จากนี้… จนสิ้นใจ

จากนี้… จนสิ้นใจ

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้นครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

****************************  

สารภาพว่า ผมไม่เคยอ่านงานของ ‘วาสนา’ มาก่อน รู้แต่เพียงว่า ท่านเป็นนักเขียนนวนิยายในอดีตที่มีผลงานเป็นจำนวนมาก และส่วนหนึ่งก็นำไปสร้างเป็นละครโทรทัศน์อีกด้วย ผมมีโอกาสได้สอบถามจาก คุณปิติ วิริยะ เกี่ยวกับประวัติของ ‘วาสนา’ และท่านก็ได้กรุณาให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้เขียนสำหรับนำมาลงเพื่อความสมบูรณ์ของงานเขียนชิ้นนี้ ซึ่งผมต้องขอขอบคุณคุณปิติ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยครับ

วาสนา คือนามปากกาของ คุณวาสนา ชุมสินเรืองฤทธิ์ ท่านเกิดเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2492 ที่กรุงเทพฯ จบการศึกษาระดับมัธยมปลายจากโรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย เมื่อเรียนจบก็หางานทำทันที เพราะต้องส่งน้องอีกสองคนเรียนต่อ ได้งานทำที่แรกที่บริษัทฮอนด้า ระหว่างทำงานก็ได้เรียนภาคค่ำไปด้วย โดยเน้นที่ภาษาอังกฤษและบัญชี เพราะต้องทำงานกับฝรั่ง จนถึงตำแหน่งงานสุดท้ายคือหัวหน้าแผนกบัญชีและการเงินที่ศูนย์บริการโตโยต้า และตลอดเวลาที่ทำงาน ก็ได้เขียนหนังสือไปด้วย

ท่านเริ่มงานเขียนครั้งแรกตั้งแต่เรียนที่โรงเรียน เพราะมีความฝันอยากเป็นนักเขียน โดยเขียนนิยายให้เพื่อนๆ อ่านก่อน ใช้นามปากกาว่า ‘วาสนา’ ต่อมา มีผลงานได้ลงในนิตยสาร ดรุณี เป็นครั้งแรก ในเรื่อง มาลัยรัก ต่อด้วย ผลงานที่นักอ่านหลายคนรู้จักกันดี คือ เหมือนคนละฟากฟ้า ซึ่งถูกซื้อไปทำละครช่องห้าโดยรัชฟิล์ม และช่องสาม ซึ่งได้รับความนิยมสูงมาก นอกจากนี้ยังมี เรื่อง ไฟสุมขอน ที่สร้างเป็นละครช่องสามในชื่อ ‘ไฟริษยา’ และเรื่อง ‘สุดปรารถนา’ ก็นำไปสร้างเป็นภาพยนตร์โดยค่ายไฟว์สตาร์ นำแสดงโดย คุณจารุณี สุขสวัสดิ์ และ คุณไกรสร แสงอนันต์ และยังมีผลงานเรื่องอื่นอีกมากมายที่มีผู้ซื้อไปสร้างเป็นละคร ไม่ว่าจะเป็น สายธารหัวใจ เมื่อเราพบกัน หรือ จากนี้… จนสิ้นใจ ที่ผมนำมาเขียนถึงในบรรณาภิรมย์ เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ ท่านยังมีผลงานในรูปแบบพ็อกเก็ตบุ๊กที่สำนักพิมพ์บงกชยาวนานมากว่า สามสิบปี จนเกษียณก็ยังเขียนต่อเนื่องเรื่อยมา และปัจจุบันก็กำลังเพลิดเพลินกับการนำนิยายขนาดสั้นและยาวที่เขียนมากว่าสองร้อยเรื่อง ทยอยลงขายในรูปของอีบุ๊ก

เมื่อมีโอกาสหยิบ ‘จากนี้… จนสิ้นใจ’ ขึ้นมาอ่านเป็นครั้งแรก พร้อมกับคิดว่า จากชื่อของเรื่องน่าจะเป็นนวนิยายแนวโศกนาฏกรรม พลัดพราก ของความรักที่สะเทือนอารมณ์ แต่ฉากแรกที่เปิดตัวละครเอกสองคน ก็ทำให้ผมรู้ทันทีว่าเข้าใจผิดไปเสียแล้ว

 

นนทยา พนักงานบริษัทสาว และเจตน์ เพื่อนสนิทที่มาติดพันเธอ รวมถึงดวงใจและเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ มาร่วมงานเลี้ยงของคุณนวลจันทร์ ผู้อำนวยการสาวใหญ่วัยใกล้เกษียณ และนั่นเองที่ทำให้เธอได้รู้จักชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งที่มีชื่อว่า ภรถ วราศัย เขาเดินทางมาพร้อมกับนวลจันทร์ และใครๆ ต่างก็ซุบซิบนินทากันอย่างสนุกปากว่าเขาคือแมงดาปีกทอง ที่คอยเกาะสาวใหญ่อย่างนวลจันทร์ให้คอยเลี้ยงดูอุปการะ!

