กำไลเหล็ก

กำไลเหล็ก

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้นครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

สมพ้อง ศิริวงศ์ (นามสกุลเดิม จันทร์ปรุง) ท่านเป็นนักเขียนนวนิยายรุ่นครู ผู้มีผลงานเลื่องชื่อในอดีตอย่าง ตารางดวงใจ ที่เคยนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้ว หรือ พรานชีวิต รวมถึงนวนิยายหายากเรื่องนี้ ก็คือเรื่อง กำไลเหล็ก นั่นเองครับ

แข ณ วังน้อย สมัยเป็นพยาบาล

สำหรับประวัติข้อมูลอันเป็นที่มาของนามปากกา แข ณ วังน้อยนั้น ท่านได้เคยให้สัมภาษณ์ไว้ในหน้านิตยสาร สกุลไทย ในอดีต ตอนหนึ่งว่า

ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายนของทุกปี เป็นช่วงเวลาที่พ่อต้องออกจากเมืองอยุธยาไปเก็บค่าเช่านาที่คุณปู่ให้เป็นมรดกไว้หลายร้อยไร่ในอำเภอวังน้อยเป็นประจำ สมัยนั้นไปมาโดยทางเรือเท่านั้นก็ต้องโยกย้ายครอบครัวไปด้วย หอบลูกเล็กๆ ไปด้วย ในปี พ.ศ. 2459 แม่กำลังท้องแก่ ก็เตรียมข้าวของที่ต้องใช้ในการคลอดพร้อมกับพาหมอตำแยไปด้วย พอวันเพ็ญพระจันทร์เต็มดวง และตรงกับวันจันทร์ที่ 12 มีนาคม ด้วย แม่ก็คลอดลูกสาว เป็นบุตรคนที่สามของครอบครัวจันทร์ปรุง ตั้งชื่อว่าสมพ้อง ซึ่งต่อมา ชื่อ “แข ณ วังน้อย” ก็หมายถึง ดวงจันทร์ที่วังน้อย นั่นเอง

เรื่องราวของ กำไลเหล็ก บอกเล่าชีวิตของไหมทอง ลูกสาวคนเดียวของตาสวน ชายเฒ่าผู้บุกเบิกทำไร่แตงโมในบ้านเกาะใหญ่ เกาะกลางแม่น้ำเจ้าพระยาในเขตจังหวัดชัยนาท ใกล้ไปทางอำเภอมโนรมย์ อันมีชื่อเรียกในบริเวณนั้นว่าคุ้งสำเภา และด้านซ้ายของเกาะแห่งนั้น ก็มีชื่อเรียกว่า หาดกงสิน

ด้วยฐานะความเป็นอยู่ ทำให้เขาตัดสินใจส่งไหมทอง ลูกสาวคนเดียวให้ไปอยู่กับนางสงบ ผู้เป็นป้า ยังพระนคร ตั้งแต่ไหมทองอายุสิบสองปี เพื่อหวังว่าบุตรสาวจะเรียนต่อเสริมสวย และมีหน้ามีตาในสังคมชาวกรุง แต่ไหมทองเองกลับมีความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป

เด็กสาวต้องการกลับมาทำงานเป็นเกษตรกรเช่นเดียวกับพ่อ โดยมีความฝันร่วมกับมาตร ชายหนุ่มคนรักที่เรียนเกษตรศาสตร์ มาตรเองเคยมีที่ทางอยู่หลายไร่ แต่ภายหลังต้องสูญเสียมันไปเพราะหนี้สินของบิดามารดา รวมถึงการส่งเสียมนต์พี่ชายให้เรียนต่อจนจบ

เมื่อเขาได้พบกับไหมทอง หญิงสาวคนรัก ก็ทำให้ความฝันที่จะสร้างไร่มาตรทองของตัวเองและไหมทองเกิดขึ้นอีกครั้ง มาตรสัญญากับไหมทองว่า เขาจะทำงานการเกษตรเพื่อรอหญิงสาว อีกสามปี และจากนั้นทั้งคู่ก็จะแต่งงานกัน ภายหลังเรียนจบ ชายหนุ่มเดินทางมายังบ้านเกาะใหญ่แห่งนี้ และลงทุนซื้อที่ทำการเกษตรด้วยความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว

