แก้วกลางดง

แก้วกลางดง

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้นครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

 

ในความทรงจำของผม เกี่ยวกับนวนิยายเรื่อง ‘แก้วกลางดง’ ก็คือละครโทรทัศน์ช่อง 7 ในปี พ.ศ. 2530  ที่เป็นความทรงจำอันแสนสนุกในช่วงวัยเยาว์ โดยบทบาทเมียวดี สาวน้อยชาวเขาบ้านป่า นำแสดงโดยอรพรรณ พานทอง (วัชรพล) บททรงเผ่า พระเอกของเรื่อง นำแสดงโดยพงษ์พัฒน์ วชิระบรรจง และบทไอ้ฟ้าลั่น ตัวขโมยซีน นำแสดงโดยธีระวัฒน์ ทองจิตติ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ซูโม่เป๊ปซี่ นั่นเอง

จากข้อมูลในวิกิพีเดีย นวนิยายเรื่องนี้นำไปสร้างเป็นละคร ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2523 นำแสดงโดยมยุรา ธนะบุตร (เศวตศิลา), อนุสรณ์ เดชะปัญญา และรอง เค้ามูลคดี ในบทฟ้าลั่น  และภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2528 นำแสดงโดยจินตหรา สุขพัฒน์ และยุรนันท์ ภมรมนตรี และนิยายเรื่องนี้ยังได้นำไปสร้างละครอีกหลายต่อหลายครั้ง แสดงให้เห็นถึงความนิยมในบทประพันธ์อมตะเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี

พรานจั่นเคยเป็นสหายรักร่วมเป็นร่วมตายกับนายทนงบิดาของทรงเผ่ามาก่อน ภายหลังทั้งคู่ต่างก็ได้แยกไปใช้ชีวิต โดยพรานจั่นก็อาศัยอยู่บ้านป่าชายแดน แต่งงานกับสาวพม่า ละอาชีพนายพรานล่าสัตว์ จนมีลูกสาวเพียงคนเดียวที่เขารักเหมือนแก้วตาดวงใจ ชื่อเมียวดี แต่ความผูกพันระหว่างสองครอบครัว ก็ยังมีอยู่เสมอ จนเมื่อทรงเผ่าเติบโตเป็นชายหนุ่มเรียนจบจากเมืองนอก

เขาและบรรดาสหายชาวกรุงเดินทางมาพักและเที่ยวผจญภัยยังดินแดนบ้านป่าชายแดนไทย-พม่าแห่งนี้ และเกิดเหตุการณ์เสือร้ายจากฝั่งพม่าออกอาละวาดพอดี ทำให้พรานจั่นต้องลุกขึ้นจับปืนเพื่อล่าเสือตัวนี้ ที่จะเป็นอันตรายกับคนในหมู่บ้าน

เหตุการณ์เลวร้ายคงไม่เกิดขึ้น เมื่อทรงเผ่าขอติดตามไปด้วย และความดื้อ ความมั่นใจตัวเองอย่างหนุ่มสมัยใหม่ ทำให้เขาเกือบสังเวยชีวิตให้กับเสือร้าย ถ้าหากว่าพรานจั่นไม่เอาชีวิตตัวเองเข้าแลกเสียก่อน

ก่อนตาย นายพรานเฒ่าได้ฝากฝังเมียวดี ลูกสาวคนเดียวเอาไว้กับเขา แต่สำหรับเมียวดี แล้ว เขาคือสาเหตุการตายของพ่อเธอ ทรงเผ่าสัญญาต่อหน้าศพว่า เขาตามล่าเสือตัวนั้น เช่นเดียวกับเมียวดี ทั้งคู่จึงท้าพนันกันว่า ถ้าทรงเผ่าจัดการไอ้ลายได้ก่อน เธอจะยอมไปอยู่กับเขา แต่ถ้าเธอจัดการได้ก่อน ทรงเผ่าจะต้อง ‘กราบ’ เธอต่อหน้าทุกคนในหมู่บ้าน ทรงเผ่ารับปาก คนรักศักดิ์ศรีอย่างเขา ไม่มีวันยอมแพ้เด็ก เขาจะขัดขวางทุกวิธีไม่ให้เมียวดีฆ่าไอ้ลาย !

