กลิ่นแก้มจงกลนี

กลิ่นแก้มจงกลนี

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้นครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

กลิ่นแก้มจงกลนี คืออึกหนึ่งผลงานของ ‘สาลิกา’ (หน้าปกพิมพ์สาริกา) ซึ่งเป็นนามปากกา ของ อ.ร.ด. นักเขียนแนวหัสคดีรุ่นครูนั่นเอง

จากข้อมูลในหนังสือ ประวัตินักเขียนไทย เล่ม 1 ของ กองวรรณคดีและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร ให้ข้อมูลไว้ว่า อ.ร.ด. เป็นนามปากกาของ เอื้อม รุจิดิษ ท่านเกิดเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2449 ที่บางลำพู กรุงเทพฯ เป็นบุตรคนโตในจำนวน 4 คน ของ พระประมาณบรรณกิจ และนางสาย หัสดินทร์ สมรสกับ นางพยุงศรี รุจิดิษ (สกุลเดิมกาญจนโสภณ) เมื่อ พ.ศ. 2480 มีบุตร 2 คน

อ.ร.ด.

ในส่วนของการเขียนหนังสือ ท่านสนใจอ่านหนังสือและการเขียนมาตั้งแต่ยังเรียนชั้นมัธยม และชอบอ่านงานเขียนของ น.ม.ส. แสงทอง ศรีสุวรรณ และ รุ่ง ผลานุเคราะห์ เมื่ออ่านมากขึ้น ก็คิดจะเป็นนักเขียนเองบ้าง ขณะรับราชการในกรมชลประทานราวปี พ.ศ.2470 ได้เขียนนวนิยายเรื่องสั้น ชื่อ ‘กินสองอิ่ม’ ใช้นามปากกาว่า อ.ร.ด. ส่งไปลงพิมพ์ในนิตยสารเริงรมย์ และถือว่าเป็นผลงานชิ้นแรกในการเป็นนักเขียน

เมื่อลาออกจากราชการในปี พ.ศ. 2484 ท่านได้ยึดอาชีพนักเขียน นักหนังสือพิมพ์ตลอดมา เริ่มทำงานแห่งแรกที่หนังสือพิมพ์ นิกรรายวัน ยุคใหม่ โดยเขียนคอลัมน์หน้ากลาง ฉบับวันอาทิตย์ จากนั้น ก็ย้ายไปอยู่ที่หนังสือพิมพ์ ประชาธิปไตย หนังสือพิมพ์ ประชากรรายวัน นิตยสาร เพลินจิตต์ รายสัปดาห์ และรายเดือน และนิตยสาร แสนสุขรายสัปดาห์

อ.ร.ด. มีความสามารถพิเศษในการเขียนเรื่องประเภทขบขันหรรษา ผลงานส่วนใหญ่เขียนลงพิมพ์ในนิตยสารและหนังสือพิมพ์ต่างๆ มีงานเขียนเรื่องสั้นประมาณ 200 เรื่อง นวนิยายเรื่องยาว ประมาณ 20 เรื่อง เรื่องแปลและสารคดีอย่างละ 50 เรื่อง ที่เป็นเล่มมีชื่อเสียงได้แก่ อินไซด์ลงกา อินไซด์สามก๊ก หัวอกแม่ พระเจ้าเสือ รวมถึง กลิ่นแก้มจงกลนี เรื่องนี้

นามปากกาที่ท่านใช้ แบ่งเป็นประเภทต่างๆ คือ ‘อ.ร.ด.’ สำหรับเขียนเรื่องแนวชวนหัว ‘สาลิกา’ สำหรับเขียนนวนิยายรัก เช่น สุดสายใจ กลิ่นแก้มจงกลนี ‘กัลปังหา’ ใช้เขียนเรื่องประเภทโลดโผน ผจญภัย และ ‘ประกายดาว’ สำหรับใช้เขียนนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ เช่นเรื่อง พระเจ้าเสือ