ที่หมู่บ้านแห่งนั้นเอง มีกำนันบิ่นและนางเน้ย ที่มีลูกชายคนเดียวชื่อเจ้าเวกหรือการะเวก มันเป็นหนุ่มเสเพลที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจ เจ้าเวกเองมีเมียหลายคน ด้วยความเจ้าชู้ แม้ว่านางเน้ยจะไม่เห็นด้วย แต่ก็จำยอมโดยเฉพาะการรับทั้งละออและสังวาลย์ เมียทั้งสองของเจ้าเวก ที่พามาเลี้ยงดูอยู่ที่บ้านของตน แต่แล้วเมื่อเจ้าเวกได้เห็นหน้าของไหมทอง ที่กลับมาจากพระนคร ทำให้มันตกหลุมรักเด็กสาวผู้นี้ในทันที ความริษยายิ่งเกิดขึ้นเป็นทวีคูณเมื่อรู้ว่าไหมทองผูกใจรักใคร่อยู่กับหนุ่มชาวกรุงที่กำลังจะมาทำไร่อยู่ที่นี่แทนอย่างมาตร จนหาเรื่องอยู่บ่อยครั้ง ขณะที่มาตรเองก็เป็นหนี้นางเน้ย จากที่หยิบยืมเงินมาซื้อผลิตผลทางการเกษตร ในการลงทุนทำไร่ของตัวเอง

++++++++++++++++++++++

มณฑา น้องสาวของเวก เป็นหญิงสาวจิตใจกล้าหาญ บ้าบิ่น และไม่ชอบพฤติกรรมของพี่ชาย จนมีเรื่องปะทะคารมกันเป็นประจำ แต่มณฑาเองก็รู้สึกชื่นชมนิสัยใจคอของมาตร จนกลายเป็นความรักขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าหล่อนจะรู้อยู่เต็มอกว่ามาตรมีสัญญารักกับไหมทอง แต่ก็ไม่หักใจจากเขาได้ มณฑาเก็บงำความรู้สึกนี้เอาไว้ ด้วยความเจ็บปวดหัวใจ

ที่กรุงเทพฯ นั้นเอง นายชิต ชายชราท่าทางอารี ได้แสดงความยินดีให้ไหมทองหยิบยืมเงิน เพื่อนำไปช่วยมาตรในการลงทุนทำไร่มาตรทองตามความฝัน ความไว้ใจ เชื่อใจ ทำให้ไหมทอง พลาดท่าเสียทีชายชรา ถูกลวงไปปลุกปล้ำจนตกเป็นเมียของลุงชิต ทั้งที่อีกฝ่ายเองก็กำลังหมั้นหมายอยู่กับอาลัย ลูกสาวคนโตของป้าสงบของเธอนั่นเอง

ไหมทองนำเงินมาช่วยกู้วิกฤตให้กับมาตร และรู้ภายหลังว่าตัวเองเริ่มตั้งครรภ์ ในขณะที่ เวกเสียใจกับความรักที่ถูกปฏิเสธ พิษรักนี่เองทำให้เขากลายเป็นคนเมาเหล้าหัวราน้ำ และถูกกำนันปิ่นไล่ออกจากบ้าน อารมณ์มุทะลุและโกรธแค้น เวกไปรวมกับกลุ่มสหายอันธพาลที่เป็นโจรออกปล้นจนถูกทางการหมายหัว และด้วยความแค้นนี่เอง ทำให้เสือเวกตัดสินใจบุกเข้าไปฉุดไหมทองไปจากหมู่บ้าน และมาตรกับนายสวนก็ตามไปช่วยหล่อนออกมาได้สำเร็จ ตำรวจจับตัวเสือเวกได้ บัดนี้เวกกลายเป็นคนคุกไปแล้ว

+++++++++++++++++++++

การตั้งครรภ์ของไหมทองทำให้ทุกคนเข้าใจว่าเวกเป็นพ่อของเด็กในท้อง มีไหมทองเท่านั้นที่ล่วงรู้ความจริงทั้งหมด และบัดนี้นายชิตผู้มีฉากนอกเป็นชายชราใจดี ก็กำลังเข้าพิธีแต่งงานกับอาลัย พี่สาวของเธอเอง ไหมทองได้แต่เก็บความขมขื่นเอาไว้ และหญิงสาวก็ตัดสินใจปลีกตัวเองออกมาจากมาตร เพื่อไปใช้ชีวิตเพียงลำพัง โดยไม่ได้บอกว่าตนเองไปอยู่ที่ใด

มาตรเองรำลึกถึงคำสัญญาที่เขาเคยให้กับไหมทองมาโดยตลอด รวมถึงความรักที่มีให้กับเธอ แม้ว่าบัดนี้จะมีมณฑา หญิงสาวอีกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต แต่มาตรก็พยายามหักห้ามความรู้สึกของตัวเองเอาไว้

ต่อมา เสือเวกได้พ้นโทษออกมาจากคุก เขารับรู้เรื่องไหมทองตั้งครรภ์ และคิดว่าเขาคือพ่อของเด็กในท้อง ด้วยความรักต่อหญิงสาว เวกพยายามตามหาไหมทองจนพบ แต่ไหมทองก็ปฏิเสธความรักของเขาอย่างไม่ไยดี ในขณะที่อาลัยเองก็กำลังมีปัญหากับนายชิตที่ไม่ทิ้งลายความเจ้าชู้และมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนอื่น จนทำให้อาลัยต้องเดินทางมาพักผ่อนต่างจังหวัด และได้พบกับไหมทอง หญิงสาวพบเวกอีกด้วย และพยายามจะเชื่อมความสัมพันธ์ให้กับคนทั้งสอง แต่ไม่เป็นผล

