา นครนุรักษ์ (สุดา ทศานนท์) เรียนจบในสาขาวิชาครูอนุบาลจากมอนเตสซอรี่เซนเตอร์ ประเทศอังกฤษ เมื่อเดินทางกลับมาเมืองไทย ได้นำประสบการณ์การเรียนนี้มาใช้ทั้งในการเขียนสารคดี นวนิยาย รวมถึงการจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลสุดารักษ์ขึ้นที่ซอยอุรุพงษ์ ข้อมูลนี้ทำให้ทราบว่า ปัจจุบันโรงเรียนสุดารักษ์แม้จะย้ายที่ทำการมาอยู่บางเขนแล้วก็ตาม แต่ก็เป็นโรงเรียนที่เจริญก้าวหน้า มีชื่อเสียง สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยท่านผู้ก่อตั้งก็คือผู้เขียนนวนิยายเรื่องนี้นั่นเอง สำหรับภาพประกอบนั้น ผมนำมาจากเว็บไซต์ของโรงเรียนอนุบาลสุดารักษ์ ซึ่งต้องขอขอบพระคุณ มา ณ ที่นี้ด้วยครับ

ลาก่อนคุณครู เป็นการนำประสบการณ์ชีวิตนักเรียน โดยสมมติเป็นโรงเรียนการเรือนสตรี แสงสุรีย์ โดยมี แสงสุรีย์ คุณาการ ทายาทสาวสวยของ คุณพระนารถ คุณาการ เป็นครูใหญ่ของโรงเรียนแห่งนี้ แสงสุรีย์ได้รับครูดวงมาลย์ ที่เป็นน้องสาวของมารดา มาเป็นครูประจำช่วยดูแลบรรดาเด็กสาวที่เข้ามาอาศัยและเรียนในโรงเรียนการเรือนนี้ ด้วยกัน

ครูสุดา ทศานนท์

เรื่องราวเริ่มต้นโดยย้อนเล่าเหตุการณ์ในวัยดรุณของแสงสุรีย์ ที่บิดาเป็นข้าหลวงจังหวัดเชียงราย และเธอมีโอกาสได้รู้จักเด็กน้อยคนหนึ่งที่มีไฝข้างแก้ม จนเกิดความรักและเอ็นดู แม้จะจดจำชื่อเสียงเรียงนามไม่ได้ จนกระทั่งย้ายตามบิดาไปยังจังหวัดอื่น ต่อมาเมื่อแสงสุรีย์เรียนจบจากอังกฤษและมาเปิดโรงเรียนแสงสุรีย์ขึ้น เธอจึงมีโอกาสพบเด็กสาวคนหนึ่ง ละม้ายคล้ายคลึงกับเด็กคนนั้น โดยเฉพาะไฝข้างแก้มอันเป็นจุดที่ทำให้เธอจำได้ ด้วยความเอ็นดู แสงสุรีย์จึงชวนเด็กสาวที่เพิ่งเรียนจบให้มาเรียนต่อที่โรงเรียนของตัวเธอเอง เพราะรู้จากปากว่าเด็กสาวผู้นี้ยากจน เป็นคนรับใช้ในคุ้มทองกวาว ของเจ้าทิพย์เกษร ณ เชียงราย

ดาลัด ณ เชียงราย เป็นหลานสาวเจ้าทิพย์เกษร เธอจำแสงสุรีย์ได้ และรู้สึกถูกชะตากับหญิงสาวรุ่นพี่ผู้นี้ เธออยากมาอยู่พระนคร และเรียนต่อ จึงไม่ปฏิเสธคำชวนนั้น แต่จำต้องหลอกว่า เป็นเพียงคนใช้ในคุ้ม เพราะอยากรู้ว่าคนอื่นจะมีปฏิกิริยาเช่นไรกับตนเอง