กลิ่นแก้มจลกลนี ปกใน

เรื่องราวใน กลิ่นแก้มจงกลนี กล่าวถึงชีวิตของหญิงสาวสามคน จารุวัตร์ เหมือนมาตร และจงกลนี ทั้งสามต่างเป็นธิดาสาวสุดที่รักของคุณพระพจนาถ และคุณเพ็ญพร และเติบโตขึ้นมาโดยจารุวัตร์ หรือนิด และจงกลนี หรือตุ๋ย เป็นสาวน้อยหน้าตาสะสวยงดงาม จารุวัตร์จะค่อนข้างเงียบขรึมไว้ตัวอย่างพี่สาวคนโต ขณะที่จงกลนี น้องสาวคนเล็ก ก็จะมีนิสัยร่าเริง พูดเก่ง แต่ก็เป็นคนมีทิษฐิมานะ ส่วนเหมือนมาตรหรือหน่อย ซึ่งเป็นน้องคนกลาง ค่อนข้างอาภัพ เพราะมีหน้าตาไม่สะสวยเท่าพี่น้อง แถมยังนัยน์ตาส่อน ทำให้หล่อนกลายเป็นคนเงียบขรึม และสนใจการวาดภาพศิลปะหรือเล่นดนตรี มากกว่าจะออกไปสังสรรค์ร่วมกลุ่มกับเพื่อนๆ คนอื่น

เจ้าคุณพจนาถมีสหายสนิทคนหนึ่งชื่อเทศ ซึ่งฐานะยากจน และนำลูกชายชื่อเกลี้ยง มาฝากอุปการะไว้ด้วยความเมตตา ท่านจึงเปลี่ยนชื่อเด็กชายเป็นเกรียงไกร และเลี้ยงดูเขามาพร้อมกับลูกสาวทั้งสามของท่าน จนเติบโตเป็นชายหนุ่มรูปงาม แม้จะเจียมตัวในฐานะเด็กในอุปการะ แต่เกรียงไกรเองก็แอบชอบจงกลนี หรือคุณตุ๋ย เพียงแต่เก็บความรู้สึกนั้นเอาไว้ในใจ

นอกจากนี้ยังมีครอบครัวของคุณสาระภี ที่สนิทสนมกับคุณพระพจนาถ เธอมีลูกสองคน คือร้อยเอกเพชร และบุหงา เพชรแอบชอบจารุวัตร์ แต่คุณสาระภีไม่สนับสนุน เพราะรู้ว่าคุณเพ็ญพร มารดา เด็กสาวทั้งสาม ติดการพนัน และเธอก็เล่นพนันจนเป็นหนี้สินจำนวนมาก ภายหลังจึงจัดหาหญิงสาวลูกอาเสี่ย ที่มีฐานะให้กับร้อยเอกเพชร แม้ว่าเขาจะอาลัยอาวรณ์จารุวัตร์มากเพียงใด ก็ไม่อาจขัดความต้องการของมารดาได้

เกรียงไกรเจ็บช้ำใจมาก เมื่อเห็นว่าจงกลนีสนิทสนมกับ เสวก ไววิทย์ เด็กหนุ่มอีกคนหนึ่ง ที่อยู่คนละโรงเรียนกัน ยิ่งเมื่อเขาแข่งกีฬาชนะเสวก ยิ่งทำให้จงกลนีรู้สึกเสียหน้า จนทำตัวห่างเหินกับเขามากขึ้น ในขณะที่เสวกเองเป็นลูกชายเศรษฐีกลับให้ความสนิทสนมเป็นสหายกับเกรียงไกร เพราะชอบพอในน้ำใจนักกีฬาของเขา

 

ต่อมาครอบครัวของคุณพระพจนารถก็ต้องประสบความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง เมื่อคุณพระป่วยล้มเจ็บลงด้วยโรคมะเร็ง และเสียชีวิตในเวลาต่อมา เหตุการณ์นี้เองทำให้ ครอบครัวที่เคยสมบูรณ์พรั่งพร้อม กลายเป็นแพแตก คุณเพ็ญพรต้องขายบ้านและย้ายไปอาศัยอยู่ในเขตบ้านของคุณสาระภี ที่แฝงความอิจฉาริษยาในธิดาทั้งสามของเธอเอาไว้ เมื่อเปรียบเทียบกับบุหงา ธิดาคนเดียวของเธอ

