อุทยานหิน

อุทยานหิน

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้นครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

อุทยานหิน เป็นนิยายแปลของ ‘วิรันดา’ ที่เคยลงในนิตยสาร สกุลไทย ในช่วงปี พ.ศ. 2531 สำหรับนามปากกา ‘วิรันดา’ นี้ ความจริงแล้วก็คืออีกนามปากกา หนึ่งของ ‘นายา’ หรือ อาจารย์วาสนา ซี. เคนแมน นักเขียนรางวัลนราธิป ประจำปี พ.ศ. 2560 ซึ่งจากข้อมูลในหนังสือเล่มนี้และจากท่านผู้เขียนเองได้กรุณาให้รายละเอียดว่า ท่านเกิดเมื่อ วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2479 จบการศึกษา อักษรศาสตรบัณฑิตและครุศาสตร์บัณฑิต จาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แล้วจากนั้นจึงสอบชิงทุนมูลนิธิฟุลไบรท์ ไปศึกษาต่อจนจบปริญญาโท สาขาวิชาภาษาอังกฤษ ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย สหรัฐอเมริกา

ท่านกลับมาเป็นอาจารย์ที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ก่อนที่จะไปอยู่สหรัฐอเมริกา พร้อมกับครอบครัว ดร. ลีออน เคนแมน และได้ศึกษาต่อโดยเปลี่ยนสาขาวิชามาเป็นมานุษยวิทยา (Anthropology) เพราะเป็นสาขาวิชาที่รักและสนใจมาก ได้รับปริญญาโทสาขา Cultural Anthropology จาก University of Texas at Austin (และด้วยความรู้จากสาขาวิชานี้ ซึ่งมีด้านการศึกษาโครงกระดูกมนุษย์และอื่นๆ เกี่ยวกับมนุษย์รวมอยู่ด้วย จึงสามารถเขียนนวนิยายด้านการสืบสวนสอบสวนได้ดี ทั้งๆ ที่ในสมัยนั้นยังไม่มีสาขาวิชา Forensic Anthropology เช่นในปัจจุบัน)

สำหรับในปัจจุบัน ท่านพำนักอยู่ ณ รัฐแมริแลนด์ หลังจากใช้ชีวิตการทำงานและการเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย เช่นเดียวกับสามี ที่เมืองฟินิกซ์ รัฐแอริโซนา อยู่กว่าสามสิบปี และได้เขียนหนังสือเป็นงานอดิเรก ในนามปากกา อ. Wanda นายา และ วิรันดา

นายา ผู้แปล

สำหรับนามปากกา ‘วิรันดา’ นี้ ผมได้มีโอกาสสอบถามที่มา จาก ท่านผู้เขียน ซึ่งท่านได้กรุณาให้คำตอบมาว่า

“นามปากกา วิรันดา ตั้งขึ้นมาเพราะอยากได้ชื่อเก๋ๆ และออกสำเนียงต่างประเทศที่นำหน้าด้วยอักษร ว เหมือนชื่อวาสนาค่ะ บังเอิญพยางค์หน้า วิร (วิระ) แปลว่า ผู้กล้าหาญ ผู้พากเพียร ซึ่งคิดว่าตนเองเป็น คือการไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศนี่บางทีต้องสู้มากนะคะ”

นักอ่านจะรู้จักผลงานส่วนใหญ่ของท่านในรูปแบบนวนิยายแนวลึกลับ สืบสวนสอบสวน อย่าง ชุดสโมสรนักสืบ หน้าต่างในเงาเมฆ ทรายกระซิบ รอยรักเรไร รำเพยดอกสุดท้าย เป็นต้น สำหรับผลงานแปลที่ผมมีโอกาสได้อ่าน คือ โคมพันดวง และ อุทยานหิน ซึ่งเป็นนิยายแปลแนวลึกลับเช่นเดียวกันครับ สำหรับแรงบันดาลใจในการแปลนวนิยายทั้งสองเรื่องนั้น เป็นเพราะคุณนายาเองก็ชอบอ่านนวนิยายลึกลับของ วิกทอเรีย โฮลต์ และ ซูซาน เฮาวอตช์มาก พออ่านแล้วก็อยากแปลให้เพื่อนนักอ่านชาวไทยได้อ่านด้วย

