ใบไม้เปลี่ยนสี

ใบไม้เปลี่ยนสี

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้ครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

****************************

หลายคนคุ้นเคยกับผลงานนวนิยายเรื่องยาวของนักเขียนศิลปินแห่งชาติ กฤษณา อโศกสิน เป็นอย่างดี ผลงานของท่านนับร้อยเรื่องที่โลดแล่นในบรรณพิภพและหลายเรื่องก็นำไปสร้างเป็นภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ที่หลายคนรู้จักกันดีอย่าง น้ำผึ้งขม ระฆังวงเดือน ตะวันตกดิน รากแก้ว กระเช้าสีดา หรือเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย และบางท่านก็อาจจะมีโอกาสได้ลิ้มรสชาติ ผลงาน ในแนวเรื่องสั้นของท่าน อย่างเรื่องล่าสุด ‘มิสซิสลาเวนเดอร์กับมิสเตอร์ดนัย’ ที่รวมอยู่ในเรื่องสั้นชุด ‘ในสวนอักษร’ ของอ่านเอา ที่เพิ่งตีพิมพ์ออกมาเมื่อกลางปี 2563 นี้

หากบนเส้นทางอันยาวไกลของถนนสายอักษร ก่อนจะมาถึงนวนิยายเรื่องยาวต่างๆเหล่านี้ คุณกฤษณา อโศกสิน ได้เริ่มต้นงานเขียนด้วยบทกลอนตั้งแต่เป็นนักเรียนโรงเรียนราชินี และเขียนเรื่องสั้นลงใน ไทยใหม่วันจันทร์ โดยใช้นามปากกาว่ากัญญ์ชลา ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2493 โดยได้รับรางวัลจากการเขียนเรื่องสั้น ลงพิมพ์ในนิตยสาร สตรีสาร คือ ‘เมื่อฉันเสียดวงตา’ ซึ่งได้รวมเล่มอยู่ใน ใบไม้เปลี่ยนสี เล่มนี้ด้วยเช่นกัน

รูปสามนักเขียนเอก จากนิตยสารสกุลไทย สีฟ้า ทมยันตี และ กฤษณา อโศกสิน

ใบไม้เปลี่ยนสี จึงเป็น หนังสือที่รวมเรื่องสั้นในระยะแรกๆ ของงานเขียนของท่านไว้นับสิบกว่าเรื่อง อันนับเป็นเสมือนหมุดหมายแรกบนถนนสายวรรณกรรม ก่อนจะก้าวขึ้นมาสู่การเขียนผลงาน นวนิยายที่โดดเด่น ทั้งในแนวชิวิต และแนวอื่นๆ ในเวลาต่อมา ซึ่งผมจะขอกล่าวถึงเฉพาะบางเรื่องที่รวมอยู่ในหนังสือเล่มนี้

‘ใบไม้เปลี่ยนสี’ เป็นเรื่องสั้นๆ ที่ตัวละครในวัยปลาย เขียนจดหมายถึงกัน บอกเล่าถึงความเป็นไปในชีวิตตั้งแต่อดีต และเมื่อเวลาผันเปลี่ยนไป โดยเปรียบเทียบกับฤดูกาลแห่งชีวิต ที่เริ่มต้นด้วยวัยฤดูใบไม้ผลิ ไปจนสู่ฤดูใบไม้ร่วงและปลายทางในฤดูหนาว

“ฤดูใบไม้ร่วงมีความงามตามแบบฉบับของมันฉันใด หญิงชายในวัยโรยก็มีความงามสง่าตามแบบฉบับแห่งวัยของเขาฉันนั้น”

