แสงเพลิงที่เกริงทอ

แสงเพลิงที่เกริงทอ

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้นครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

****************************

 

แสงเพลิงที่เกริงทอ คือนวนิยายรักที่ใช้เรื่องราวประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่สองเป็นตัวกำหนดเรื่องและจุดจบ ซึ่งเนื่องจากผู้เขียน เป็นชาวจังหวัดกาญจนบุรี จึงใช้ฉากและเหตุการณ์ที่เป็นจริงได้อย่างชัดเจน และเขียนขึ้นในวาระที่ครบรอบ 50 ปี ของสงครามโลกครั้งที่สองในเวลานั้น

ผู้เขียน คุณภราดร ศักดา

คุณภราดร ศักดา ได้เล่าไว้ในคำนำจากใจผู้เขียน ตอนหนึ่งว่า

สิ่งที่เป็นจุดบันดาลใจให้ผมเขียนเรื่องนี้ขึ้น ประการสำคัญที่สุดก็คือ ต้องการจะทำอะไรให้บ้านเกิดตัวเอง (กาญจนบุรี) สักครั้งในชีวิตนี้ ประการต่อมาก็ได้แก่ ยังมีบางสิ่งบางอย่างที่ยังไม่เคยเปิดเผยแก่ตาโลก ในเมื่อตัวผมเองได้ประสบกับสิ่งเหล่านี้มา และยังเจนตา มองเห็นภาพของสงครามโลดเต้นอยู่ในความทรงจำตลอด ผมสมควรจะปล่อยให้มันผ่านเลยโดยไม่คิดทำอะไรสักอย่างหรือ?

อีกอย่างหนึ่ง ก็เพื่อฉลองครบรอบห้าสิบปีของสงครามด้วย

ความจริง ไม่ใช่ผมเพิ่งเขียน เมื่อสามสิบกว่าปีก่อนโน้นผมพยายามเขียนมาหลายครั้งแล้ว ครั้งแรกชื่อ ‘เสือแม่น้ำแคว’ โดยมีกลุ่มเสือทุกก๊กในเมืองกาญจน์มาร่วมทำงานให้เสรีไทย ครั้งที่สอง ชื่อเรื่อง ‘เกียรติศักดิ์รักคู่ฟ้า’ โดยกล่าวถึงพฤติการณ์ของนางเอก ซึ่งเป็นญี่ปุ่นกับพระเอกคนไทย ซึ่งเป็นเสรีไทย ทั้งคู่มารักกัน อันเป็นความรักที่ซาบซึ้งเหนือกว่าหน้าที่ที่ตนเองทำอยู่ ทางคณะวายุบุตร ของกองฉลากกินแบ่งในขณะนั้น เคยขอนำบางตอนไปทำละครออกทางช่อง 7 (ช่อง 5 ขณะนี้มี สาหัส บุญหลง กำกับการแสดง) เป็นละครใหญ่ แพร่ภาพในวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 5 ธันวาคม ดูเหมือนจะปี 2500 หรือ 2501 นี่แหละ การเขียนแต่ละครั้ง ไม่ประสบความสำเร็จเท่าทีควร”

และสำหรับนวนิยาย แสงเพลิงที่เกริงทอ เรื่องนี้ เคยนำไปสร้างเป็นละครโทรทัศน์เรื่องยิ่งใหญ่เรื่องหนึ่ง นำแสดงโดย คุณพงศ์พัฒน์ วชิรบรรจง ในบท ‘อริน’ คุณสโรชา วาทิตพันธ์ ในบท ‘สุมังส’า และ คุณจักรกฤษ อำมรัตน์ ในบท ‘ยอดดวง’ ร่วมด้วยพระเอกฮ่องกง ชื่อดัง ฉีเส้าเฉียน ที่มารับบท ‘พันเอกซากิ ยามาชิดะ’

เรื่องราวใน แสงเพลิงที่เกริงทอ เริ่มต้นด้วยการเดินทางเข้ามายังหมู่บ้านเกริงทอ อันเป็นหมู่บ้านในเขตมอญชายแดนไทยพม่า หมู่บ้านที่มีแต่ไฟสงครามโชติช่วงระอุไปด้วยความทุกข์ทนหม่นไหม้ ความตาย ความทารุณหลากหลายที่เชลยศึก ถูกนำตัวมากักขังไว้ในค่ายทหาร เพื่อเป็นแรงงานสร้างเส้นทางรถไฟสายมรณะ

