ไม่มีรักในดวงตา

ไม่มีรักในดวงตา

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้นครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

‘จินตะหรา’ หรือ ‘สราญจิตต์’ เป็นสองนามปากกาของหม่อมหลวงจินตนา นพวงศ์ เจ้าของผลงานเลื่องชื่อที่ทุกคนรู้จักกันดีอย่าง วนาลี ปดิวรัดา แสงสูรย์ เป็นต้น ‘ไม่มีรักในดวงตา’ ฉบับพิมพ์ครั้งนี้น่าจะพิมพ์เป็นครั้งที่สอง เพราะผมเคยเห็นปกฉบับพิมพ์ครั้งแรก ที่เป็นรูปเล่มปกแข็งขนาดเล็ก แต่ไม่ทราบรายละเอียดเรื่องปีที่พิมพ์และสำนักพิมพ์ครับ

ไม่มีรักในดวงตา เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นเรื่องแปล ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเรื่องสั้นของผู้เขียนโดยมีเรื่องแปลผสมอยู่เล็กน้อย คล้ายกับ ‘รักในมุมมืด’ ที่เคยเขียนถึงไปแล้ว แต่ รักในมุมมืด จะมีสัดส่วนของเรื่องแปลจำนวนมากกว่า

สำหรับเรื่องเอกในเล่ม คือ ไม่มีรักในดวงตา เป็นเรื่องราวของความรักของอนิวรรตน์ กับโศรดา ที่เคยมีต่อกันเมื่อสิบปีก่อน ในเวลานั้นอนิวรรตน์เป็นชายหนุ่มเต็มตัวที่กำลังจะไปเรียนต่อ และหลงรักเด็กสาวโศรดา สาวน้อยวัยแรกรุ่น ที่ยังไม่เคยแสดงความรู้สึกออกมาให้เขารับรู้เลยว่า เธอคิดอย่างไรกับเขา

แม้จะน้อยอกน้อยใจที่ต้องไปเรียนต่ออเมริกา และสาวน้อยกลับสนับสนุนให้เขาไป แทนจะที่หึงหวงหรือตัดพ้อ แต่เธอก็ตอบกับเขาอย่างมีความหวัง

“หน้าคุณอนิวรรตน์ ท่าทางคุณอนิวรรตน์อยู่ในโศมาตั้งนานแล้วค่ะ”

ดวงตาของโศรดา เป็นพยานให้เขาเชื่อ เขารักดวงตาคู่นั้นนักหนา นอกจากจะดำสนิทด้วยนิลประกายจรัส เหมือนดาวในท้องฟ้าแล้ว ยังมีแววที่ก่อให้เกิดความหยิ่งในตัวเอง แววตาของโศรดาแสดงแก่เขาอย่างชัดเจนที่สุดเสมอมาว่า ในดวงใจของเธอมีเขาเป็นผู้ครองอยู่แล้วโดยสิทธิขาด

แต่เมื่ออนิวรรตน์ไปอเมริกาแล้วนั่นแหละ เป็นตัวเขาเองที่ทรยศต่อความรักอันแสนบริสุทธิ์ของเด็กสาวคนนั้นอย่างเลือดเย็น!

เขาเล่นพนันจนติดและถอนตัวไม่ขึ้น ยิ่งเมื่อถูกรางวัลใหญ่จนทำให้เป็นเศรษฐีในพริบตา ก็ทำให้เขาเลือกที่จะใช้จ่ายเงินตราอย่างฟุ่มเฟือย ละทิ้งการเรียนที่เคยทุ่มเทมุ่งมั่น และหันไปใช้ชีวิตเสเพลกับสาวผมทองที่พบเจอที่นั่น แม้ว่าจะได้รับจดหมายจากโศรดา ที่บัดนี้เธอเองได้เรียนจบปริญญาตรีแล้ว สายตาของเธอที่สะท้อนผ่านรูปถ่าย ยังบอกถึงความรักต่อเขาอย่างเหลือเกิน แต่มันก็ไร้อิทธิพลใดๆ กับเขาอีกต่อไป ในเมื่อเวลานี้เขามีความรักที่รุ่มร้อนกับสาวตาสีฟ้าผมทอง ที่กำลังแนบข้างอยู่

เขาใส่จดหมายเหล่านั้นใส่หีบและเก็บเอาไว้ในนั้นโดยไม่เคยเปิดออกมาอีกเลย ไม่มีโศรดาในหัวใจ ในความคิด และปราศจากเยื่อใยต่อเด็กสาวคนนั้นอีกต่อไป…

ตราบจนชีวิตเริ่มดำเนินมาถึงจุดต่ำสุด เมื่อเงินหมดลง และทุกอย่างก็วนกลับมาอยู่จุดเดิม เวลาผ่านไปสิบปี เขาหวนนึกถึงเธอขึ้นมาอีกครั้ง อนิวรรตน์เดินทางกลับมาหาโศรดาอีกครั้ง ด้วยความหวังว่าเด็กสาวคนนั้นจะยังรอเขาอยู่ด้วยความรักในดวงตาเหมือนในอดีต…

