บารมีพระแม่ป้อง ปกพื้นธรณิน

บารมีพระแม่ป้อง ปกพื้นธรณิน

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้นครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

****************************

บารมีพระแม่ป้อง ปกพื้นธรณิน เป็นนวนิยายแนวพีเรียด ที่ผสมเหตุการณ์เหนือจริง ในสไตล์นามปากกา ‘แก้วเก้า’ โดยการสอดแทรกเรื่องราวในประวัติศาสตร์ไทย ในสมัยสมเด็จพระสุริโยทัย ผ่านรูปแบบนวนิยาย เพื่อให้เกิดอรรถรสความรื่นรมย์ในการอ่าน และในขณะเดียวกันก็ได้รับทราบเรื่องราวเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ไปพร้อมกัน

เพื่อที่ผู้อ่านจะได้ตระหนักถึงเหตุการณ์อันสำคัญยิ่งในประวัติศาสตร์ของกรุงศรีอยุธยา ซึ่งจารึกเหตุการณ์ในครั้งนั้น พร้อมกับพระวีรกรรมของสมเด็จพระสุริโยทัย

ในความเป็น ‘พระแม่เมือง’ มิได้ทรงเป็นอยู่แต่เพียงในเวียงวัง หากแต่ทรงเป็น ‘แม่’ ของทุกชีวิตแห่งแผ่นดินอยุธยา

เรื่องราวเริ่มต้นในยุคปัจจุบัน เมื่อสหายทั้งสี่คือ ปวินท์ นักศึกษาปริญญาโททางประวัติศาสตร์ พัตรา สาวนักเรียนนอกที่เพิ่งเดินทางกลับมาเมืองไทย สมภพ และอภิชัย เดินทางมาเที่ยวที่พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย ที่ทุ่งมะขามหย่อง

ด้วยความเป็นเด็กสาวที่เติบโตมาในวัฒนธรรมตะวันตก แพตจึงมีความรู้ทางประวัติศาสตร์ไทยน้อยมาก แต่เด็กสาวอย่างเธอก็ยังสนใจ โดยเฉพาะเหตุการณ์ในรัชสมัยของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ และพระสุริโยทัยพระองค์นี้

พระมหาจักรพรรดิทรงพระคชาธารในฐานะจอมทัพ เสด็จยกกองทัพหลวงออกไป พระสุริโยทัยแต่งพระองค์เป็นชายตามเสด็จไปด้วย พร้อมพระราเมศวรและพระมหินทร์ ปะทะกับทัพหน้าของพระเจ้าแปร แต่แล้วเมื่อเข้ากระทำยุทธหัตถี ช้างพระที่นั่งของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิสู้แรงข้าศึกของพระเจ้าแปรไม่ได้ ก็แล่นหนี พระเจ้าแปรได้ทีก็ขับช้างไล่มาติดๆ พระสุริโยทัยท่านทรงเห็นจวนตัว ไม่มีทางอื่น จึงไสช้างเข้าขวางกลางไว้ พระเจ้าแปรก็คงเตรียมจะฟันสมเด็จพระมหาจักรพรรดิอยู่แล้ว พอเห็นคนเข้ามาขวางหน้า ไม่รู้ว่าเป็นผู้หญิง คงจะนึกว่าเป็นแม่ทัพ ก็เลยฟันถูกพระองค์ สิ้นพระชนม์บนคอช้าง…

ปวินทร์บอกเล่าเรื่องราวให้พัตราที่ฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ และเมื่อต่างเดินทางกลับเพื่อไปยังจุดนัดหมายยังร้านอาหารแห่งหนึ่ง พัตราขึ้นรถมากับปวินทร์ และเพื่อนอีกสองคนก็ไปอีกคันหนึ่ง ระหว่างทางนั้นเอง ที่เจอพายุฝนพัดกระหน่ำ จนมองภาพเบื้องหน้าไม่เห็น และเมื่อสายฝนจางลง ปวินทร์และพัตรา จึงพบว่าตัวเองหลุดผ่านมิติแห่งกาลเวลา เข้ามาในรัชสมัยของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิเมื่อห้าร้อยปีก่อนแล้ว!

ทั้งคู่ลงมาจากรถ เมื่อมองเห็นพระภิกษุรูปหนึ่งกำลังเดินตรงมา แต่แล้วรถเก๋งคันงาม ก็ปลาสนาการไป าวกับเป็นอากาศธาตุ พัตราและปวินทร์ได้รู้จักกับท่านพระมหานาคแห่งวัดภูเขาทอง และดูเหมือนว่าท่านจะล่วงรู้ถึงการมาเยือนของสองหนุ่มสาวจากต่างกาลเวลา

ปวินทร์เพิ่งมารู้ภายหลังว่าภิกษุรูปนั้นก็คือพระมหานาค ผู้เป็นที่มาของชื่อคลองมหานาคในปัจจุบันนั่นเอง