โรงเรียนอนุบาลสุดารักษ์

หลังจากมาอยู่ที่โรงเรียนการเรือนบางเขนของแสงสุรีย์ ซึ่งเป็นโรงเรียนกินนอนนั้น ดาลัด ได้พบกับเพื่อนใหม่ๆ หลายคน ทั้ง ม.ร.ว. นลินี พเยีย หัวหน้าชั้นเรียน ปิยวดี ที่เป็นเพื่อนรักเพื่อนสนิทของดาลัดในเวลาต่อมา รวมถึงผาสุข กับพัชรา สองพี่น้องที่มีท่าทีดูถูก เมื่อหลงคิดว่าเธอเป็นแค่คนใช้ในคุ้มทองกวาว แต่ ณ สถานที่แห่งนี้ ดาลัดมีโอกาสได้รับความเมตตาปรานีจากครูดวงมาลย์ ที่ให้ความยุติธรรม และเป็นกำลังใจให้เด็กสาว ได้ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ในชีวิต

ครูดวงมาลย์ ทินกร หรือคุณกลางนั้น มีศักดิ์เป็นน้าสาวของแสงสุรีย์ เพราะพี่สาวของเธอคือคุณใหญ่ เป็นมารดาของแสงสุรีย์นั่นเอง และยังมีน้องชายอีกคนหนึ่งคือคุณเล็ก หรือ มนตรี ทินกร

ในอดีตดวงมาลย์เคยรักกับ ลลิต วิษณุเวท เพื่อนชายตั้งแต่เรียนมัธยมมาด้วยกัน แต่ด้วยความไม่เห็นชอบของบิดามารดา จึงจับทั้งคู่ให้แยกกัน โดยท่านได้ส่งดวงมาลย์ไปเรียนต่างประเทศ และขอให้ลลิตที่ยากจนเลิกติดต่อคบหากับดวงมาลย์ ทำให้ทั้งคู่ต่างเข้าใจผิด แม้ว่าจะรักกันสักเพียงใดก็ตาม

ลลิตเองภายหลังก็แต่งงานกับจิตสรา ซึ่งมาเป็นครูที่โรงเรียนแสงสุรีย์เช่นกัน ทำให้ลลิตมีโอกาสได้พบกับดวงมาลย์ และความรู้สึกดีๆ ก็เริ่มต้นอีกครั้ง หากคราวนี้อุปสรรคสำคัญคือมโนธรรมของคนทั้งสอง

สุดา นครานุรักษ์

ชีวิตในรั้วโรงเรียนแห่งนี้ทำให้ดาลัดมีความสุข แวดล้อมไปด้วยเพื่อนฝูงแม้จะมีทั้งคนที่ไม่ชอบหน้า และคอยหาเรื่องกลั่นแกล้งตลอดอย่างสองพี่น้องผาสุขกับพัชราก็ตาม ทั้งคู่สืบรู้ภายหลังว่าแท้จริงดาลัดไม่ใช่เด็กคนใช้ในคุ้มแต่เป็นทายาทของคุ้มทองกวาว จงนำเรื่องไปฟ้องแสงสุรีย์ แต่ ดวงมาลย์ก็ช่วยอธิบายให้ทุกคนเข้าใจ