ขณะที่เกรียงไกรเองก็ได้ทุนเรียนต่อแพทย์สมความตั้งใจ แม้จะต้องออกจากบ้านของคุณพระผู้มีพระคุณไป แต่เขาก็ยังแวะเวียนมาหาคุณเพ็ญพรและลูกๆ ของเธอด้วยความรำลึกกตัญญูอยู่เสมอ รวมถึงจงกลนี เด็กสาวแสนสวยที่อยู่ในหัวใจของเขามาโดยตลอด แม้จะรู้ว่าเธอจะไม่มีหัวใจให้กับเขาเลยก็ตาม

จงกลนีเติบโตเป็นสาวน้อยหน้าตาน่ารัก และมีความรักกับเสวก แต่แล้วเสวกก็ต้องไปเรียนต่อที่อังกฤษ เขาขอให้เธอสัญญากับเขาว่าจะรอคอยเขาตลอดเวลาที่ไปเรียนต่อเมืองนอก ด้วยความเชื่อมั่น จงกลนีให้คำสัญญานั้น ในขณะที่ งานแต่งงานของร้อยเอกเพชร และบังอร หญิงสาวที่มารดาเขาหามาให้ ทำให้ คุณนิด จารุวัตร์ ได้พบกับว่าที่นายอำเภอหนุ่มหล่อ ไพชยนต์ ซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวของคุณพระภูวนาถอภิบาล ต่อมาทั้งคู่ก็ได้แต่งงานกัน ท่ามกลางความริษยาของคุณสาระภี ที่หวังให้บุหงา ลูกสาวเธอได้เป็นฝั่งเป็นฝา แต่ก็พลาดไปในที่สุด

เรื่อง : กลิ่นแก้มจงกลนี

ผู้เขียน : สาลิกา

สำนักพิมพ์ : ผดุงศึกษา

ปีที่พิมพ์ : 2496

เล่มเดียวจบ

จารุวัตร์ย้ายไปอาศัยอยู่กับสามีที่บ้านของเขา ทำให้เหลือเพียงเหมือนมาตรและจงกลนี อาศัยอยู่กับมารดา หญิงสาวผู้หยิ่งทะนงในความสวย ปฏิเสธไมตรีจิตของหมอเกรียงไกร ที่เธอคิดดูถูกแต่เพียงว่าเขาคือเด็กรับใช้ในบ้านมาก่อน และเฝ้ารอคอยการกลับมาของเสวกด้วยใจจดจ่อ และแล้ววันที่เสวกเดินทางกลับเมืองไทยก็มาถึง

แต่แล้ว เขาก็กลับมาพร้อมกับรังสิมา หญิงสาวสวยที่ไปเรียนที่ลอนดอนด้วยกัน เสวก กลับทอดทิ้งเธอไปอย่างไม่ไยดี และหันไปแต่งงานกับรังสิมา นั่นเองทำให้จงกลนีหัวใจแหลกสลาย หล่อนประชดด้วยการหันไปคบหาสมาคมกับชายอื่นมากหน้าหลายตา ยกเว้นแต่เพียงนายแพทย์เกรียงไกร ที่ให้ความรักความปรารถนาดีต่อเธอมาโดยตลอด

 

จนกระทั่ง นายรังสี เมทนีดล พ่อค้าผู้มากเล่ห์และเจ้าชู้ ผ่านเข้ามาในชีวิตของจงกลนี และหญิงสาวก็รีบคว้าเอาไว้ เพื่อประชดชีวิตรักที่พังทลายของตนเอง หล่อนควงรังสีไปออกงานต่างๆ แม้เมื่อพบกับนายเสวกที่ควงภรรยาของเขามาร่วมงาน เสวกเองเป็นคนโลเล ภายหลังเมื่อแต่งงานกับรังสิมา และภรรยาเขาปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนรูปร่างเปลี่ยนไป และเขาเองก็เริ่มเบื่อหน่ายเธอ เมื่อได้มาเห็นจงลกลนีที่ยังสวยสะพรั่ง รูปงาม ก็ทำให้เขาเกิดความลังเล และพยายามสานต่อความสัมพันธ์นั้นอีกครั้ง

จงกลนีเองก็ประชดด้วยการแต่งงานกับนายรังสี แต่แล้วการแต่งงานที่ไม่ได้เริ่มด้วยความรัก ขณะที่ฝ่ายชายเองก็ยังสนุกกับชีวิตเสเพลของเขา ก็ทำให้ทั้งคู่มีปากเสียงทะเลาะกันบ่อยครั้ง ด้วยทิษฐิและความถือตัว ทำให้หล่อนเลิกรากับนายรังสีในเวลาต่อมา