ภรตไม่เคยแคร์สายตาของใครรอบข้าง แต่แล้วเมื่อเห็นสายตาของสาวน้อยคนหนึ่งที่มองมายังเขา มันทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตัวชาขึ้นมาด้วยความรู้สึกบางอย่าง ทั้งความละอาย ความเกลียด และความสงสัย ทั้งที่ผู้หญิงคนนั้นเป็นเพียงลูกน้องของนวลจันทร์เท่านั้นเอง และไม่เคยรู้เลยว่าสิ่งนั้นจะนำพาให้เขา ได้เข้าไปผูกพันรู้จักกับเธอในเวลาต่อมา…

นนทยารู้สึกรังเกียจผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรกเห็น หญิงสาวกลับมาที่บ้านของตัวเอง ที่มีนายธรรมนูญ บิดาซึ่งเป็นผู้ป่วย และยังมีหลานสาวตัวเล็กๆ ที่เกิดจากนัฎฐา น้องสาวใจแตก ซึ่งหาโอกาสออกไปเที่ยวเตร่ตลอดเวลา สร้างภาระให้กับเธอเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด เห็นจะมีเพียงเจตน์ เท่านั้นที่เข้าใจเธอดีที่สุด แต่นนทยาก็รู้ว่าความรู้สึกที่มีให้กับชายหนุ่มแสนดีผู้นี้มีเพียงความนับถือและความเป็นเพื่อนเท่านั้น

อาการเจ็บป่วยของหลานสาว ทำให้เธอมีโอกาสได้รับความช่วยเหลือจากภรถโดยบังเอิญ และเมื่อคุณนวลจันทร์เกิดล้มเจ็บลงด้วยโรคประจำตัว จนต้องทำงานที่คฤหาสน์ของเธอ นนทยา จึงจำต้องย้ายมาช่วยเหลือทำงานที่นั่น และทำให้เธอได้รู้จักกับครอบครัวของเศรษฐินีผู้นี้

นวลจันทร์มีลูกสาววัยรุ่นสองคน คือนวลแจ่ม และนวลใจ รวมถึง ‘ภรถ’ ที่ไม่ต่างกับเป็นผู้ชายที่เธอซื้อตัวมาคอยบำเรอความต้องการ และอยู่เคียงข้างกับเธออย่างน่าอดสูใจ โดยมีกระท่อมหลังเล็กที่หล่อนสร้างขึ้นภายในอาณาเขตของคฤหาสน์ตัวเอง เพื่อให้เขาอาศัยอยู่ที่นั่น

นวลใจ ลูกสาววัยรุ่นของเธอเองก็มีทีท่าชอบพอและคอยให้ท่ากับเขาอยู่เสมอ จนแม่กับลูกสาวแทบจะมีเรื่องราวทะเลาะบาดหมางกัน ขณะที่ภรถเองกลับวางตัวนิ่งเฉยไม่ได้แสดงท่าทีผิดปกติใดๆ นั่นยิ่งทำให้นนทยารู้สึกเกลียดนิสัยของเขามากขึ้น

ตราบจนกระทั่งเมื่อหล่อนต้องติดตามนวลจันทร์และครอบครัวไปยังหัวหิน และได้พบกับ อธิบดีบุญเหลือและบุญประกอบลูกชายของเขา

คนทั้งคู่จดจำภรถได้ และบุญประกอบที่เข้ามาติดพันนวลแจ่มได้เล่าให้หล่อนฟังว่า เขาและครอบครัวของภรถสนิทกันมาก่อน และตัวเขาเองก็ศรัทธาในชายหนุ่มรุ่นพี่ผู้นั้นมาก

ภรถ วราศัย แท้จริงคือบุตรชายของพระยาทรงพลวราศัย ครอบครัวเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง แต่แล้ว เมื่อเขาเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเอง ตระกูลนั้นก็ตัดขาดเขาออกไปอย่างไม่ไยดี ภรถมีครอบครัว และเมื่อภรรยาเสียชีวิตลง ทิ้งเพียงปักเป้า ลูกสาวคนเดียวที่เป็นดังแก้วตาดวงใจของเขา ทุกอย่างคงจะราบรื่นและมีความสุขตามประสาครอบครัวเล็กๆ ที่อบอุ่น ถ้าหากว่า ปักเป้าจะไม่ล้มป่วยลงด้วยโรคร้าย มะเร็งในเม็ดเลือด!

เขาพยายามขวนขวายหาเงินมารักษาด้วยชีวิตเพื่อยื้อชีวิตแก้วตาดวงใจนี้ แม้จะต้องส่งตัวไปรักษายังต่างประเทศตามคำแนะนำของหมอ และด้วยจำนวนเงินมหาศาลนั่นเอง ทำให้เขาต้องยอมทิ้งเกียรติยศ ทุกอย่าง รวมทั้งศักดิ์ศรีของตัวเอง มาอยู่กับคุณนวลจันทร์ เพื่อแลกกับเงินจำนวนมหาศาล เงินที่คุณนวลจันทร์เองก็ไม่รู้เหตุผลที่เขาจะต้องนำไปใช้ เขาได้แต่เก็บความลับ ความทุกข์นี้เอาไว้ โดยแทบไม่มีผู้ใดล่วงรู้

ความรู้สึกรังเกียจแต่แรกแปรเปลี่ยนไปโดยที่ต่างก็ไม่รู้ตัว เช่นเดียวกับภรถ ที่รู้จักนิสัยใจคอของนนทยามากขึ้น และก่อให้เกิดความประทับใจขึ้นมาทดแทน

Oh my love,for the first time in my life.