แต่แล้วก็มีการปรากฏตัวของเด็กสาวชื่อไพรศรี ที่อ้างตัวว่าเธอนั่นเองคือเด็กหญิงที่แสงสุรีย์พบเมื่อหลายปีก่อน แม้จะไม่มีไฝที่แก้มเหมือนดาลัดก็ตาม ไพรศรีเป็นเด็กยากจน และทะเยอทะยาน แต่หัวไม่ดี จึงไม่สามารถเข้ามาเรียนที่โรงเรียนแสงสุรีย์ได้ ด้วยความสงสาร ต้องการอุปการะช่วยเหลือ แม้จะไม่รู้ว่าไพรศรีเป็นเด็กคนนั้นจริงๆ หรือไม่ก็ตาม ทำให้แสงสุรีย์รับเลี้ยงไพรศรีอีกคนหนึ่ง โดยให้มาช่วยงานและอาศัยอยู่ดูแล ‘คุณใหญ่’ มารดาของเธอที่ป่วยเป็นวัณโรคอยู่ที่บ้าน ไพรศรีจำเป็นต้องทำ ทั้งที่รังเกียจคนป่วย แต่ก็ไม่มีทางเลือก หล่อนเกลียดดาลัด เพราะคิดว่าอีกฝ่ายเป็นตัวการทำให้ต้องสูญเสียโอกาสทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตไปหมด และที่สำคัญ ดูเหมือนว่า คุณเล็ก มนตรี น้องชายครูดวงมาลย์ บุรุษที่หล่อนแอบพึงใจอยู่ จะมีท่าทีชอบพอดาลัดอย่างเห็นได้ชัด

ครูดวงมาลย์ก็มาช่วยอธิบาย ทำความเข้าใจแก่ไพรศรี เพื่อขัดเกลาจิตใจหยาบกระด้างของเด็กสาวที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างลำบากให้เข้าใจมากขึ้น

เมื่อถึงวันปิดเทอม ครูดวงมาลย์รู้ว่าดาลัดยังอ่อนภาษาอังกฤษ จึงชวนให้เธอมาอยู่ที่บ้านด้วยกัน เพื่อช่วยทบทวนความรู้ให้เด็กสาว และดาลัดเองก็อาสามาช่วยดูแลคุณใหญ่มารดาของแสงสุรีย์ ที่เธอเคารพด้วย ที่นั่นเอง ดาลัดจึงได้พบกับไพรศรีอีกครั้ง ทั้งสองเด็กสาวพยายามปรับตัวให้เข้าใจกันได้ดีขึ้นกว่าเดิม

ดวงมาลย์เองเมื่อได้พบกับลลิตอีกครั้ง ก็พยายามหักใจ และด้วยความทุกข์ตรอมใจ ทำให้สุขภาพของเธอแย่ลง กลายเป็นปอดติดเชื้อจนต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ลลิตมาเยี่ยม เธอจึงขอให้เขาตัดใจจากเธอเช่นเดียวกัน แม้ว่าจะเจ็บปวดสักเพียงใด หลังจากนั้นไม่นาน ครูจิตรสรา ภรรยาของลลิต ก็เข้ามาเยี่ยมเธอเช่นกัน แต่ดวงมาลย์ไม่รู้ว่าจิตรสราคือภรรยาของลลิต นอกจากทราบแต่ว่าเธอเป็นครูที่โรงเรียนแสงสุรีย์ จิตสราเข้าใจความรู้สึกของครูดวงมาลย์ และคิดว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายหลีกทางให้ แต่ช้าเกินไป

นอกจากเจ็บป่วยด้วยโรคปอดแล้ว หมอพบว่าดวงมาลย์เป็นโรคหัวใจด้วย เมื่ออาการกำเริบขึ้น เธอจึงเสียชีวิตลง ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของทุกคน รวมถึงดาลัดที่นับถือเธออย่างมาก ความเข้าใจผิดเพราะคิดว่าครูดวงมาลย์เสียชีวิต เพราะครูจิตรสราไปเยี่ยม ทำให้ดาลัดเกิดอคติกับครู จนกระทั่งภายหลัง มีโอกาสได้ทำความเข้าใจกัน และทำให้เธอซาบซึ้งในน้ำใจของครูสาวผู้นี้มากขึ้นไปอีก

วันเปิดเทอมเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งหนึ่งแล้ว เธอได้กลับมาเจอกับเพื่อนๆ และเด็กสาวก็มีโอกาสได้รู้จักกับ จิตพูม พูมพิทักษ์ ชายหนุ่มรุ่นพี่หน้าตาดี ที่ทำให้เกิดความรู้สึกอบอุ่น อ่อนไหว ขึ้นมา แต่แล้วดาลัดก็แทบจะต้องผิดใจกับเพื่อนรักปิยวดี เมื่อรู้ว่าแท้จริงแล้วจิตพูมรักเธออย่างน้องสาว เขาเองมีใจให้กับปิยวดี เพื่อนรักของเธอแทน!