ในเวลาเดียวกัน ก็มีฟ้าลั่น เด็กหนุ่มชาวเขามาร่วมทีมกับทรงเผ่าด้วย ฟ้าลั่นถูกหมั้นหมายให้คู่กับเมียวดี แต่เด็กสาว มองว่าฟ้าลั่นเป็นคู่กัดเสียมากกว่า

การผจญภัยในป่าแห่งนั้นเอง ยิ่งเมื่อต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มผู้ก่อการร้าย ทำให้ทรงเผ่า และเมียวดีที่เป็นเสมือนคู่ปรับกัน กลายเป็นต้องร่วมมือกันไปโดยปริยาย และทำให้ต่างได้มองเห็นเนื้อแท้ ตัวตนของแต่ละฝ่าย ชัดเจนมากขึ้น และทำให้เขาอดนึกไปถึง ‘คุณหวาน’ หญิงสาวที่ตัวเอง รักใคร่ชอบพออยู่ที่เมืองกรุงไม่ได้

“ทุกคนมีสันดานดิบทั้งนั้น สุดแต่ว่าบางคนจะห่อหุ้มด้วยอะไร บางคนห่อหุ้มด้วยเสื้อผ้ายังงี้ ปลดออกแสดงสันดานง่าย ลึกเข้าไปหน่อย ห่อด้วยทีท่านักปราชญ์ ปลดยากเข้าไปอีกนิด ที่ปลดยากที่สุดคือห่อหุ้มด้วยศีลธรรม และศาสนา…”

“ผู้หญิงคนนั้น” ได้ห่อหุ้มตนเองไว้เรียบร้อย จนยากที่เขาจะหาว่า เธอใช้เสื้อผ้า กิริยา มรรยาทอันงามตามหรือภูมิรู้ หรือศีลธรรม หรืออาจจะทั้งสามชั้น…

 ทว่า… เด็กผู้หญิงคนนี้ เธอเป็นตัวของตัวเองแท้ๆ เมื่อพูดถึงธรรมชาติของคน เธอก็พูดอย่างหน้าตาเฉย อย่างไม่เห็นเป็นของสำคัญหรือหยาบคาย และเจ้าตัวก็ไม่แสดงว่าจะคิดลึกซึ้ง นอกจากเห็นเป็นเรื่องธรรมดา แล้วก็ลืมเสีย…

ในที่สุด ทั้งคู่ก็บรรลุภารกิจสำคัญ ก่อนที่ทรงเผ่าจะล้มเจ็บลงด้วยไข้ป่า และถูกพาตัวกลับมารักษาที่กรุงเทพฯ

 

เขาฟื้นขึ้นมาอีกครั้งในโรงพยาบาล โดยมีคุณทนงผู้เป็นบิดา และคุณหวาน หญิงสาวคู่หมายคอยอยู่เคียงข้าง แต่หัวใจทรงเผ่ากลับหวนนึกถึงแต่นางกระแตป่าเมียวดี หรือมิยาวดี ที่เขาเรียกเธออย่างคุ้นเคย จนรู้ว่าหญิงสาวติดตามมาด้วยความเป็นห่วง แม้จะต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง จากชีวิตในป่าดง มาเป็นป่าคอนกรีตที่เขาเป็นฝ่ายคุ้นเคยก็ตาม เรื่องราวความวุ่นวายอลเวง ที่สมาชิกในบ้านทรงเผ่าต้องพบเจอรวมถึงฤทธิ์อันสุดเฮี้ยวของเมียวดี ที่มีทรงเผ่าเท่านั้นที่สามารถทำให้เด็กสาวยอมลงให้ได้

แต่แรก ทรงเผ่าหวังจะให้คุณหวานช่วยเหลือดูแล ปรับเปลี่ยนเมียวดีให้เป็นคนกรุง แต่เมื่อเวลาผ่านไปเขายิ่งรู้ว่าเมียวดีกับคุณหวานแตกต่างกัน และตัวตนของหญิงสาวที่อำพรางเอาไว้ภายใต้มาดผู้ดี ก็เปิดเผยออกมา เมื่อกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่เคยถูกกวาดล้างไปด้วยฝีมือของเขากับเมียวดีได้ตามมาและจับตัวเขา เมียวดี และคุณหวานเป็นตัวประกัน