My eyes are wide open…

I see the wind, Oh I see the tree…

 

“โอ้ความรัก แรกประจักษ์ ในชีวิต         

หัวใจปิด มานาน กลับขานหา

มองทุกสิ่ง รอบกาย คล้ายวาจา            

แม้ลมพา ยังคิด จิตผูกพัน…”

ในเงื่อนปมความรักที่เขม็งเกลียวมากขึ้น อาการเจ็บป่วยของคุณนวลจันทร์ก็เริ่มทวีขึ้นเช่นกัน แต่แล้วภรถก็เป็นฝ่ายบอกอำลาเธอ เพื่อที่จะไปดูแลปักเป้าที่อเมริกา เมื่อแพทย์ที่นั่นบอกว่า เวลาสุดท้ายในชีวิตของเด็กหญิงผู้น่าสงสารกำลังจะมาถึง เขาเดินทางจากไป พร้อมกับ คำถามที่ค้างไว้กับใครหลายคน…

“ก่อนมาอยู่ที่นี่ ผมก็มักจะถูกถามว่า ทำไมถึงมาอยู่ที่นี พอจะจากไปก็มีคนถามอีกว่า ทำไมถึงไม่อยู่ต่อไป”

“ก็แสดงว่า คุณสร้างแต่คำถาม”

เขาหัวเราะ ความแห้งผากบนลำคอถูจะรื้นขึ้นด้วยโทสะ

“ชีวิตผมมีแต่เครื่องหมายคำถาม แต่ผมจะไม่ตอบใครถ้าไม่อยากตอบ คุณล่ะจะถามอะไรผมไหม เพราะผมเต็มใจตอบคุณ”

นนทยาเองก็เผชิญกับปัญหาชีวิตที่ถาโถมเข้ามา ณัฎฐาทิ้งครอบครัวไปอยู่กับชายคนใหม่อย่างไม่สนใจไยดีใดๆ ส่วนลูกสาวตัวน้อย ภายหลังพ่อที่แท้จริงก็มารับตัวไปอุปการะ เหลือเพียงเธอกับนายธรรมนูญผู้เป็นบิดาเพียงสองคนในบ้านหลังเล็กๆ ที่อยู่ด้วยความเงียบเหงา อ้างว้าง

เจตน์ผิดหวังจากเธอ และตัดสินใจแต่งงานกับดวงใจ เพื่อนสนิทของนนทยา แม้ว่าเขาจะยังห่วงอาลัยอาวรณ์เธออยู่ไม่วาย แต่นนทยาก็ไม่ต้องการให้ดวงใจมาหึงหวง เธอจึงเอ่ยปฏิเสธความช่วยเหลือจากเขา

เรื่อง : จากนี้… จนสิ้นใจ

ผู้เขียน : วาสนา

สำนักพิมพ์ : รวมสาส์น

ปีที่พิมพ์ : 2519

สองเล่มจบ

และแล้ว เมื่อเด็กหญิงปักเป้าสิ้นใจอย่างสงบ ภรถก็เดินทางกลับมาเมืองไทยอีกครั้ง คราวนี้เขาแทบจะไม่มีหัวใจเหลือไว้อีกต่อไป ในเมื่อต้องสูญเสียดวงใจดวงน้อยของเขาอย่างไม่มีวันกลับ พันธนาการต่างๆ ที่เขาเคยมีต่อคุณนวลจันทร์ก็เช่นเดียวกัน เธอและเขาต่างจากกันด้วยดี ในขณะที่เขาใช้ชีวิตอยู่อย่างเหมือนคนไร้จิตวิญญาณ

 

จากนี้… จนสิ้นใจ                   ไม่ขอรักใคร ตราบสิ้นลม

โลกหนอ ก่อรักสม                            แต่ฉันภิรมย์เธอเพียงตา

โอ้รักมักไกลลิบ            ดั่งสิ่งทิพย์สุดเอื้อมคว้า

สุดไขว่สุดสอยมา                             แนบอุราคนภักดี

จากนี้… แม้นมีชีพ                  ไร้ประทีปรักรวี

รักมอดเป็นธุลี                                 ไม่เหลือที่จะรักใคร

และนนทยาก็ได้มีโอกาสพบกับเขาอีกครั้ง และเมื่อนั้นเธอจึงรู้ว่ามีเพียงตัวเองเท่านั้นที่จะทำให้ชีวิตและหัวใจของเขาได้ฟื้นกลับคืนมาเป็นภรถคนเดิมอีกครั้ง และหญิงสาวก็ไม่รีรอที่จะตัดสินใจครั้งสำคัญครั้งนี้ ด้วยความรู้สึกจากหัวใจของตัวเอง!

Don`t copy text!