และเขาก็พบเธอจริงๆ แต่โศรดาในวันนี้ คือความสงบเยียบเย็นไม่มีวี่แววตื่นเต้นยินดีที่ได้พบกับเขาอีกแล้ว ไม่มีแววของความรักประจักษ์แก่ตาอนิวรรตน์เลยสักนิดเดียว เขาอำลาหล่อนกลับไปด้วยหัวใจบอบช้ำปวดร้าวของชายผู้สำนึกผิดที่ไม่มีโอกาสเริ่มต้นอีกแล้ว โดยไม่อาจรู้ว่า เมื่อร่างของเขาลับสายตาไปแล้ว…

เพลง I don’t see me in your eyes any more ยังแว่วมาอีกเป็นหนใหม่ โศรดายิ้มดังจะเยาะ

ความรักของเด็กรุ่นสาวเท่านั้นดอกที่จะโลดแล่นจากหัวใจมาปรากฏในดวงตา แต่รักของเรา ประทับแน่นอยู่เฉพาะในดวงใจเท่านั้น!!

อีกเรื่องในเล่มนี้เป็นเรื่องสั้นขนาดยาวมีชื่อว่า ‘เหมือนฝัน’ เป็นเรื่องราวของเด็กสาวชื่อปวิธ ปรีชา ที่เป็นเด็กสาวอมทุกข์อยู่ตลอดเวลา นอกจากเพราะชีวิตที่เกิดมาอาภัพ ต้องสูญเสียมารดาไปตั้งแต่เด็กแล้ว เมื่อบิดามีภรรยาใหม่ เธอก็ถูกข่มเหงจากมารดาเลี้ยงที่ใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยปอกลอกบิดาเธอจนฐานะยากจนลง ซ้ำยังแอบคบชู้จนถูกจับได้ในภายหลัง

เหตุการณ์นี้เองทำให้บิดาของปวิธเครียดจนเส้นโลหิตในสมองแตกเสียชีวิตลง ทรัพย์สินทั้งหมดที่เหลือก็ตกเป็นของแม่เลี้ยง ปวิธต้องไปอาศัยอยู่กับนมสาย ญาติห่างๆ ที่ช่วยอุปการะ ยิ่งทำให้เธอเติบโตขึ้นมาอย่างขาดความรักความอบอุ่นจนกลายเป็นคนเก็บตัว เคร่งเครียด ใบหน้าหมองคล้ำตลอดเวลา

และเมื่อเป็นสาวน้อย ปวิธก็ต้องครุ่นคิดเปรียบเทียบตัวเองกับเพื่อนเด็กสาวด้วยกันว่าหน้าตาไม่สะสวย จนไม่อยากจะไปร่วมงานลีลาศฉลองพระนครที่กำลังจะจัดขึ้น

 

คืนนั้น เธอมีโอกาสพบกับชายชราผู้อารีคนหนึ่ง ท่านรับฟังความทุกข์ของเธอ รวมถึงรับรู้ความรู้สึกลึกๆ ที่ปวิธมีต่อนายแพทย์ปริวรรต หมอหนุ่มที่เพิ่งกลับมาจากเมืองนอก และมีบุคลิกท่าทางที่ประทับใจ ไม่ต่างกับบิดาที่จากไปแล้ว

ชายชรารับฟัง ปลอบใจ จนปวิธคลายความทุกข์ เขาแนะนำให้เธอกลับไปในงาน โดยสวมหน้ากากแมวที่เขาให้ ทำให้เด็กสาวเริ่มมีความมั่นใจในตัวเองกลับคืนมาอีกครั้ง

และแล้วในงานลีลาศนั้นเอง เธอก็ได้พบกับหมอปริวรรต เขาเป็นฝ่ายเดินเข้ามาเพื่อขอเธอเต้นลีลาศด้วย เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นเหมือนความฝันที่แสนสุข เมื่อได้อยู่ในอ้อมแขนของหมอปริวรรตที่เด็กสาวแอบชอบมาโดยตลอด แต่แล้วความฝันนั้นก็สลายวับ เมื่อถึงเวลาต้องเปิดไฟ ถอดหน้ากาก ปวิธพยายามเลี่ยงออกมา แต่ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อหมอปริวรรตปลดหน้ากากของเธอออกจากใบหน้าของตน

ปวิธพยายามจะหนีออกไปด้วยความอับอายอดสู แต่หมอปริวรรตนั่นเอง ที่พาเธอให้มาดูกระจก และเขาอยู่เคียงข้างกับเธอ

เมื่อปวิธลืมตา มองผ่านบานกระจกเงาใบนั้น เธอจึงมองเห็นความจริงของใบหน้า ว่ามันคือเด็กสาวที่งดงาม รอยฝ้า รอยย่นนัยน์ตาดำโปนนั้นเลือนหายไปหมดสิ้น เพราะความเคร่งเครียดต่างๆ ที่เคยสะสมมาจางหายไปหมดแล้ว

“ทำไมรอยฝ้าบนหน้าของดิฉันถึงหายไปได้”

