โลกของมัทรี

โลกของมัทรี

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้นครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

เรื่อง : โลกของมัทรี

ผู้เขียน : กฤษณา อโศกสิน

สำนักพิมพ์ :  บรรลือสาส์น

ปีที่พิมพ์ : 2511

เล่มเดียวจบ

โลกของมัทรี เป็นนวนิยายขนาดสั้นเพียงสามสิบกว่าตอน ที่กฤษณา อโศกสิน เขียนขึ้นในช่วงแรกบนถนนสายวรรณกรรมของท่าน จากคำนำของผู้เขียน ได้กล่าวไว้ว่า เป็นนิยายที่ว่าด้วยสายสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูก และเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สะท้อนความไม่เข้าใจระหว่างกัน อันหมายถึงปัญหาครอบครัวที่มีชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง และเด็กอีกหนึ่ง ชายกับหญิงช่วยกันสร้างความความต่างระหว่างกันขึ้นมาโดยไม่แก้ไขหรือหาทางแก้ไขตั้งแต่ยังเป็นปมเล็กๆ ง่ายๆ เมื่อปมนั้นขยายใหญ่ขึ้นในเวลาต่อมา กลายเป็นความยากและยุ่งเหยิง ผู้ที่ได้รับความไม่เป็นสุขไว้อย่างเต็มที่ มิเคยพ้น เด็กคนหนึ่งหรือหลายคน ผู้เป็นเลือดเนื้อของหญิงชายคู่นั้น

จนกว่าช่วงที่สูงด้วยทิฐิมานะผ่อนคลาย มองโลกกว้างออกไปกว่าที่เคยมอง แลเห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น ยอมเป็นสิ่งที่ไม่เคยเป็น ยอมรับสิ่งที่ไม่เคยรับ ย่อมเปรียบประหนึ่งธารน้ำที่เคยถูกปิดกั้น แล้วโดยพลันทลายลง ทันทีที่ดวงตะวันคืนคงฉานฉาย สายน้ำพรูออกไปเหนือแผ่นดินอันกว้างใหญ่

ประโยชน์สุขก็เกิดขึ้นทันใดบนเนื้อนาไร่ และหัวใจที่ปราศจากสิ่งใดกีดขวาง…

โลกของมัทรี พิมพ์ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2518

เรื่องราวเริ่มต้น เมื่อมัทรีอายุเพียงหกขวบ เด็กหญิงตัวน้อยสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก เมื่อได้ยินเสียงพ่อกับแม่ทะเลาะกัน

มานีเลือกมาใช้ชีวิตร่วมหัวจมท้ายกับทวิช โลหะวิจารณ์ นักหนังสือพิมพ์หนุ่ม ด้วยความฝันและความรักแห่งวัยสาว ก่อนจะพบว่าชีวิตครอบครัวไม่ได้สวยหรูงดงามอย่างที่วาดฝันเอาไว้ เมื่อมีทั้งความลำบาก ความหวาดระแวงแคลงใจ จนก่อให้เกิดรอยร้าว และด้วยอารมณ์ร้อนเจ้าโทสะ ทำให้เธอเผลอหลุดปากไล่เขาออกจากบ้านไป และจากนั้นชีวิตของมัทรีก็ไม่ได้พบกับบิดา อีกเลย จนอายุได้สิบแปดปี เด็กสาวจึงมีโอกาสได้พบกับทวิชผู้เป็นบิดาอีกครั้ง

มานีเป็นหญิงผู้มากทิฐิ ความรู้สึกเกลียดชังฝังรากลึกในใจ ด้วยเหตุนี้เธอจึงพยายามควบคุมลูกสาวคนเดียวให้คิดและทำทุกอย่างตามโอวาทของตัวเอง โดยไม่สนใจเหตุผล หรือความรู้สึกใดๆ ของผู้เป็นลูก มัทรีเมื่อได้พบพ่อที่ห่างหายไปนับสิบปี สร้างความยินดี แม้จะรู้ว่าเขาเองก็มีครอบครัวใหม่ และมีลูกน้อยๆ ที่เป็นน้องต่างมารดาเธอถึงสามคนก็ตาม

