ทาสโลกีย์

ทาสโลกีย์

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้นครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

ผมเพิ่งมีโอกาสเห็นนามปากกา ‘ป.เศาภายน’ ในผลงาน ทาสโลกีย์ นวนิยายชื่อหวือหวา เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกและเรื่องเดียว โดยไม่ทราบว่าท่านผู้เขียนมีผลงานเรื่องอื่นด้วยหรือไม่

จากคำนำของสำนักพิมพ์ ให้ข้อมูลเพียงว่า “ป.เศาภายน ผู้เขียนเรื่องนี้ แม้จะเป็นนามที่เขียนใหม่สำหรับคุณผู้อ่านอยู่บ้าง แต่เรากล้ารับรองและประกันได้ว่าท่วงทำนองลีลาการเขียนเรื่อง จะสร้างความอภิรมย์ใจให้แก่คุณผู้อ่านอย่างพึงพอใจยิ่ง”

“โอ้คิดไปใจหายไม่วายโศก

เหมือนเดือนดับลับโลกไม่แลเห็น

จะแลเหลียวเปลี่ยวเปล่าเศร้าทรวงเย็น

ไหนจะเว้นโศกาแสนอาดูร”

เปิดเรื่องด้วยเสียงเพลง ‘แป๊ะ’ ที่ลอยล่องออกมาจากตึกเก่าชำรุดแห่งหนึ่งในจังหวัด ราชบุรี เมื่อนิติ เฟื่องวิทย์ ชายหนุ่มนักเขียนแบบ ได้รับมอบหมายจากคุณพระอินทราภิบาล ให้เดินทางจากพระนครมายังจังหวัดราชบุรี เพื่อเขียนแบบตึกจากตึกเก่าแห่งนี้ โดยเขาคิดว่าเป็นเพียงตึกร้างปราศจากคนดูแล

จนได้พบกับสาวน้อย ลินจง อินทราภิรักษ์ ลูกสาวคนเดียวของวีระ ผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องของคุณพระอินทราภิบาล ครอบครัวลินจงอพยพมาจากต่างจากหวัด เพื่อมาพึ่งใบบุญของท่าน ภายหลังสิ้นบุญวีระ แต่ลินจงกลับแม่กลับถูกผลักไสไล่ส่งให้ต้องมาอยู่ยังตึกร้างเก่าแก่แห่งนี้แทน เพราะคุณพระอินทราภิบาลเองมีครอบครัวและญาติพี่น้องมากมาย

ท่านมีภรรยาและมีน้องชายอีกสามคนคือธำรง อธึก และอุทัย มีเพียงธำรง ที่ยังพอจุนเจือช่วยเหลือสองแม่ลูกอยู่บ้าง จนกระทั่งมารดาเธอจากไป ลินจงมีโอกาสได้พบกับนิติ และเกิดความสนิทสนมรักใคร่ ในที่สุดเธอและเขาก็ตัดสินใจไปใช้ชีวิตร่วมกันที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยที่คุณพระอินทราภิบาลเข้าใจว่าหลานสาวของท่านหายสาบสูญไปแล้ว

เวลาผ่านไปสิบแปดปี นิติบุกเบิกทำไร่อินทนิลและยังทำฟาร์มม้าอยู่ที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เขากับลินจงมีลูกสาวสองคนคือยุวดี และอัญชลี ซึ่งเป็นเด็กสาวที่มีรูปร่างหน้าตางดงาม น่ารัก และนั่นเองเป็นชนวนให้เธอมีโอกาสได้พบกับชายหนุ่มแปลกหน้าคนหนึ่ง เขามาติดต่อซื้อม้า กับนิติ และประทับใจหลงใหล ในความสวยงามของอัญชลี จนหาทางติดต่อพบปะกับเธอ โดยที่บิดาไม่ล่วงรู้

 

รอนราญ ลภานนท์ หนุ่มใหญ่มากประสบการณ์จากต่างเมืองคนนั้น เขาหลงใหลในตัวอัญชลี และพยายามใช้เล่ห์หว่านเสน่ห์ให้สาวน้อยผู้ไม่เคยมือชายหลงในคารมและเสน่ห์ของเขา จนอัญชลีเผลอยอมจดทะเบียนสมรสกับเขา แต่รอนราญก็ติดธุระต้องไปต่างเมือง เขาบอกกับเธอว่าจะกลับมาเพื่อทวงสิทธิ์ความเป็นสามีของเธอในเวลาต่อมา ก่อนที่จะจากไป

ในเวลานั้นเองเมื่อนิติและลินจงได้เห็นข่าวประกาศตามหาตัวลินจงจากคุณพระอินทราภิบาล เนื่องจากบัดนี้ลูกหลานและน้องของท่านต่างเสียชีวิตลงจนหมด ตัวคุณพระเองก็เจ็บป่วย และต้องการตามหาทายาทของอินทราภิบาลคือลินจง ที่หายสาบสูญไป

เรื่อง : ทาสโลกีย์

ผู้เขียน : ป.เศาภายน

สำนักพิมพ์ : คลังวิทยา

ปีที่พิมพ์ : ไม่ปรากฏปีที่พิมพ์

เล่มเดียวจบ

ในที่สุด ลินจงกับนิติจึงตัดสินใจที่จะย้ายครอบครัวลงมาพระนคร เพื่อมาพบกับคุณพระ ตามความปรารถนาสุดท้าย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นฉุกละหุก แม้แต่อัญชลีก็ไม่คาดคิด เด็กสาวและยุวดี จึงต้องอพยพครอบครัวตามนิติและลินจงลงมาด้วยกัน โดยไม่อาจแจ้งให้กับรอนราญได้รับรู้