แม่ม่ายมัสลิน แบ่งเป็นสองตอน ตอนแรกชื่อ ความหลัง กล่าวถึงการเดินทางท่องเที่ยวทะเลของสี่สาว มัสลิน แสนหวี สุมิตรา และพิมพิกา ณ ที่ชายหาดแห่งนั้นเองที่มัสลินได้รู้จักกับ ‘นายดำ’ ชายหนุ่มผิวดำร่างสูงใหญ่ใจอารี ผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือ สตาร์ทเรือให้ และทำให้หล่อนกับเขาได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในเวลาต่อมา ก่อนที่มัสลิน จะกลับมาที่หาดแห่งนี้อีกครั้งพร้อมเพื่อนๆ ภายหลังจาก ที่สามีสุดที่รักเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ หลังแต่งงานกับเธอได้แค่ปีเดียว ในตอนที่สอง เป็นเรื่องราวของเธอเมื่อใช้ชีวิตแม่ม่าย และมีชายหนุ่มมากหน้าหลายตา เข้ามาติดพัน ‘กระดังกลิ่นหอม’ ดอกนี้ รวมถึง ศุกล ชายหนุ่มทีมีภรรยาอยู่แล้ว เขาบอกเล่าถึงชีวิตครอบครัวที่ล้มเหลว เพื่อหวังให้เธอใจอ่อนสงสาร แต่มัสลินก็รู้ดีว่ามิตรภาพที่เธอให้เขา มีเพียงแค่คำว่าเพื่อน หญิงสาวจึงไม่หวั่นไหว แม้แต่ในเวลาที่เมียของเขาจะโทร.มาหาและอาละวาด จนศุกลต้องอับอายและกลับบ้านไปพร้อมกับภรรยาของตน

ลูกอยู่ไหน จัดเป็นเรื่องสั้นที่อ่านแล้วสะท้อนใจไม่น้อย บอกเล่าชีวิตของคู่สามีภรรยาวัยชรา ที่ยกมรดกทรัพย์สินให้ลูกๆ ไปจนหมด แต่เพราะลูกกลัวจะถูกครหา จึงยอมให้พ่อแม่อาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่ของตนเพียงสองตายาย และตัวเองก็ไปใช้ชีวิตอยู่ที่อื่น รอเวลาให้ทั้งคู่จากไปเพื่อจะได้ขายบ้านเอาเงิน สามีเป็นผู้ป่วยติดเตียง ขณะที่ภรรยาต้องคอยดูแล ป้อนข้าวน้ำ และเขาก็ได้ซื้อโลงศพเอาไว้เผื่อสำหรับตัวเองในอนาคต

โดยที่ทั้งคู่ต่างรอเวลาที่ชีวิตจะดับสูญไป เหลือเพียงความหวังเดียวเท่านั้น

“ลูกของแม่ ลูกที่รักของแม่ แม่ไม่ขออะไรมากมายเลย เพียงขอให้ได้เห็นหน้าลูกก่อนจะตาย ก่อนแผ่นดินจะกลบร่างแม่ ลูกรัก ลูกอยู่ที่ไหน ทำไมไม่มีใครสักคนคิดถึงแม่ คิดถึงพ่อ แม่อภัยให้เจ้าเสมอแม้ว่าจะเคยละทิ้งแม่ แต่ลูกทุกคนก็ยังมีค่าสำหรับแม่ก่อนจะตายไป”

ทว่า ในคืนวันหนึ่ง เมื่อภรรยาเฒ่ากำลังจะขึ้นไปหาสามีชั้นบน นางเดินผ่านโลงศพที่ตั้งไว้แล้วเกิดหมดสติ ล้มลงไปในโลง ศีรษะกระแทกขอบไม้จนเสียชีวิตอยู่ภายในโลงนั้นพอดี

เช้าวันรุ่งขึ้น จึงมีผู้มาศพหญิงชรา และในเวลาเดียวกันร่างของตาเฒ่าบนเตียงนอนก็เสียชีวิตในคืนนั้นเช่นเดียวกัน มันคือการจากไปอย่างน่าอนาถของมนุษย์คู่หนึ่ง ที่ปราศจากลูกหลานจะเหลียวแลใดๆ นอกจากความหดหู่ของผู้มาพบศพทั้งสอง…