ทวิชเมื่อถูกภรรยาขับไล่ออกจากบ้านและหย่าขาดจากกัน ความเสียใจทำให้เขาได้ ‘คลี่’ เด็กสาวที่เป็นหญิงรับใช้ในบ้านเป็นภรรยา และคอยปรนนิบัติดูแลเขาอย่างดี คลี่เป็นคนเจียมเนื้อเจียมตัว แม้จะมีลูกกับเขาด้วยกันถึงสามคน โดยยายตุ๊กหรือตุ๊กตาเป็นเด็กหญิงคนโต วัยน่ารักน่าชัง และช่างพูดช่างเจรจานักหนา คลี่ยินดีอย่างจริงใจเมื่อรู้ว่าทวิชได้เจอมัทรีและอดีตภรรยาของเขา เพราะทุกวันทวิชจะเอาแต่ดื่มเหล้าจนเมามายด้วยความทุกข์ การได้พบลูกสาวคนโตอีกครั้งได้สร้างความชื่นบานให้กับชีวิตของเขา และมันก็เป็นความสุขของภรรยาอย่างเธอด้วยเช่นกัน

โลกของมัทรี พิมพ์ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2537

มัทรีและคุณมานีมีโอกาสได้พบกับนฤดม ชายหนุ่มที่มาช่วยเหลือระหว่างที่สองแม่ลูกขับรถไปศรีราชาและเกิดอุบัติเหตุขึ้น เหตุการณ์นี้เองทำให้มานีรู้สึกพึงพอใจและให้ความเอ็นดูสนิทสนมกับชายหนุ่มที่เอื้ออารีผู้นี้ แม้จะรู้ภายหลังว่าเขาเป็นนักหนังสือพิมพ์ อาชีพเดียวกับทวิช อดีตสามีที่เธอรังเกียจนักหนาก็ตาม มานีเริ่มละทิฐิลงโดยไม่รู้ตัว

“ใครดีต่อฉัน ฉันก็ดีต่อคนนั้น เราจะเอาไปปนกันไม่ได้ ความจริงพูดก็พูดเถอะนะคะ” มานีบอกกับเขาอย่างจริงใจ “ฉันไม่ชอบพวกหนังสือพิมพ์เลย”

“ผมเสียใจที่คุณมานีรู้สึกไม่ดีต่อพวกเรา แต่ไม่เป็นไรหรอกฮะ บางทีเราอาจแก้ตัวได้…”

“เมื่อก่อน ดิฉันไม่ชอบทั้ง ‘พวก’ แต่เดี๋ยวนี้ คิดว่า คงไม่ชอบเป็น ‘บางคน’”

“แค่นั้นก็น่าดีใจแล้วครับ ทุกอย่างมันต้องค่อยเป็นค่อยไป” เขาตอบอย่างใจเย็น เพราะดูลักษณะหญิงวัยสี่สิบเศษตรงหน้าแล้วรู้ดีว่าคนแบบนี้แข็งเกินกว่าจะเอาชนะด้วยความแข็ง

ความแข็งชอบความอ่อน ความร้อนชอบความเย็น นฤดมเชื่อว่าคิดเช่นนี้คงไม่ไกลความจริงเกินไปนัก

แต่สิ่งที่มานีไม่รู้คือ นฤดมบังเอิญเป็นลูกน้องของทวิช และต่อมาเขาก็รับรู้ปัญหาทุกข์ใจของผู้เป็นเจ้านายตัวเอง จนต้องการจะช่วยเหลือทวิชให้มีความสุข และตัวของนฤดมเองก็ยังรู้สึกชอบพอกับมัทรีด้วยเช่นเดียวกัน

นฤดมแวะเวียนมาที่บ้านมานีกับมัทรีบ่อยครั้ง และพาน้องตุ๊กหรือเด็กหญิงทวิชามาให้ทุกคนรู้จัก บอกว่าเป็นหลานของเขา มัทรีคุ้นเคยกับน้องตุ๊กอยู่แล้ว เพราะเด็กสาวเคยแอบไปพบกับบิดาที่บ้านของเขาบ่อยครั้งจนคุ้นเคยทั้งกับคลี่ และน้องๆ ทั้งสาม

โลกของมัทรี พิมพ์ครั้งที่ 4 พ.ศ. 2547

ส่วนมานี ภายหลัง ก็เกิดความเอ็นดูรักใคร่เด็กหญิง ยิ่งเมื่อต่อมา น้องตุ๊กเจ็บป่วยจนต้องนอนโรงพยาบาล ทำให้มานีอดเป็นห่วงไม่ได้ เธอเกิดความผูกพันกับเด็กหญิง จนตัดสินใจมาช่วยเฝ้าไข้ และเวลานั้นเอง เมื่อเด็กหญิงที่จับไข้ละเมอหาพ่อกับแม่ขึ้นมา จึงทำให้มานีได้รู้ความจริงว่า เด็กหญิงที่เธอรักเหมือนลูกจนคิดจะขอมาเลี้ยงไว้เอง ก็คือ ลูกสาวของทวิช สามีของหล่อนนั่นเอง มานีไปพบกับทวิช และเขาก็บอกความจริงทุกอย่างโดยไม่ปิดบัง