เวลานั้นเอง เมื่อหมอเกรียงไกรผ่านเข้ามาในชีวิต เขายังมีความรักให้กับเธอไม่เปลี่ยนแปร แต่จงกลนีก็เอ่ยปฏิเสธ อย่างไม่ไยดี ยิ่งเมื่อภายหลังเสวกได้สูญเสียภรรยาไประหว่างที่หล่อนไปคลอดยังโรงพยาบาล ทำให้ชายหนุ่มอันเป็นรักแรกของจงกลนี กลับมาคบหากับเธออีกครั้ง

คราวนี้ เกรียงไกรถึงกับอกหักจนแทบเสียผู้เสียคน เขามีเพียง คุณหน่อย เหมือนมาตรเท่านั้นที่คอยปลอบโยนให้กำลังใจ และในที่สุด เกรียงไกรก็ขอเธอแต่งงาน

 

ชีวิตสมรสครั้งที่สองของจงกลนี หาได้หวานสดชื่นเหมือนกับที่หล่อนฝันเอาไว้ไม่ เมื่อครอบครัวของเสวกตั้งแง่รังเกียจว่าหล่อนเองก็เป็นสาวเสเพลที่ผ่านการแต่งงานมาแล้ว ขณะที่จงกลนีก็ได้เห็นความโลเลใจง่ายของเสวก ยิ่งเมื่อมารดาของเขาชักนำยุพยงค์ สาวน้อยคนสวย ที่อายุเยาว์กว่ามาให้ ทำให้เสวกหาเรื่องทะเลาะ จนหล่อนต้องเป็นฝ่ายเลิกรากันไปในที่สุด

จงกลนีหรือยายตุ๋ยผู้เคยงดงาม เป็นขวัญใจของทุกๆ คนในบ้าน โดยเฉพาะคุณพ่อ…

คุณพ่อเคยชมว่า กลิ่นแก้มยายตุ๋ยหอมมาตั้งแต่อายุสี่ขวบ นั่นหมายความว่ายายตุ๋ยเป็นลูกรักที่สุดสวาทขาดใจของคุณพ่อ แต่เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว มีใครหลายคนที่อยากพิสูจน์ว่า กลิ่นแก้มของยายตุ๋ยยังคงหอมหวานเหมือนเมื่อสิบห้าปีมาแล้วหรือไม่ แต่ก็ไม่มีใครกล้าทำเช่นนั้น…

บัดนี้ กลิ่นแก้มอันเคยหอมหวานของจงกลนี ดอกนี้ ได้บอบช้ำจนเกินเยียวยา แม้เมื่อนายแพทย์เกรียงไกรผู้เห็นคุณค่าของเธอมาโดยตลอด แต่จงกลนีก็มองข้ามความรักความปรารถนานั้นไปเสีย ด้วยความหยิ่งทะนงและถือตัวของหล่อนเอง

ซ้ำหญิงสาวก็พบว่า ตนเองกำลังป่วยเป็นวัณโรค โรคร้ายที่ลุกลามไปทั่วปอดจนเริ่มไอเป็นเลือด ในวาระสุดท้ายนั้นเอง ที่หมอเกรียงไกรได้เป็นผู้ดูแลรักษาเธอจนสุดความสามารถของเขา ก่อนที่เธอจะจากไปอย่างสงบ…

โดยปกติแล้วงานเขียนของ อ.ร.ด จะเป็นแนวหัสคดี หรือคอเมดี สำหรับในนามปากกา สาลิกานี้ แม้จะมีประโยคสนทนาแนวขบขันผสมผสานอยู่บ้างอันเป็นเอกลักษณ์งานเขียนของท่าน แต่เนื้อหาในส่วนใหญ่ของ กลิ่นแก้มจงกลนี ก็ได้สะท้อนภาพชีวิตอันเข้มข้น ของหญิงสาวที่ผ่านช่วงเวลาในยุคทองของเธอเอง จนดำเนินมาถึงบั้นปลาย ด้วยโศกนาฏกรรมอันสะเทือนใจยิ่งครับ

 

Don`t copy text!