ลูกหลาน เป็นนวนิยายแนวรักกระจุ๋มกระจิ๋มของนัทที กับคุณตุ๊ หรือศิวาสาวน้อยวัยสิบแปดปี ที่ผูกพันกันมาตั้งแต่เด็ก แต่นัททีก็ปากหนัก ไม่เคยบอกรักสาวน้อย ทั้งที่บ้านอยู่ติดกัน และครอบครัวทั้งคู่ก็สนิทสนมกันมาก จนกระทั่งการปรากฏตัวของจักร ชายหนุ่มรูปงามที่พาตัวเข้ามาติดพันสาวน้อย และพูดคุยกันอย่างถูกคอ หนุ่มนัททีก็มีอาการอกหักและปากหนักเหมือนเคย จนพาตัวออกห่างจากสาวน้อยและล้มเจ็บลง เมื่อรู้ว่าจักรส่งผู้ใหญ่มาสู่ขอคุณตุ๊ของเขา

ถ้าหากว่าคุณตุ๊จะไม่แวะมาเยี่ยมเยียนและถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง และด้วยความน้อยใจ จนทำให้เขาเผลอหลุดปากประชดออกมา ก็คงไม่รู้ว่าพ่อแม่ของคุณตุ๊ไม่ได้ยกสาวน้อยให้กับเจ้าหนุ่มจักรนั่นเลย เพราะคุณตุ๊มีคู่หมั้นและคนที่เจ้าหล่อนรักอยู่แล้ว

ก็คือตัวของเขานั่นเอง!

 

ทำเองได้ยากจัง เป็นเรื่องที่สอนใจได้อย่างดี เมื่อ ‘ฉัน’ เห็นแม่ ทำโน่นทำนี่ อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะทำกับข้าว ทำขนม หรือแม้แต่การเขียนหนังสือ และทุกครั้งที่เธอเห็นแม่ทำ ลองผิดลองถูกจนกว่าจะเข้าที่ ก็จะคิดเข้าข้างตัวเองว่า “ทุกอย่าง ช่างทำเองได้ง่ายจัง” ไม่เห็นจะยากเหมือนกับที่แม่ทำเลยสักนิด แต่เมื่อถึงเวลาที่ตัวเองต้องหัดทำขนมเค้กสักชิ้น กว่าจะออกมาได้เธอจึงรู้ว่ามันต้องใช้เวลา การเรียนรู้ เพื่อให้ขนมที่ทำออกมา สามารถรับประทานอย่างเอร็ดอร่อย และเข้าถึงความหมายที่แท้จริงว่า ก่อนจะถึง ‘ทำเองได้ง่ายจัง’ มันต้องผ่าน ความยากลำบาก มาก่อนทั้งสิ้น

ฉันไม่เคยนึกดอกว่า ทุกครั้งที่ฉันขอเงินแม่ แม่เอาความเหนื่อยจากสมองส่งให้ฉัน แต่เจ้าเค้กอันที่ทำให้ฉันเหงื่อท่วมตัวเป็นครั้งแรกนี่เชียว สะกิดให้ฉันลังเล หากจะเขียนอะไรสั้นๆ สักสองสามหน้ากระดาษ ฉันยังจะยืนกรานว่า ง่าย อีกหรือไม่

 

แล้วแม่ก็กินเค้กฝีมือฉันอย่างเอร็ดอร่อย

“แข็งมั่งก็จะเป็นไรไป ทุกอย่างเริ่มทำจะให้ดีอย่างใจเห็นจะไม่มี มันต้องค่อยๆ ทำ ค่อยๆ ดี”

“ทำเองก็ได้ แต่…” ฉันลากเสียงยาวพลางส่ายหน้าเหนื่อยๆ “ยากจังค่ะ”

“นั่นแหละ มันเป็นที่มาของคำว่า ทำเองก็ได้ ง่ายจังล่ะ”

เรื่องพรานผู้ดี เรื่องสั้นสะท้อนชีวิตครอบครัวเรื่องนี้ บอกเล่าถึง คู่สามีภรรยา บารนีกับโอปอล์ ที่แต่งงานกันมาระยะหนึ่ง ก่อนที่หล่อนจะพบว่ามรกต น้องสาวตัวเองตั้งครรภ์ และพ่อของเด็กในท้องของมรกต ก็คือบารนี สามีของตัวเธอนั่นเอง!