เรื่องราวของ อุทยานหิน หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า April’s Grave นั้น กล่าวถึงพี่น้องฝาแฝดชาวนิวยอร์ก แคเรน และ เอพริล คอนเวย์ ที่มีนิสัยใจคอแตกต่างกัน โดยมีน้องชายอีกคนหนึ่งชื่อทอมัส และทุกอย่างก็มาถึงจุดเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เมื่อแคเรนแต่งงานกับ เนวิล เบนเนท ศาสตราจารย์หนุ่มใหญ่ผู้สอนหนังสืออยู่ที่อังกฤษ เขาเป็นพ่อม่ายที่ภรรยาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ และมี ‘สนัฟ’ ลูกชายตัวเล็กๆ อยู่เพียงคนเดียว โดยมีพี่สาวชื่อลีโอนี เป็นคนดูแลสนัฟ

แคเรนย้ายมาอยู่กับสามีที่ลอนดอน หญิงสาวสนิทสนมกับสนัฟที่ติดเธอแจ ในขณะที่ลีโอนีก็ปล่อยให้เธอดูแลสนัฟแทน นอกจากนี้แคเรนยังมีโอกาสรู้จัก ดอกเตอร์มาร์นี เวสต์ อาจารย์มหาวิทยาลัยเดียวกับเนวิล และเพื่อนสนิทของเขาอีกด้วย

ชีวิตครอบครัวที่ดูเหมือนจะเริ่มต้นอย่างสวยงามกลับต้องพังทลายลง เมื่อ เอพริล น้องสาวสุดเปรี้ยวและเฟลิร์ต เดินทางมาเยี่ยมเธอที่บ้านในลอนดอน เอพริลสนิทสนมกับมาร์นีจนทำให้นึกว่าทั้งคู่เป็นแฟนกัน แต่ต่อมา เมื่อเอพริลได้เห็นเนวิล หล่อนก็หันมาแสดงท่าทางโปรยเสน่ห์ให้กับพี่เขยอย่างออกนอกหน้า จุดสิ้นสุดมาถึง เมื่อเนวิลต้องเดินทางไปทำธุระที่สกอตแลนด์ และพักในบ้านฟาร์ม ที่นั่น ในขณะที่เอพริลบอกกับเธอว่าจะเดินทางกลับปารีส แต่ความจริงแล้ว หล่อนกลับตามเนวิลไปที่สกอตแลนด์ และแคเรนก็ตามไปพบภาพบาดตานั้นเข้าโดยบังเอิญ

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเอง ทำให้แคเรนตัดสินใจเดินทางกลับมายังอเมริกาทันที และเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นั่นโดยไม่สนใจคำแก้ตัวใดๆ ของเนวิล และน้องสาวฝาแฝดอีกต่อไป ทั้งที่หัวใจของเธอปวดร้าวจนแทบขาดใจ

 

สามปีต่อมา ดอกเตอร์มาร์นีเดินทางมาบรรยายที่แคนาดา และแวะมาเยี่ยมเพื่อนที่ฮาร์วาร์ด ก่อนจะบินมานิวยอร์กเพื่อต่อเครื่องกลับอังกฤษ โอกาสนี้เองเขาจึงได้ติดต่อมาหาเธออีกครั้ง ทำให้รู้ว่าเอพริลหายตัวไปอย่างลึกลับ ภายหลังเหตุการณ์ในวันนั้น และทำให้ เธอต้องเดินทางกลับมาที่อังกฤษอีกครั้ง