“ความรักเป็นอีกอย่างหนึ่งที่แตกต่างจากสิ่งอื่นๆ ดาลัด มันจะเป็นอะไรก็ได้ที่มีอานุภาพที่สุดในหัวใจมนุษย์ มันอาจจะทำให้เราปฏิบัติอะไรได้แปลกๆ มันอาจทำลายชีวิต ชุบชีวิต ให้กำลังใจหรือบั่นทอน สวรรค์หรือนรก เราจะไม่มีวันเรียนและเข้าใจอย่างถ่องแท้ ก่อนจะประสบด้วยตนเอง ดังนั้น ไม่มีความแพ้ก็ชนะ ต้องเกิดขึ้นกับเราวันหนึ่งอย่างแน่นอน แต่ครูไม่อยากให้ดาลัดถือการพลาดหวังเป็นการแพ้เลย อยากให้ถือเป็นการเริ่มต้นของชัยชนะมากกว่า”

เด็กสาวได้เรียนรู้ความหมายของคำว่ามิตรภาพ ของเพื่อน และความหมายของความรัก จากครูจิตสรา และทำให้เธอเปิดใจ เห็นถึงความรักของใครอีกคนหนึ่ง ที่อยู่ใกล้ๆ กับตัวเองมาโดยตลอด เขาคนนั้นเฝ้ามองเธอเงียบๆ ด้วยความรักและห่วงใย

คุณเล็ก มนตรี ทินกร!

และในระหว่างนั้นเอง ความจริงบางอย่างก็เปิดเผยขึ้น เมื่อเจ้าป้า ทิพย์เกษร ณ เชียงราย เดินทางมาเยี่ยมเธอ และพบกับจิตพูมิ และเด็กสาวไพรศรี

ในอดีต เจ้าป้าของเธอมีน้องสาวคือเจ้าสิริประภา แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์สำคัญ เมื่อเจ้าจากเมืองญวนพระองค์หนึ่งเสด็จมาที่คุ้มทองกวาว แล้วเกิดประทับใจเจ้าสิริประภา ก็เลยชักชวนกันหนีกลับไปยังเมืองญวณ ทั้งที่ทรงมีชายาและโอรสอยู่แล้ว ทำให้คุ้มทองกวาวตกเป็นสมบัติของ เจ้าทิพย์เกษร ต่อมาทราบว่าเจ้าสิริประภามีธิดาแฝดสององค์ ตั้งชื่อตามเมืองญวณที่ทรงถือกำเนิด นั่นก็คือดาลัดกับลัดดา แต่เป็นคราวเคราะห์ที่เจ้าสิริประภาถูกคนใช้ในวังขโมยเครื่องเพชร และธิดาองค์โตคือลัดดาไปด้วย

ทั้งหมดหายสาบสูญโดยไม่ได้ข่าวคราวใดๆ อีกเลย และเจ้าสิริประภาก็เลยมอบธิดาองค์เล็กให้เจ้าทิพย์เกษร ช่วยนำมาเลี้ยงที่เมืองไทย ส่วนพี่ฝาแฝดคนโตนั้น เจ้าทิพย์เกษร เคยจ้างคนไปสืบและพบว่า หนีมาอาศัยอยู่เชียงราย แต่แล้วก็หายตัวไปอีก เธอเลยพอจดจำเค้าหน้าเด็กน้อยคนนั้นได้ และมั่นใจว่าเด็กคนนั้นก็คือไพรศรี นั่นเอง

ไพรศรี คือพี่สาวแท้ๆ ร่วมสายโลหิตกับดาลัด!