ด้วยความเมตตา พระมหานาคจึงได้บอกให้นายช่วงและลำพู ผู้เป็นลูกสาว ช่วยรับทั้งสอง ให้มาพักอาศัยอยู่ชั่วคราว แม้ว่าทั้งคู่จะประหลาดใจกับคำพูดท่าทีและการแต่งกายที่ผิดยุคของสองหนุ่มสาวก็ตาม

ปวินทร์และพัตราคิดว่านี่คือโอกาสสำคัญที่ตัวเองจะสามารถเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตได้ ในเมื่อรู้ว่ากองทัพข้าศึกจะบุกเข้าตีกรุงศรีอยุธยา และสมเด็จพระสุริโยทัย ซึ่งยังทรงมีพระชนม์ชีพ ณ เวลานี้ จะไม่ออกไปรบพร้อมกับพระสวามี เหตุการณ์โศกนาฎกรรมนั้นก็จะไม่บังเกิดขึ้น

ทั้งสองคนมีโอกาสได้รู้จักกับขุนวัง หรือพระมหามนตรี ซึ่งเป็นบุตรของหมื่นราชเสน่หา ข้าหลวงเดิมในเจ้าเหนือหัว เป็นที่ไว้วางพระทัยเป็นอย่างยิ่ง

นั่นคือโอกาสสำคัญที่ทำให้พระมหามนตรีกับพัตราได้มีโอกาสได้รู้จักกัน เขาต้องเป็นฝ่ายพาเธอเข้าไปพบองค์พระแม่เมือง หรือพระสุริโยทัย เพื่อกราบทูลเรื่องราวในอนาคตที่จะเกิดขึ้นนั้น พระสุริโยทัยทรงรับฟังและซักถามเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์เสียกรุง การกู้กรุงกลับคืน โดยสมเด็จพระนเรศวร ซึ่งจะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตกาล

เรื่อง : บารมีพระแม่ป้อง ปกพื้นธรณิน

ผู้ขียน : แก้วเก้า

สำนักพิมพ์ : เพื่อนดี

ปีที่พิมพ์ : 2547

เล่มเดียวจบ

และในห้วงเวลาเดียวกัน ความรัก ความผูกพันระหว่างขุนนางหนุ่มแห่งกรุงศรีอยุธยาผู้องอาจ กับพัตรา สาวน้อยในยุคปัจจุบัน ที่จำต้องไปอาศัยอยู่ยังเรือนของขุนวัง เพื่อความปลอดภัย ก็บังเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน

 

สายตาของพระมหามนตรีก้มลงมองมือเรียวขาวของหญิงสาว ในอุ้งมือแข็งแรงของเขาด้วยแววฉงน สิ่งที่ก่อความสนเท่ห์ให้เขาเป็นแหวนที่พัตราสวมติดนิ้วกลางอยู่เป็นประจำ เป็นแหวนทองสลักลายโปร่งประดับเพชรเม็ดเล็กๆ ด้านบนมีอักษรภาษาอังกฤษว่า PA

“ข้าไม่เคยเห็นแหวนอย่างนี้มาก่อน ถอดให้ดูได้ฤๅไม่”

พัตราพูดไม่ออก สัมผัสจากอุ้งมือแข็งแกร่งของขุนนางหนุ่มแห่งอยุธยา มีพลังประหลาด เหมือนเป็นแรงดึงดูดอันมหาศาลให้หล่อนหมดกำลังใจจะแข็งขืน ได้แต่พยักหน้านิดๆ ปล่อยให้เขารูดแหวนออกจากนิ้ว พลิกดูกลับไปกลับมา…

 

“ขอแหวนฉันคืนเถอะค่ะ”

แทนคำตอบ พระมหามนตรีถอดแหวนออกจากนิ้วก้อยของเขา สวมใส่นิ้วนางของหล่อนแทนอย่างหน้าตาเฉย แล้วเลื่อนแหวนของหล่อนไปสวมนิ้วก้อยของเขาแทน

“เอ๊ะ!” พัตราขยับจะร้อง แต่อีกฝ่ายจับมือหล่อนไว้แน่น นัยน์ตาคมลึกจับที่ดวงหน้าหล่อน เหมือนจะตรึงเอาไว้ด้วยสายตา

 

“เจ้าไม่รู้ฤๅว่าชายอยุธยานั้น เขาไม่ถอดแหวนให้หญิงใดโดยง่าย นอกเสียจากว่า ถูกตา ถูกใจ หมาจะได้มาครองคู่ เมื่อถอดแหวนให้ไปแล้ว ก็ไม่รับคืน”

พัตราอยากจะเถียงแต่เถียงไม่ออก เป็นครั้งแรกที่หล่อนเพิ่งรู้ว่า “ผู้ชายจริง” เป็นกันอย่างนี้เอง

 พูดน้อย ตรงไปตรงมา แต่ก็แจ่มแจ้ง ส่องถึงหัวใจทุกคำ

“เจ้าคงยังไม่เคยมีชายใดมารัก จึงมิรู้ความจริง ใครเล่าจักรัก… โดยมิรักเสียแต่แรกเห็น”

 