ที่นั่น แคเรนพบว่าเด็กชายสนัฟยังคิดถึงและผูกพันกับเธอเหมือนเดิม แต่หญิงสาวก็ได้รับรู้ด้วยความปวดร้าวใจว่า เพื่อนรักของเธอที่อาศัยอยู่ลอนดอนอย่างเมลิสา ได้ไปมีความสัมพันธ์กับ เนวิล เมลิสาเองก็แอบชอบเนวิล และลึกๆ แล้ว หล่อนรู้สึกแข่งขันกับแคเรนอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน ด้วยคำพูดของเพื่อนสาว ยิ่งทำให้แคเรนรู้สึกเสียใจกับการกระทำของเนวิล แม้ว่าเขาจะพยายามงอนง้อขอคืนดีกับเธอ เหมือนเดิมก็ตาม

ทั้งเธอและเขา รวมถึงสนัฟ มาร์นี และลีโอนี พี่สาวของเนวิล เดินทางไปยังบ้านที่สกอตแลนด์ บ้านหลังงามริมทะเลสาบ สถานที่ซึ่งเคยเป็นอดีตอันปวดร้าวของเธอ อีกครั้ง

ฟาร์มที่เนวิลซื้อไว้และใส่เป็นชื่อของพี่สาวนั้น ตั้งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับถนน มีศาลายื่นลงไปถึงแนวน้ำ ติดกับศาลาคือโรงเรือ ที่ลานบ้านด้านหน้า ลีโอนีได้เริ่มต้นทำสวนดอกไม้ ถัดจากสวนดอกไม้ไปตรงข้างๆ บ้านเป็นสวนที่ประดับด้วยหินก้อน และพันธุ์ไม้แบบทะเลทราย ลีโอนี มีความภาคภูมิใจใน “อุทยานหิน” ซึ่งหล่อนออกแบบเป็นนักหนา และใช้เวลาขลุกอยู่กับสวนของหล่อนครั้งละนานๆ ทุกครั้งที่มาพักผ่อนในสกอตแลนด์

มันควรจะเป็นสถานที่อันรื่นรมย์ของหนุ่มสาวและเด็กๆ ที่เดินทางมาพักผ่อนยังสถานที่แห่งนี้ ทว่า ระหว่างที่หล่อนพาสนัฟไปเดินเล่นในเส้นทางชนบทอันร่มรื่นนั้นเอง สนัฟได้พบกับ เศษกระเป๋าที่ฝังดินเอาไว้ ในบริเวณนั้นโดยบังเอิญ และที่สำคัญที่สุด มันคือกระเป๋าเสื้อผ้าของ เอพริล!

หรือว่าความจริงแล้วเอพริลไม่ได้หายไปจากบ้านแห่งอุทยานหินนี้เลยตั้งแต่เมื่อสามปีก่อน… ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว หล่อนหายตัวไปไหน?

หรือว่าหล่อนถูกฆ่า แล้วฝังศพซ่อนไว้ที่ใดที่หนึ่ง ในบริเวณแถบนี้?

สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเอง ที่ทำให้เธอและเนวิลต้องหันหน้าเข้าปรึกษาหารือกัน เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเอพริล น้องสาวฝาแฝดที่หายตัวไปเป็นครั้งแรก และทำให้เข้าใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นว่าเป็นความเข้าใจผิดของตัวเธอเองโดยแท้

เรื่อง : อุทยานหิน

ผู้เขียน : ซูซาน เฮาวอตช์

ผู้แปล : วิรันดา

สำนักพิมพ์ : ดอกหญ้า

ปีที่พิมพ์ : 2521

เล่มเดียวจบ

เนวิลไม่ได้นัดหมายให้เอพริลมาพบที่สกอตแลนด์เลย ตรงกันข้าม หล่อนเป็นฝ่ายแอบมาหาเขาเอง และเขาก็เป็นฝ่ายไล่ให้หล่อนกลับไป และเนวิลก็ไม่รู้ว่าเอพริลจะเสียชีวิตหรือถูกฆาตกรรมด้วยฝีมือของใครกัน ในเมื่อมีเพียงเธอและเขาสองคนเท่านั้นที่น่าจะเป็นผู้ต้องสงสัย มากที่สุด