และจิตพูมก็คือพี่ชายต่างมารดา ที่อพยพมาจากเมืองญวน เข้ามาทำงานที่เมืองไทย เขามีศักดิ์เป็นพี่ชายของดาลัดและไพรศรีเช่นกัน

ก่อนจะจบภาคการศึกษาในปีสุดท้าย เพื่อนๆ ทุกคนในโรงเรียนแสงสุรีย์ ร่วมกันทำละครเวทีเรื่อง ‘ลาก่อนคุณครู’ ขึ้น เพื่อแสดงกตเวทิตา ทุกคนตั้งใจฝึกซ้อมกันอย่างเต็มที่ โดยที่ปิยธิดา รับบทครูแสงสุรีย์ ขนิษฐารับบทครูดวงมาลย์ผู้ล่วงลับ และเธอเองดาลัดรับบท เจ้าดาลัด ณ เชียงราย เป็นตัวของตัวเอง

ในเวลานั้น ดาลัดได้รับข่าวจากน้าเล็กของเธอว่าเขากำลังจะย้ายไปประจำการที่สถานทูตอังกฤษ เขาขอเธอหมั้นหมายเอาไว้ และให้ดาลัดไปเรียนต่อที่ต่างประเทศด้วยกัน เด็กสาวตอบตกลงด้วยความยินดี ของญาติผู้ใหญ่ทุกคน รวมทั้งเจ้าทิพย์เกษรด้วยเช่นกัน

เรื่อง : ลาก่อนคุณครู

ผู้เขียน : สุดา นครานุรักษ์

สำนักพิมพ์ : แพร่พิทยา

ปีที่พิมพ์ : ไม่ปรากฎปีที่พิมพ์

เล่มเดียวจบ

ผมขอจบบันทึกการอ่านครั้งนี้ ด้วย บทวิจารณ์ของ คุณป.วัชราภรณ์ เกี่ยวกับนวนิยายเรื่องนี้ไว้ดังนี้ครับ

“ลาก่อนคุณครู” ผู้ประพันธ์ได้วางโครงเรื่องไว้หมดดงดงาม จุดมุ่งหมายอีกอย่างหนึ่ง เธอ ต้องการเปรียบเทียบสภาพความเป็นอยู่ “ที่บ้าน” กับ “ที่โรงเรียน” นั้นผิดกัน คนที่สบายเพราะไม่ต้องทำอะไร ภายใต้อ้อมกอดของผู้ปกครอง แต่เมื่อยู่ในโรงเรียนกินนอน ความเป็น “ประชาธิปไตย” ได้เริ่มฟักตัวทันที… และท้ายที่สุด คุณ ป.วัชราภรณ์ ได้สรุปว่า

คุณครูผู้ปกครองและนักเรียนไม่ควรจะผ่านนวนิยายเล่มนี้ อย่างน้อยจะต้องช่วยกันกระตุ้นเตือนผู้ที่กำลังจะออกนอกลู่นอกทางตามอำเภอใจ แปรเปลี่ยนและปรับตัวเองให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่ดี การเขียน “ลาก่อนคุณครู” จากประสบการณ์บวกด้วยหลักจิตวิทยา ทำให้เนื้อหาเข้มข้นในตัวของมันเอง แต่มิใช่หนักอึ้ง อ่านแล้วเบาสมอง ผ่อนคลายความรดรึงตึงเครียดได้ดีพอสมควร

หน้าสุดท้ายของ “ลาก่อนคุณครู” บอกให้ท่านผู้อ่านทราบว่า อวสานลงด้วยความสุขสันต์ รัญจวนใจ “สวัสดีค่ะ คุณครู” จนกว่าจะพบกันอีก

ปัจฉิมลิขิต : ขอนำเสนอภาพของผู้ประพันธ์ และภาพหลังปกของนวนิยายเรื่องนี้ ซึ่งสวยงามไม่แพ้หน้าปกและสันปกเลยครับ

 

Don`t copy text!