ระหว่างการเดินทางอันยากลำบากจากเชียงใหม่ลงมาพระนครนั่นเอง นิติเสียชีวิตลง ทำให้เหลือเพียงสามคนแม่ลูก เดินทางไปยังบ้านคุณพระอินทราภิบาล และได้ช่วยดูแลท่านในวาระสุดท้ายก่อนสิ้นลม ลินจงจึงจำต้องดูแลกิจการและบ้านของท่านพร้อมกับลูกสาวทั้งสอง ในเวลานั้นเองที่เธอได้กลายเป็นเศรษฐินีในวงสังคมไปแล้ว

อัญชลีได้มีโอกาสพบกับหม่อมราชวงศ์สมัคร์สมาน โรจนวงศ์ ราชนิกุลหนุ่มใหญ่ผู้งามสง่า และเกิดความรักขึ้น ตอนนั้นเองที่หญิงสาวรู้ตัวว่ามีชนักติดหลัง เพราะได้จดทะเบียนแต่งงานกับ รอนราญมาก่อน และเมื่อเธอเติบโตขึ้นจึงรู้ว่าความรู้สึกนั้นไม่ใช่ความรักต่อราญรอนเลยสักนิดเดียว เพียงแต่มันเป็นความหลงของเด็กสาวที่ถูกเล่ห์ของเขา ทำให้เธอต้องตกเป็นทาสโลกีย์โดยไม่รู้ตัว

แต่อัญชลีก็คิดว่ารอนราญคงจะตามหาเธอไม่พบ และล้มเลิกทุกสิ่งทุกอย่างไปหมดสิ้นแล้ว ด้วยเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจแต่งงานใช้ชีวิตกับคุณชายสมัคร์สมานในเวลาต่อมา

ที่เชียงใหม่นั้นเอง เมื่อรอนราญเดินทางกลับมา เขาพยายามตามหาตัวอัญชลี และตามไปถึงไร่อินทนิลก่อนจะรู้ว่าไร่แห่งนั้นถูกขายไปยังผู้อื่นแล้ว โดยที่ครอบครัวของนิติย้ายลงมายังกรุงเทพฯ ความรักความแค้นที่มีต่ออัญชลี ภรรยาของเขา ทำให้รอนราญไม่ลดละความพยายาม เขาตามหาตัวหล่อนแทบพลิกแผ่นดิน แต่ก็ไม่เป็นผล

 

เวลาผ่านไป เมื่ออัญชลีกับคุณชายสมัคร์สมานมีลูกเล็กๆ ที่น่ารักถึงสองคน หญิงสาวคิดว่าเหตุการณ์ของตนกับรอนราญเป็นเพียงฝันร้ายที่ผ่านไปแล้ว แต่หารู้ไม่ว่าฝันร้ายนั้นกำลังจะกลับมาเป็นความจริง!

คุณชายมีที่ดินแถวศรีราชา และมีผู้ติดต่อขอเช่าที่ จึงพาเธอให้เดินทางไปที่นั่นด้วยกัน ในเวลานั้นท่านได้พบกับชายหนุ่มใหญ่บึกบึน ผู้มีท่าทีเคร่งขรึมและเศร้าสร้อย จึงรู้ประวัติว่าเขาตามหาภรรยาที่หายสาบสูญไป จนพเนจรร่อนเร่มาถึงที่นี่ และต้องการทำไร่อยู่ที่แห่งนี้ ด้วยความสงสาร คุณชายสมัคร์สมานจึงให้เขาเช่าที่ดินของท่านเอง โดยไม่รู้เลยว่าบุรุษหนุ่มผู้นี้ก็คือรอนราญ

อัญชลีมารับรู้จากสามี เมื่อได้ยินนามสกุลของผู้เช่ารายนี้ หล่อนตกใจสุดขีด และพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับรอนราญ ส่วนรอนราญก็สงสัยว่า ทุกครั้งที่เขามาพบคุณชายสมัคร์สมาน เขาไม่เคยได้เห็นหน้าภรรยาของท่านเลยสักนิดเดียว จนเริ่มเกิดความสงสัย…

เพื่อปกปิดเรื่องราวอันเป็นปมในอดีต อัญชลีพยายามทุกวิถีทาง ขณะที่รอนราญก็ล่วงรู้ความลับนี้ในที่สุด ความเกลียด ความโกรธ ความแค้นและความรัก ทำให้เขาต้องการเอาเธอกลับคืนมาเป็นของตัวเอง และนำไปสู่โศกนาฏกรรมในฉากสุดท้ายของเรื่อง

ทาสโลกีย์ อาจจะเป็นนิยายที่ตั้งชื่อได้หวือหวา จนนึกว่าเป็นนิยายแนววาบหวามอิโรติก แต่ความจริงแล้วเนื้อหาในเรื่องนี้ เป็นแนวชีวิต การต่อสู้กับมโนธรรม ความรู้สึกผิดพลาดของตัวเอก คืออัญชลีที่ปฏิเสธรอนราญตราบจนถึงวินาทีสุดท้าย ขณะที่รอนราญเองน่าจะตกเป็นทาสของโลกีย์และแรงปรารถนาที่มีต่ออัญชลีจนหน้ามืดตามัวใช้เล่ห์กลหลอกล่อเธอ ตราบจนท้ายสุด ทาสโลกีย์อย่างเขาก็ต้องประสบชะตากรรมอย่างน่าอนาถเช่นกัน 

 

Don`t copy text!