อริน อภิสิทธิพงศ์ หนุ่มน้อยวัยยี่สิบเอ็ด ติดตามขบวนเกวียนของนาค ชายหนุ่มรุ่นพี่ ที่ทำหน้าที่ช่วยทางการ นำเสบียงสัมภาระต่างๆไปยังหมู่บ้านที่ญี่ปุ่นตั้งหน่วยคลังเสบียง โดยมี พันเอกซากิ ยามาชิดะ เป็นผู้บังคับกองพัน

นายพันเอกผู้นี้ตาดุ เคร่งวินัย นิสัยเด็ดเดี่ยว เป็นนายทหารที่ดีที่สุดที่ถูกคัดเลือกให้มาทำการรบฝ่าฟันในดินแดนอันหฤโหด ชุกชุมไปด้วยสัตว์ร้าย และไข้ป่าที่ชาวบ้านเรียกว่าไข้เหนือ เป็นแล้วรักษาหายยากหรือไม่ก็เสียชีวิต โดยมี ร.ท. จำนงค์ คุณารักษ์ เป็นคนไทย ที่มียศเป็นทหารญี่ปุ่นซึ่งมีฉายาเจ้าพ่อหินดาด และเป็นคนที่ซากิไว้วางใจให้มาทำงานให้ด้วย

ในเวลานั้นคือช่วงสงครามโลก ทางรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม เซ็นสัญญาร่วมกับมหามิตร ญี่ปุ่น เมื่อญี่ปุ่นบุกขึ้นที่บางปูและตามแนวชายฝั่งทะเลภาคใต้หลายจังหวัด ในขณะที่ข้าศึก ในความหมายของคนไทยขณะนั้นก็คือสหรัฐฯ และบรรดาประเทศคู่สงครามของญี่ปุ่น นาคเล่าเรื่องของบาอ่อง ญาติของเขาที่อพยพมาอยู่หมู่บ้านเกริงทอและคอยดูแลความสงบในเขตนี้ และตอนนี้ก็มีข่าวล่าสุดว่ามีญี่ปุ่นส่งพลร่มแอบโดดลงมากลางป่าหุบเขาเกริงทอกลุ่มลูกบ้านของบาอ่อง ซึ่งเป็นหัวหน้าชาวมอญที่อาศัยอยู่แถบนี้ ออกตามล่าตัวอยู่

อรินมีโอกาสพบหญิงสาวชาวบ้านคนหนึ่ง ได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืน เขาช่วยชีวิตเธอไว้ และเธอบอกว่าชื่อดอกไม้ ด้วยความรู้สึกสงสารและประทับใจบางอย่าง ทำให้เขาเก็บเรื่องนี้เป็นความลับเขาไม่รู้เลยว่าแท้จริงดอกไม้ แสนสวยผู้นี้ไม่ใช่สาวชาวไทย แต่หล่อนคือ เชอรี่ ยามาชิดะ หลานสาวของ นายพันซากิ ที่โดดร่มลงมาและถูกสมุนของ บาอ่องยิงจนบาดเจ็บนั่นเอง!

เชอรี่ประจำอยู่หน่วยสืบราชการลับของ ร.ท. มัตสุคิชิ ฟูจิตะ ที่แม่ฮ่องสอน และถูกเรียกตัวมา แต่การโดดร่มลงมาเมื่อคืนเกิดความผิดพลาด ทำให้ลมพัดหล่อนไปตกที่หุบเขาเกริงทอ อันเป็นเขตของบาอ่องนั่นเอง

เชอรี่แยกทางจากเขาไปหลังจากที่หล่อนหายดี แต่กระนั้นความรู้สึกผูกพันของสองหนุ่มสาวก็เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว และสิ่งที่เชอรี่ไม่รู้ก็คือ อรินเป็นเสรีไทยที่ปลอมตัวเข้ามาสืบหาข้อมูลการตั้งฐานทัพย่อยของญี่ปุ่นที่เกิดขึ้นบนหุบเขาเกริงทอนั่นเอง