โอปอล์แค้นใจน้องสาวเมื่อรู้ความจริงอันเจ็บปวด และตัดสินใจไม่ได้ว่าตัวเธอ ควรจะเป็นฝ่ายจากไปเอง หรือขับไล่ไสส่งน้องสุดที่รักให้ไปจากครอบครัวของเธอ แต่แล้วบารนีก็เป็นฝ่ายเข้ามาชี้แจงเหตุผลที่เกิดขึ้นทั้งหมด เขาบอกว่า เขาต้องการลูก ซึ่งโอปอล์ไม่สามารถมีบุตรให้กับเขาได้ และมรกต ซึ่งเป็นน้องสาวของเธอก็เหมาะสมที่สุด เขาบอกกับเธอว่าเขายังรักเธอเพียงคนเดียว เท่านั้น

“ถ้าอย่างนั้น มรกตก็เป็นเพียงเครื่องมือชิ้นหนึ่งสำหรับผลิตลูกให้เธอเท่านั้นน่ะสิ”

เขาก้มศีรษะรับอย่างหนักแน่น โอปอล์รู้สึกทั้งสังเวชใจแม้จะรู้สึกถึงความมีชัยของตัวเอง หล่อนยื่นคำขาดให้มรกตพักอยู่ยังอีกเรือนหนึ่งแยกจากเธอ และนั่นก็ทำให้บารนีกับโอปอล์ไม่ต้องหย่าขาดจากกัน เหมือนกับที่หล่อนคิดไว้แต่แรก

และเมื่อส่งโอปอล์เข้าห้องแล้ว เขาก็ตรงไปกระซิบกับมรกตที่นอนอยู่ในอีกห้องหนึ่งด้วยคำหวานเช่นเดียวกัน

ดวงตาของมรกตก็วาวขึ้นด้วยความปิติภาคภูมิในความรักของเขา ที่บอกหล่อนว่าได้มอบให้หล่อนเพียงคนเดียว ทั้งนี้โอปอล์จะรู้ได้อย่างไร มรกตเป็นเพียงเครื่องเล่นชิ้นหนึ่งของบารนี เท่านั้นหรือ หามิได้!

เพราะทั้งหล่อนและมรกตนั่นแหละ ที่เป็นเครื่องเล่นของเขา!

สำหรับเรื่องสุดท้ายที่จะขอนำมากล่าวถึงในครั้งนี้ก็คือเรื่องสั้น เมื่อฉันเสียดวงตา ซึ่งเป็นเรื่องสั้นเรื่องแรกที่ทำให้นักอ่านหลายท่านรู้จักผู้เขียน และเป็นเหมือนหมุดหมายสำคัญ ก่อนจะไปสู่งานเขียนนวนิยายของท่าน

เมื่อฉันเสียดวงตา บอกเล่าถึงชีวิตรันทดของลาวัณย์ หญิงสาวที่เคยคิดว่าตนเองโชคดี เมื่อได้แต่งงานกับชัยพร ชายหนุ่มรูปงามและมีฐานะ จนมีลูกเป็นพยานรักด้วยกันถึงสองคน คือ ตาอู๊ดกับยายน้อย ชัยพรรักเธอมาก

ผู้เขียน : กฤษณา อโศกสิน

สำนักพิมพ์ : บันดาลสาส์น

ปีที่พิมพ์ : 2518 (พิมพ์รวมเล่มครั้งแรก)