“เมื่อมันเกิดขึ้นเพราะจิตใจทุกข์ทรมาน มันก็ย่อมจะหายได้เมื่อใจเราเบิกบาน การคิดมาและอัดอั้นความรู้สึกต่างๆไว้ในใจมากเกิน เป็นโทษอย่างยิ่ง มันทำลายความสุขสมบูรณ์ของร่างกายของเราอย่างยากจะหาเยียวยาให้หายได้ยาก คุณต้องจำไว้ ปล่อยใจให้สนุกสนาน อย่าหมกมุ่นในวิธีใดให้มาก รู้ไหมว่าเพราะคุณได้ระบายอารมณ์ออกมาได้สิ้นเมื่อตอนหัวค่ำ และการได้พักผ่อนหย่อนใจ สนุกสนานตามความต้องการของใจเองนั่นแหละ เป็นโอสถขนานวิเศษที่รักษาคุณให้หายจากโรคร้ายที่ควบคุมคุณอยู่ตลอดเวลาได้”

และเมื่อนั้นเองที่ปวิธจำได้แล้ว ว่าชายชราผู้อารีที่ปลอบประโลมและให้กำลังใจแก่เธอคนนั้น ก็คือหมอปริวรรตที่สวมหน้ากากเป็นชายชรานั่นเอง!

 

เรื่อง : ไม่มีรักในดวงตา

ผู้เขียน : จินตะหรา

สำนักพิมพ์ : บรรณาคาร

ปีที่พิมพ์ : 2522

เล่มเดียวจบ

สำหรับเรื่องสุดท้ายที่นำมาเสนอผู้อ่าน คือ ‘สิ่งซึ่งสละแล้ว’ เรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นสะท้อนชีวิตคู่ของรัจนา หรือน้อย หญิงสาวที่เชื่อมั่นในความรักของตัวเอง กับวีรุตม์ ชายหนุ่มเสเพล ที่เธอมีประวัติโชกโชน และแม้ว่าบิดากับยายนิด น้องสาวจะพยายามห้ามปรามสักเพียงใด แต่รัจนาก็ยังดื้อดึง เชื่อมั่นว่าเธอเองจะใช้พลังของความรักเอาชนะวีรุตม์ได้สำเร็จ

และรัจนาก็ตั้งครรภ์กับเขา จนทำให้บิดาต้องยอมให้เธอแต่งงานกับเขาและออกไปใช้ชีวิตคู่ผัวเมียกันสองคน ตามความต้องการของเธอ

ความสุข ความรักฉายแสงอบอุ่นกราดอยู่ทั่วบริเวณบ้านน้อยปลายนาย ดุจดวงอาทิตย์ที่โคจรมาพบจุดสูงสุดในท้องฟ้าเวลาเที่ยงวัน และค่อยอ่อนแสงอ่อนร้อนลงทีละน้อย กระทั่งถึงขอบฟ้า เป็นเวลาตะวันอำลาโลก

เมื่อสองปีผ่านไป รัจนาก็ได้เผชิญกับพลบค่ำของความรัก!

วีรุตม์ลาออกจากงาน เมื่อเขาไม่อยากทำงานอีกต่อไป และถลุงเงินที่รัจนาเคยสะสมเอาไว้อย่างไม่แยแส ไปใช้ชีวิตเสเพลกับนรี หญิงสาวคนใหม่ ขณะที่เธอต้องทำงานงกๆ เมื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว

รัจนายอมสละความรักของพ่อมา เพื่อหวังรักอมตะของวีรุตม์ แต่ก็ไร้ผล เขาไม่ได้ตระหนักในคุณค่าการเสียสละของภรรยาเลย เพราะได้มาโดยง่าย โดยไม่ต้องขวนขวาย รัจนาต่างหากที่ตลอดเวลาเป็นฝ่ายดิ้นรนทุกอย่าง เพื่อให้ได้ซึ่งชายที่เธอรัก และบัดนี้ได้ผลตอบแทนที่สาสมใจแล้ว

รัจนาไม่ได้ร้องไห้กับใคร อกของพ่อ ไม่ใช่ที่ที่รัจนามีสิทธิ์เข้าไปซบอีกแล้ว น้ำตาอาจมีประโยชน์เพื่อระบายทุกข์ แต่สำหรับรัจนา เธอหยิ่งเกินกว่าจะยอมให้น้ำตาไหล…

และเธอก็ต้องเป็นฝ่ายเฝ้ารอคอยเขาทุกคืน เพื่อได้เห็นเขาเมามายกลับมาที่บ้านในสภาพขาดสติเหมือนทุกวัน นั่นคือทุกอย่างคือสิ่งที่รัจนาได้ยอมสละแล้ว เพื่อผู้ชายคนนี้!

สิ่งซึ่งสละแล้ว?

เรื่องสั้นเรื่องนี้นับเป็นอีกเรื่องที่ไม่ได้จบลงด้วยบทสรุปอย่างใดทั้งสิ้น แต่ทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านได้ขบคิด หรือจินตนาการไปถึงชะตากรรมหรือเหตุการณ์ที่จะเกิดต่อไปในอนาคตสำหรับชีวิตคู่ของรัจนา กับผู้ชายที่เธอได้สละแล้วทุกอย่างเพื่อเขาคนนี้…

Don`t copy text!