แต่แล้ว ความรักที่กำลังผลิบานของทั้งสองก็ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ เมื่อกองทัพของสมเด็จพระเจ้าหงสาวดี สมเด็จพระสุริโยทัย ไม่ทรงประสงค์จะเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ใดๆ ที่จะเกิดขึ้น การเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ ก็จะทำให้เกิดผลกระทบต่างๆ ตามมา หากพระองค์ไม่เสด็จออกพร้อมพระสวามี ผู้ที่อาจจะสิ้นพระชนม์ก็คือสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ และ โอกาสที่พระนเรศวรจะถือกำเนิดขึ้นในอนาคตก็อาจจะไม่มี

“ถ้าหากว่า สูญเสียทูลกระหม่อมไปในการศึกเสียแต่แรก อย่าว่าแต่เราแม่ลูกเท่านั้นที่กลายเป็นเชลย แม้แต่พี่เขยของเจ้าที่ยกทัพมาช่วยจากเมืองสองแควก็ย่อมไม่อาจสู้ทัพหหงสาวดีไว้ได้ เราทุกคนจะถูกจับตัวไปเป็นเชลย มิฉะนั้น หากพี่เขยเจ้าฮึดสู้ไม่คิดแก่ชีวิต ย่อมประลัยลาญลงในกาลางศึกเพื่อไว้ยศว่ายอมตายดีกว่าพ่ายแพ้ ไม่ว่าประการใดหนึ่งในสองนี้ แม่ใหญ่ก็จักเป็นม่าย มิทันมีลูกชายไว้กอบกู้แผ่นดินคืนมา แล้วอยุธยาจักเหลืออยู่ ณ ที่ใด…”

ในที่สุด เหตุการณ์ทุกอย่างก็ดำเนินไปตามเส้นทางแห่งประวัติศาสตร์ รวมถึงพระมหามนตรีที่ออกรบอย่างห้าวหาญ และสิ้นชีวิตลงกลางศึก หากหัวใจนั้นได้มอบไว้ให้แก่หญิงสาวที่ตนรักเพียงผู้เดียวนั้น ตราบจนลมหายใจสุดท้าย…

ร่างของพระมหามนตรีกลิ้งลงมาสู่พื้นธรณีของอยุธยา ใต้เงาเมฆที่เลื่อนเข้ามาบดบังแสงตะวันไว้อีกครั้ง ความเจ็บปวดเลือนหายไปภายใต้ความเลื่อนลอย มึนงง

เขารู้ว่าสุดท้ายของชีวิตกำลังจะมาถึง แต่จะห่วงใยไปทำไมเล่า ในเมื่อรู้ว่า ถึงอย่างไรกรุงศรีอยุธยาจะต้องรอดปลอดภัย ชีวิตที่สำคัญได้สละลงแล้ว กลายเป็นแผ่นดินอันมั่นคงรองรับกงล้อแห่งโชคชะตาของราชอาณาจักรที่จะหมุนขึ้นสู่ความรุ่งโรจน์ต่อไป อีกหลายร้อยปี

ชีวิตของเขาชีวิตเดียว มีค่าน้อยกว่าชีวิตสำคัญนั้นไม่รู้ว่ากี่ร้อยเท่า มีหรือว่าจะเสียดาย…

 

ปวินทร์พาพัตราที่หัวใจแหลกสลาย ให้เดินทางกลับสู่ภพปัจจุบัน ตามคำเตือนของพระมหานาค ในห้วงเวลาก่อนการเสียกรุงจะมาถึง พัตราตัดสินใจถอดแหวนของพระมหามนตรีออกคืน พร้อมกับขอความทรงจำทุกอย่างให้จบสิ้นลง ณ ภพอดีตแห่งนี้ จากนั้นสองหนุ่มสาวก็เดินทางกลับมาอีกครั้งยังปัจจุบันอีกครั้ง มีเพียงปวินทร์เท่านั้น ที่รับรู้เรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมด ด้วยความเข้าใจ ในเหตุผล ของประวัติศาสตร์

พัตรา เหลือแต่ห้วงแห่งความทรงจำอันบางเบา ซึ่งปวินทร์ก็คิดว่าบางทีอาจจะเป็นสิ่งดีที่ทำให้เธอ ไม่ต้องทุกข์กับความรักที่เกิดขึ้นกับพระมหามนตรี บุรุษแห่งอดีตกาลผู้นั้น

ทั้งคู่กลับมายังพระบรมราชานุสาวรีย์นั้นอีกครั้ง พร้อมกับความรู้สึกที่ภาคภูมิในความเป็นไทย ของตัวเอง

 

ยามอยุธเยศครั้ง                คืนณรงค์

พญาม่านยกทัพทรง                มหิทธิพร้อง

บ่โค่นเศวตฉัตรองค์                 จักรพรรดิ ได้นา

บารมีพระแม่ป้อง                   ปกพื้นธรณิน

 

สนับสนุนอ่านเอาด้วยการสั่งซื้อหนังสือ “ในสวนอักษร” คลิกที่นี่

 

Don`t copy text!