เล่มเดียวจบ

เขาเคยชมว่าดวงตาของฉันงามนัก งามยิ่งกว่าดวงดาวบนท้องฟ้า เขามักจะจูบตรงนัยน์ตาของฉันอย่างทะนุถนอม และกระซิบว่า “ลาวัณย์ เธอรู้ไหมว่าเธอมีดวงตาที่ทำให้ฉันหลงใหลที่สุดนัยน์ตาของเธอทำให้ฉันต้องสัตย์ซื่อต่อเธอ คนเดียวตลอดชาตินี้” และฉันก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจในคำกล่าวของเขา

แต่แล้ว แปดปีต่อมา ทุกอย่างก็พังครืนลงมาหมดสิ้น เมื่อลาวัณย์ประสบอุบัติเหตุจนนัยน์ตาบอด จากนั้นครอบครัวของเธอก็ล่มสลาย เมื่อเขาพาสอางค์ ภรรยาคนใหม่เข้ามาในบ้าน และลาวัณย์พยายามอดทน ตราบจนกระทั่งถึงวันที่เขามาบอกว่า จะส่งเธอให้ออกจากบ้านนี้ไปอยู่ยังโรงเรียนสอนคนตาบอดแทน และเมื่อนั้น ความโทมนัสของเธอก็มาถึงจุดสิ้นสุด เมื่อตระหนักถึงความจริง

แปลกใจที่ฉันไม่มีความเคียดแค้นในชัยพรและภรรยาของเขาอีกต่อไป ฉันปราศจากความอาลัย ฉันยิ้มขณะที่จะขึ้นรถ ยิ้มอย่างแช่มชื่นที่สุด ฉันเพิ่งนึกได้เองในขณะนั้นว่า

ชัยพร มิได้รักฉันเลยแม้แต่แรกที่เราได้รู้จักกัน เขารักดวงตาของฉันต่างหาก เมื่อฉันหมดดวงตาเขาก็หมดรักฉันเท่านั้นเอง น่าแปลกที่ฉันอยู่กับชายที่ไม่ได้รักฉันเลยมาถึงแปดปี ต่อไปนี้ฉันรู้สึกเหมือนว่า มีตาอันแจ่มใส หลังจากที่ได้บอดสนิทมาเป็นเวลาถึง 8 ปีเต็มแล้ว จากนี้ตาของฉันจะไม่บอดอีกต่อไป ด้วยการไปสู่ยังที่ซึ่งรักและต้องการฉันอย่างแท้จริง!

 หลายสิบเรื่อง ในชุด ใบไม้เปลี่ยนสี เล่มนี้ มีความหลากหลายเรื่องราวในชีวิต ทั้งสะท้อนภาพปัญหาในครอบครัว สะท้อนความรู้สึกตัวละครต่างๆ กัน ทั้งมนุษย์ และสัตว์ (เรื่องบิวตี้) ที่นักอ่านสามารถอ่านแต่ละเรื่องได้อย่างเพลิดเพลินและได้ข้อคิดประกอบกัน ผมไม่แน่ใจว่ารวมเรื่องสั้นชุดแรกๆ เหล่านี้ มีการนำมาพิมพ์รวมเล่มเพิ่มเติมหรือไม่ แต่อย่างน้อยที่สุดก็ทำให้เห็นว่า เส้นทางนักประพันธ์ผู้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ของ กฤษณา อโศกสิน เดินทางมาอย่างยาวไกล และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิต ตั้งแต่ช่วงต้นๆ ของท่านจากบรรดาเรื่องสั้นเหล่านี้ ไปจนถึงเรื่องสั้นล่าสุด ที่มีโอกาสได้อ่านคือ ‘มิสซิสลาเวนเดอร์ กับมิสเตอร์ดนัย’ ที่นับวันยิ่งเพริศแพร้ว ด้วยรสภาษาแห่งวรรณศิลป์อันเจิดจรัสยิ่งในปัจจุบัน

Don`t copy text!