เรื่อง : กำไลเหล็ก

ผู้เขียน : แข ณ วังน้อย

สำนักพิมพ์ : บรรณาคาร

ปีที่พิมพ์ : 2500

สองเล่มจบ

มาตรรู้ข่าวของไหมทองเมื่อหล่อนคลอด เขาตัดสินใจเขียนจดหมายมาหาเธอ ทำให้ไหมทองคิดว่าความรักระหว่างเธอกับมาตรยังคงอยู่เหมือนเดิม และรอคอยให้เขาเดินทางมาพบ

ไหมทองรับรู้ความจริงว่ามาตรเองรักมณฑา ขณะที่หล่อนสารภาพเรื่องลูกที่เกิดจากนายชิตมาข่มเหงจนพลาดท่าเสียที ความรักที่มีต่อมาตร ทำให้หล่อนยอมเสียสละและหัวใจที่แตกสลาย ไหมทองกินยานอนหลับเกินขนาด จนเสียชีวิต…

ความรักของหนึ่งหญิงสามชายที่เข้ามาพัวพันกัน ชายหนึ่งคือรักในอุดมคติที่วาดหวังเอาไว้ด้วยความฝันสวยงาม อีกหนึ่งคือรักที่เต็มไปด้วยความลุ่มหลงบ้าระห่ำแม้จะเป็นรักอันมั่นคงแต่ก็ไม่อาจแสดงออก และอีกรักหนึ่งก็คือความรักที่เห็นแก่ตัว ต้องการครอบครองโดยไม่สนใจวิธีการได้มาซึ่งความรัก

และไหมทอง ก็คือหญิงสาวที่อยู่ตรงกึ่งกลางของความรักทั้งสามรูปแบบนั้น!

++++++++++++++++++++++++

ฉากสุดท้ายของ กำไลเหล็ก คือการฉากเผาศพของไหมทอง โดยมีบุรุษทั้งสามที่เกี่ยวพันกับชีวิตของเธอมาร่วมในพิธีด้วยความอาลัย และสำนึกผิดในสิ่งที่เกิดขึ้น แม้ว่าทุกอย่างจะสายไปแล้วก็ตาม

สัปเหร่อเริ่มโหมไฟ มิช้าแสงพวยพุ่งมาจากหีบศพ ควันดำลอยขึ้นเหนือเมฆ มีเสียงร้องระงมรำพันมาจากกลุ่มผู้หญิง พิณพาทย์เริ่มเพลงโอดเอื่อยชวนให้ใจเศร้า ใครเล่าจะอดสลดใจได้ เมื่อนึกถึงความสัมพันธ์ของผู้ตายมีแก่ตน เคยยิ้มเคยหยอก เคยเย้า เคยร้องไห้ เคยวิสาสะ

นายชิตแหงนดูฟ้า และเปรยว่า “เมฆผ่านไปแล้ว ฝนเห็นจะไม่ตก”

สองข้างเขาเป็นมาตรอยู่ทางซ้าย และเวกอยู่ทางขวา

ไม่มีใครปฏิเสธและไม่มีใครพูด เพราะดวงตาของชายหนุ่มจ้องดูภาพลมพัดกรรโชกเอาแสงเพลิงที่แลบเลียข้างๆ หีบไหม้เกรียม มาตรมองดูชายชราใช้เหล็กอันยาวกดลงตรงปลายหีบ เพื่อไม่ให้ร่างนั้นโค้งงอขึ้นมา เป็นที่สังเวชแก่ผู้พบเห็น

อา! ไหมเอ๋ย เธอไปแล้ว แต่พวกเรายังอยู่ เรายังเป็นศพเดินได้ วันหนึ่งเราจะไปรวมกันที่จุดหมายปลายทางนั้น ไม่มีใครหนีพ้น พวกเราจะเร่งทำความดี เพื่อเมื่อถึงวันนั้น เราจะไม่เสียดายที่จากโลกนี้ไป

เย็นแล้ว แสงไฟที่เชิงตะกอนมอดลง เช่นเดียวกับแสงอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้า ทิ้งแสงทองไว้บนพื้นดิน เหมือนไหมทอง ที่ทิ้งแต่ชื่อและความดีไว้ให้ใครๆ ครวญหา…

 

หมายเหตุ สำหรับชื่อเรื่อง กำไลเหล็ก นั้น ผมไม่แน่ใจว่ามีความหมายเกี่ยวข้องกับเรื่องราวอย่างใด มีคำว่า ‘กำไลเหล็ก’ เกี่ยวข้องตอนที่เวกถูกจับขังคุก พันธนาการด้วยโซ่ตรวน กำไลเหล็ก แต่ไม่ได้มีข้อความอื่นเกี่ยวข้องนอกเหนือไปจากนี้ครับ

 

Don`t copy text!