ในเวลาเดียวกัน ชายหนุ่มแปลกหน้าอีกคนหนึ่งก็เข้ามาในเขตหมู่บ้านเกริงทอเช่นกัน เขาคือ ยอดดวง อรรถโยธิน และยอดดวงเองก็สงสัยกับท่าทีแปลกๆ ของอริน จนทำให้เขาต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด

อรินรู้ความจริงเรื่องเชอรี่ เมื่อเขาเดินทางกลับเข้ามาพระนคร เพื่อส่งข้อมูลให้กับหน่วยกลาง และแวะไปเที่ยวยังหยาดฟ้าภัตตาคารหรือห้อยเทียนเหลาบนถนนเสือป่า และพบกับ ‘ดอกไม้’ อีกครั้ง ในสภาพของนักร้องสาวเสียงทอง หากหล่อนได้รับการแนะนำว่าชื่อ เชอรี่ ยามาชิดะ!

ยอดดวงเองก็ทำงานให้กับเสรีไทย ทำงาน ‘ไทยถีบ’ ร่วมกับเพวกเสือหลายกลุ่มที่ต่างเลิกชีวิตปล้นฆ่า หันมาประกอบอาชีพใหม่และช่วยตัดกำลังของฝ่ายศัตรูบ้านเมือง ด้วยนิสัยชอบผจญภัย งานที่ผ่านมาคือการปีนป่ายรถไฟแล้วถีบสิ่งของลงมา ก่อนจะหันมาทำงานใต้ดิน ที่ค่ายพนมทวน และจับตาดูอรินที่เข้ามายังหมู่บ้านเกริงทอด้วยความสงสัย ตราบจนกระทั่งทั้งคู่ได้มีโอกาสส่งรหัสลับต่อกัน จึงได้รู้ความจริงว่าทั้งยอดดวงและอรินต่างก็ทำงานให้กับเสรีไทยเช่นเดียวกัน

เรื่อง : แสงเพลิงที่เกริงทอ

ผู้เขียน : ภราดร ศักดา

สำนักพิมพ์ : ศิลปาบรรณาคาร

ปีที่พิมพ์ : 2538

เล่มเดียวจบ

เรื่องราวใน แสงเพลิงที่เกริงทอ สะท้อนภาพเหตุการณ์สะเทือนอารมณ์ที่เกิดขึ้นกับเชลยศึกในช่วงสงครามโลกผ่านสายตาของสองหนุ่ม แต่ในขณะเดียวกันก็แทรกผ่านเรื่องราวความรักระหว่างรบที่เกิดขึ้นอย่างสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นรักระหว่างหนุ่มไทยกับสาวมอญ อย่างคู่ของยอดดวงและสุมังสา ลูกสาวคนเดียวของบาอ่อง ที่เป็นความรักสดใสของสาวน้อย ที่มีทั้งแง่งอนและอ่อนหวาน หรือเป็นความรักที่ต่างเชื้อชาติและอุดมการณ์ของ เชอรี่ ยามาชิดะ กับอริน ที่ต้องฝ่าฟันจนกระทั่งมีลูกตัวน้อยร่วมกัน และแทบจะเดิมพันความรักนั้นด้วยชีวิต

แสงเพลิงที่เกริงทอ ดำเนินมาถึงจุดสิ้นสุดเมื่อญี่ปุ่นแพ้สงคราม และการประกาศของจักรพรรดิฮิโรฮิโต เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2488 ในช่วงเดียวกับที่อรินและยอดดวงร่วมมือกันเตรียมระเบิดทำลายสะพานข้ามช่องเขาเกริงทอ และเกิดการต่อสู้กันเกิดขึ้น โดยจำนงค์ที่อยู่ฝั่งญี่ปุ่นและยังไม่รู้เรื่องการยุติสงคราม พยายามเข้ามาขัดขวาง แต่ในที่สุดการทำลายสะพานก็สำเร็จ แม้จะสูญเสียชีวิตเพื่อนร่วมอุดมการณ์ไปบ้างก็ตาม

การพ่ายแพ้ครั้งนี้ทำให้นายพันซากิรับไม่ได้ เขาจับตัวยอดดวงและอรินไปยังถ้ำเขาเกริงทอ โดยที่เชอรี่เองได้อุ้มลูกน้อยตามมาด้วย การเผชิญหน้าครั้งสุดท้าย ซากิตั้งใจจะสังหารทุกคน แต่เมื่อเห็นสายตาบริสุทธิ์ของเด็กน้อยในอ้อมกอดของเชอรี่ เด็กที่เป็นหลานโดยสายเลือดของเขา นายทหารผู้พ่ายแพ้ก็ไม่อาจทำได้