แต่ด้วยอุบายของเมียวดี ทำให้ทั้งหมดหนีรอดออกมาได้ ในเวลานั้นเอง ยิ่งทำให้เขาเห็นธาตุแท้ของคุณหวานที่พยายามเอาตัวรอด โดยไม่สนใจใคร และทำให้ชายหนุ่มรู้หัวใจของตัวเองขึ้นมาได้ในที่สุด

เหตุการณ์ต่อจากนั้นยังมีเพื่อนนายตำรวจที่ถูกใจเมียวดี และมาตามจีบ ท้ายสุด สาวน้อยผู้เสมือนแก้วกลางดง ได้หนีกลับไปยังบ้านป่าที่ตนเคยจากมา มีเพียงทรงเผ่าเท่านั้นที่รู้ว่า เขาจะต้องตามเอาแก้วดวงนั้นกลับมาประดับเรือนใจของตัวเอง ให้ได้

เรื่อง : แก้วกลางดง

ผู้เขียน : ทมยันตี

สำนักพิมพ์ : คลังวิทยา

ปีที่พิมพ์ : 2519

เล่มเดียวจบ

เรื่องราวใน แก้วกลางดง จบลงด้วยความสุขสมหวัง ของคู่พระนางและข้อคิดดีๆ ที่ผู้เขียนแทรกไว้ในเนื้อเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการเลือกคู่ครองที่เหมาะสม ซึ่งผมจะขอยกมาบางตัวอย่าง เช่นบทพูดระหว่างทนงกับทรงเผ่า เมื่อครั้งลูกชายริอ่านมีแฟนเป็น “แหม่ม” เมื่อไปเรียนอยู่เมืองนอก พ่อซึ่งรู้ว่าทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นเพราะความเหงา และโดดเดี่ยว เขียนจดหมายไปบอกลูกชายเพียงแค่ว่า…

จง “รัก” เถิดลูก เพราะเป็นธรรมดาของผู้ชายที่มักจะอยู่ห่างๆ โดยปราศจากความรักหรือความใคร่ไม่ได้ เนื่องจากธรรมชาติของเราเป็นเช่นนั้น หากต้อง “รัก” ให้เป็น

คนที่รักแล้ว ให้ความรักทำลายตนเองเป็นคนโง่ เราต้องรู้จักใช้ความรักเป็นเครื่องย้อมใจ จึงนับว่าเป็นความฉลาด แต่เมื่อลูกจะแต่งงาน ลูกจะต้องคิดให้หนักกว่าเรื่องรัก เพราะคนที่เรารักจะเป็นยังไงก็ได้ แต่คนที่จะมาเป็นเมีย เป็นแม่ของลูก ที่จะสืบสกุลเราต่อไปนั้นเป็นเรื่องที่ต้องคิดแล้วคิดอีก

ความรักในวัยหนุ่มสาว กับความรักหลังจากแต่งงานนั้นไม่เหมือนกัน ทั้งๆ ที่เราเรียกว่า “รัก” เหมือนกันนี่แหละ

ความรักในตอนเป็นคู่รัก เป็นความรักที่มองหาความสุขในด้านเดียว แต่เมื่ออยู่ด้วยกันแล้ว ลูกจะต้องการความรัก อย่างเพื่อน อย่างพี่ และอย่างแม่ จากผู้หญิงคนเดียวกัน…

แก้วกลางดง จึงไม่ใช่เป็นเพียงนิยายรักพาฝัน ที่อ่านเพื่อความรื่นรมย์ เพียงอย่างเดียว แต่ยังแทรกข้อคิด และสิ่งที่เหลืออยู่ ทิ้งไว้ให้กับผู้อ่านได้เก็บเป็นความประทับใจจากการอ่านรวมไว้ด้วยกันอีกด้วยครับ

 

Don`t copy text!