และในเวลานั้นเอง เมื่อเมลิสาเดินทางมาที่บ้านพักของเนวิลเช่นเดียวกัน ท่าทางหล่อนสนิทสนมกับมาร์นีเป็นอย่างมาก และเมื่อเผชิญหน้ากันอีกครั้ง และเมื่อหล่อนล่วงรู้ว่าแคเรนเป็นคนพบกระเป๋าของเอพริลฝังดินเอาไว้ หล่อนเสนอว่าจะไปแจ้งความกับตำรวจเสียเอง โดยไม่รู้ว่า คำพูดนั้นจะกลายเป็นคำสั่งสังหารชีวิตของตัวเอง!

แคเรนพบศพของเมลิสาเป็นคนแรก ร่างของหล่อนถูกสังหารโดยฝีมือฆาตกร และนำมาฝังไว้ในหลุมสี่เหลี่ยม ก่อนที่หญิงสาวจะช็อกด้วยความตระหนก มาร์นีก็มาช่วยเธอเอาไว้ได้ทัน

ความลับ ความหลัง และความจริงที่ถูกซ่อนเอาไว้ กำลังจะถูกเปิดเผย ภายใต้อุทยานหิน แห่งนี้ และฆาตกรที่ลงมือนั้นมีแรงจูงใจสำคัญที่จะต้องสังหารทั้งเอพริลและเมลิสา ก่อนที่เรื่องจะไปถึงตำรวจ!

นวนิยายขนาดสั้นๆ เรื่องนี้ แม้จะเป็นแนวสืบสวนสอบสวนที่มีปมปริศนาฆาตกรรม ผสมผสานอยู่ในเรื่องด้วย แต่ก็อ่านได้อย่างเพลิดเพลิน และได้ลุ้นระทึกไปกับเรื่องราว ด้วยฝีมือการเขียนของ ซูซาน เฮาวอตช์ และ วิรันดา ผู้ที่ถ่ายทอดเป็นภาษาไทย ด้วยสำนวนภาษาที่อ่านได้อย่างสละสลวยรื่นรมย์ ตราบจนถึงบรรทัดสุดท้าย ที่เฉลยและคลี่คลายปมปริศนาทั้งหมดของ อุทยานหิน เรื่องนี้ ได้อย่างสมบูรณ์ สมกับในบทท้ายเล่ม ที่เขียนไว้ว่า

โลกคือ อุทยานหิน ที่กว้างใหญ่

หินบางก้อนกร่อน บางก้อนแกร่ง

บางก้อนแวววับแพรวพราย

แต่บางก้อนหม่นสี จางแสง

มายาที่ฉาบอาบไล้วิญญาณ

แข็งกระด้างยิ่งกว่า เคลือบหินใด

ยิ่งผ่านกาลเวลา ยิ่งสะสมความแกร่ง

แต่ในขณะเดียวกันก็ถูกทำลายให้ผุกร่อน

ด้วยความกราดเกรี้ยวจากพายุอารมณ์

ด้วยสายน้ำความรู้สึกกัดเซาะ

และด้วยเปลวไฟเร่าร้อนแห่งความปรารถนา

ที่คุกรุ่นจากจิตใต้สำนึกของตนเอง

ปัจฉิมลิขิต : สำหรับการเขียน บรรณาภิรมย์ ‘อุทยานหิน’ ในครั้งนี้ ผมต้องขอกราบขอบพระคุณ อาจารย์ วาสนา ซี. เคนแมน หรือ ‘นายา’ ที่ได้กรุณาให้ข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงคำแนะนำอันมีประโยชน์ยิ่งสำหรับการเขียนบทความชิ้นนี้ จนลุล่วงไปได้ในที่สุดครับ

Don`t copy text!