 “เราต่างทำหน้าที่ของแต่ละฝ่าย เพราะเรายืนกันคนละมุม ขณะนี้ แกยืนอยู่ในมุมของผู้ชนะ สวนฉันสิ ฉันยืนอยู่ในมุมของผู้แพ้ แต่ที่ฉันไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ เพราะบัดนี้ เราคนญี่ปุ่นไม่เหลืออะไรแล้ว ลูกระเบิดปรมาณูลงที่ฮิโรชิมากับเมืองนางาซากิ อำนาจร้ายแรงของมันเกือบจะละลายเมืองทั้งเมืองไปในชั่วพริบตา โดยเฉพาะฮิโรชิมา บ้านเกิดของฉัน ถ้าเป็นแกล่ะ แกจะต้องรู้สึกเช่นเดียวกับฉัน!”

อรินมองสบตา นายทหารญี่ปุ่นอย่างเห็นใจ รู้ถึงความสูญเสียอันยิ่งใหญ่

และแล้วพันเอกซากิ ก็ตัดสินใจครั้งสุดท้ายในชีวิต

 ด้ามดาบถูกมือกำยำกำไว้มั่นคงอีกครั้ง ปลายของมันจรดอยู่ที่ผิวหน้าท้อง ปลายดาบถูกแรงกดตามความรู้สึก

“ลาที โลกที่ไม่เหมาะสำหรับข้า แต่มันเหมาะสำหรับพวกขี้ขลาดตาขาว ขอให้วิญญาณบรรพบุรุษจงมารับรู้ด้วยเถิดว่าข้าได้ทำหน้าที่ของคนในตระกูลอย่างกล้าหาญแล้ว”

ความเจ็บปวดบังเกิดขึ้น เมื่อปลายดาบยิ่งกดแรง และเริ่มคว้านไปตามหน้าท้อง เลือดเริ่มไหลออกมา จิตใจของเขายังมั่นคง ไม่หวั่นไหวกับความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วทุกขุมขน ความมุ่งมั่นในสิ่งที่กระทำขึ้น ดูเหมือนจะเป็นประกาศิตเหนือกว่าอำนาจใดๆ

 อาทิตย์เริ่มฉายแสง ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าวิญญาณของพวกเขาที่ตายไปนั้น เมื่อพระอาทิตย์ฉายแสงขึ้นมาใหม่ วิญญาณเหล่านั้นจะกลับมาเกิดอีก!

การฮาราคีรีบรรลุผล!

และแล้ว สงครามอันเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ก็ถึงกาลสิ้นสุด ยอดดวงกับเสรีไทยส่วนหนึ่ง สามารถปฏิบัติงานจนเสร็จสิ้น ทหารญี่ปุ่นที่เฝ้าป้อมปืนบนหุบเขาเกริงทอยินยอมปลดอาวุธ และหนุ่มสาวทั้งสี่ชีวิตที่หวังว่าสิ่งเลวร้ายเหล่านี้จะไม่บังเกิดขึ้นอีกต่อไปในอนาคต ภราดร ศักดา ได้จบ แสงเพลิงที่เกริงทอ ด้วยประโยคที่เป็นข้อคิดที่ว่า

สงครามจบสิ้นลงแล้วเช่นเดียวกับแสงเพลิงเหนือเกริงทอก็มอดดับลง แต่ชีวิตของคนที่เหลืออยู่ยังไม่จบ และจะต้องเป็นไปสุดแต่ความดีความชั่วชักนำไป ความสงบที่แท้จริงจะเกิดชึ้นได้ก็ต่อเมื่อสงครามในจิตใจของคนจะหมดลง

ปัจฉิมลิขิต : สำหรับภาพต่างๆ รวมถึงรูปของผู้ประพันธ์ นำมาจากภาพประกอบในหนังสือนวนิยายเรื่องนี้ครับ

สนับสนุนอ่านเอาด้วยการสั่งซื้อหนังสือ “ในสวนอักษร” คลิกที่นี่
Don`t copy text!