มานีรู้สึกเหมือนกันว่าทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวหล่อนมีแต่ความง่าย ตัวหล่อนเองเท่านั้นต่างหากที่ยาก! ดื้อรั้นและทิฐิอย่างไม่รู้ว่าเหตุผลอยู่ตรงไหน

“ขอให้คุณคิดตรองดูให้ดีๆ เถอะ มานี เราต่างก็อายุมากด้วยกันแล้ว เรื่องทะเลาะเก่าๆ ก็ผุพังไปตามวัยจนลืมไปมากต่อมาก คุณจะเก็บมากองสุมไว้ให้มันกัดกินความดีงามของชีวิตเพื่ออะไร ผมรู้ว่าคุณฉลาด แต่ไอ้ทิฐิและความใจแข็งนี่แหละจะบั่นทอนความฉลาดไปเสีย คุณทำไมจะไม่รู้ว่าคนนั้นคนนี้ต้องการอะไร ยายมัทต้องการอะไร แต่คุณแกล้งขัดแย้งเสียเพื่อทรมานใจคนเล่น”

และแล้ว ในที่สุด ด้วยความรักความเข้าใจที่เกิดขึ้นนั่นเอง ที่ทำให้ผู้หญิงอย่างมานี สามารถปล่อยวางละทิฐิอันหนาแน่นของตัวเองให้วางลงได้ในที่สุด เมื่อเห็นแก่ความรักของผู้คนรอบข้างของเธอเอง

“มัทดีใจ… ไม่มีอะไรที่มัทจะดีใจมากเท่ากับ… มีแม่ซึ่งเข้าใจมัท เมื่อก่อนนี้ ใจของมัทลีบเล็กเหลือนิดเดียว แต่เวลานี้ ใจมัทเบิกบาน แผ่เต็มเหมือนดอกบัวที่แผ่กลีบอยู่กลางน้ำไม่ผิดเลย…”

มานีกะพริบตาถี่ๆ ขับไล่ความตื้นตันและน้ำที่กำลังเอ่อขึ้นมาจนดวงตาพร่าพราย หล่อนกอดศีรษะของมัทรีและทวิชาไว้คนละข้าง ริมฝีปากเม้มแล้วเม้มอีกในที่สุดก็พูดอย่างกระท่อนกระแท่นแต่เต็มไปด้วยความหมายที่กลั่นกรองออกมาจากขั้วหัวใจ

“แม่… ดีใจ… ที่ไม่สายนัก… สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง แม่ขอบอกตามตรงว่า เมื่อก่อนใจของแม่มืดสนิท และไม่คิดว่ามันจะสว่างอีกแล้วด้วยซ้ำ แต่เด็กๆ ก็ช่วยให้แม่สว่างขึ้น… จริงๆ นะ ไม่ใช่ผู้ใหญ่หรอก แต่เป็นเด็กๆ อย่างตุ๊กนี่แหละ”

หล่อนวิ่งหนีโลหะวิจารณ์ แต่หล่อนก็ต้องพบโลหะวิจารณ์ เวลานี้ทวิชชนะแล้วสิ ถึงแม้เขาจะไม่ปรากฏกายออกมาเด่นชัดนัก หล่อนก็รู้ว่าเขาแอบยิ้มอย่างปลื้มเปรม

แต่หล่อนไม่แปลเจตนาของเขาเป็นอื่น เพราะรู้ว่าเขายิ้มด้วยความอิ่มใจ ที่เขาได้เปิดโลกไว้สำหรับลูกๆ ของเขาสำเร็จ

ลูกของเขาต้องการโลกที่เป็นของตนเอง โลกที่เป็นอิสระ ปราศจากปมด้อย แม้มานีเองก็รู้ว่า โลกที่ปราศจากปมด้อยเป็นโลกที่หวานหอมเพียงใด!

และ โลกของมัทรี ก็ดำเนินมาจนถึงบทอวสาน อย่างสมบูรณ์

หมายเหตุ สำหรับนิยายเรื่องนี้ เท่าที่ผมทราบ ตีพิมพ์มาแล้วสี่ครั้ง

  • ครั้งแรกคือ ปี พ.ศ. 2511 โดยสำนักพิมพ์บรรลือสาส์น
  • ครั้งที่สองในปี พ.ศ. 2518 โดยสำนักพิมพ์บรรณาคาร
  • ครั้งที่สาม ในปี พ.ศ. 2537 โดยสำนักพิมพ์ดอกหญ้า
  • ครั้งที่สี่ ในปี พ.ศ. 2547 โดยสำนักพิมพ์เพื่อนดี

 

 

Don`t copy text!