ป้อมเพชร

ป้อมเพชร

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้นครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

 

‘ปิยบุตร’ เป็นอีกนามปากกาหนึ่งของนิยม จิตต์แก้ว นักเขียน เจ้าของนามปากกา รมณียา พนา ภาณุมาศ หรือ เบญจนาท นฤมล ซึ่ง ในนามปากกาปิยบุตรนั้นจะเขียนเป็นแนวอิงประวัติศาสตร์อย่าง จอมศึกเสน่หา (เรื่องนี้ผมไม่แน่ใจว่าคือละคร จอมศึกเสน่หา ที่สร้างและออกอากาศทางช่องสาม เมื่อปี พ.ศ. 2531 หรือไม่) สำหรับป้อมเพชร ก็เป็นนวนิยายในแนวผสมผสานกึ่งอิงประวัติศาสตร์ด้วยเช่นกัน โดยเนื้อเรื่องจะแบ่งเป็นพาร์ตอดีตในสมัยกรุงศรีอยุธยา และพาร์ตในยุคปัจจุบัน

สาละวันเดินหน้า เดินหน้า เดินหน้า สาละวัน

สาละวันถอยหลัง ถอยหลัง ถอยหลัง สาละวัน

เด็กชายวัยสิบขวบ ในเครื่องแบบนักเรียนประชาบาลเก่าๆ ยับยู่ยี่ รอบคอรอบแขนและบริเวณอกเป็นคราบเหงื่อไคลชนิดที่เรียกว่าไม่เคยเจอเตารีดมาก่อน พ่อหนูร่างผอมเกร็ง ไว้ผมจุกบนบ่าสะพายถุงผ้าใส่หนังสือเรียน มือถือปิ่นโตอะลูมิเนียมเล็กๆ บุบบิบบู้บี้ทีเดียว แกเดินร้องเพลงสาละวันที่กำลังฮิต พลางยักเอวยักไหล่ถอยหลัก ก้าวหน้าไปตามเนื้อร้อง ผ่านบริเวณเนินดินแลกองอิฐเก่าๆ ที่ปรักหักพัง…

นี่คือฉากเปิดตัว ‘ไอ้จุก’ หรือเด็กชายป้อมเพชรในวัยเยาว์ ที่ถือกำเนิดขึ้นในครอบครัวยากจนในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพราะตอนเกิดมาแม่ฝันว่ามีคนแก่เอาป้อมจำลองทำด้วยเพชรมาส่งให้ หลวงพ่อที่วัดพนัญเชิงจึงช่วยตั้งชื่อเด็กชายอย่างแสนไพเราะตามความฝันนั้น

เหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น เมื่อเด็กชายได้ช่วยชีวิตเด็กหญิงลูกแมว หรือคุณสุเบญจา ลูกสาวของนายบัญญัติ เทศากร และคุณนายพอจิตที่เดินทางมาเที่ยวจังหวัดอยุธยาไว้ได้พอดี เนื่องจากเผชิญกับงูดำขนาดมหึมา และเด็กชายก็ไล่มันไปได้สำเร็จด้วยความกล้าหาญ นายบัญญัติประทับใจ จึงขอให้ป้อมเพชรพามาที่บ้าน และเขาก็ตัดสินใจขอเด็กชายมาอุปการะเพื่อส่งให้เรียนต่อที่กรุงเทพฯ แม้ว่าคุณนายพอจิตจะไม่พอใจก็ตาม!

ด้วยฐานะครอบครัวยากจนและมีลูกหลายคน นายมากและนางบุญจึงตอบตกลง ป้อมเพชรเองก็คิดว่าเขาคงต้องจากพ่อแม่ไปกรุงเทพฯ ในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว และคืนนั้นเองที่เด็กชายในสภาพกึ่งฝันกึ่งความจริง ก็เห็นลุงพร สารถีชราของคุณบัญญัติมาหา และพาเขาไปยังสถานที่แห่งหนึ่งที่มีสภาพแตกต่างจากโลกยุคปัจจุบันโดยสิ้นเชิง

มันคือการเดินทางข้ามกาลเวลา จาก พ.ศ. 2512 ในเวลานั้นมาสู่ยุคปลายกรุงศรีอยุธยา พ.ศ. 2300!

ลุงพรที่เขาได้พบ ก็คือพระโหราธิบดี ที่มีชีวิตอยู่ในยุคสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง โดยงูเห่ายักษ์สีดำที่เขาจัดการมันช่วยเหลือเด็กหญิงแมว แท้จริงก็คือไอ้ดำ ข้ารับใช้คนสนิทของเขาหรือออกขุนเพชร ในอดีตชาตินั่นเอง

และพระโหราธิบดี ก็บอกเล่าอดีตของป้อมเพชรในชาติก่อนให้ฟัง

“สมัยนั้นเจ้าเป็นนายทหารผู้มีฝีมือดีมาก แต่เสียดายที่เจ้าถูกมนุษย์ขายชาติบางคนมันยุแหย่ให้เจ้าไปเป็นนายทหารรักษาป้อมเพชรเสีย ทั้งๆ ที่ป้อมมหาไชย ข้าศึกษามันโหมกำลังเข้ามามาก ใช้ปืนใหญ่ระดมยิงตลอดเวลา แต่นายทหารป้อมมหาไชยไม่มีใครสู้ เพราะเขาเอาคนเก่งไปไว้ที่อื่นเสียหมด ในที่สุดป้อมมหาไชยก็พัง ข้าศึกเข้ากรุงได้ทางนั้น แล้วเจ้าก็ฮึดสู้จนตายคาป้อมเพชร เจ้าตะโกนตลอดเวลาว่าจะขอตายเพื่อชาติ และวิญญาณของเข้าก็จะคุ้มครองพื้นแผ่นดินแห่งนี้ตลอดไป วิญญาณของเจ้าผูกพันอยู่กับกรุงศรีอยุธยาเกือบสองร้อยปี จึงได้มาเกิด เพราะอาสาวิญญาณของบรรพบุรุษที่ยังผูกพันกับกรุงศรีอยุธยาอยู่ยังไม่ได้ไปไหน เจ้ารับอาสาทำงาน บัดนี้ หน้าที่ของเจ้าได้เริ่มขึ้นแล้ว…”

 นั่นคือภารกิจในการจัดการคนชั่วที่จะมาขุดกรุสมบัติใต้ผืนดินอยุธยา ที่บรรดาบรรพบุรุษในเก็บฝังเอาไว้ และพระโหราธิบดียังบอกว่า เขาจะได้อยู่ที่นี่ตลอดไป โดยไม่มีทางได้ไปกรุงเทพฯ ตามที่คุณบัญญัติต้องการแน่นอน!

ตื่นจากความฝัน เด็กชายก็รับรู้ข่าวไม่คาดฝัน เมื่อบัญญัติได้รับการแต่งตั้งให้โยกย้ายมาเป็นผู้ว่าฯ ที่จังหวัดอยุธยาพอดี!

เรื่อง : ป้อมเพชร

ผู้เขียน : ปิยบุตร

สำนักพิมพ์ : โชคชัยเทเวศร์

ปีที่พิมพ์ : ไม่ปรากฏปีที่พิมพ์

เล่มเดียวจบ

เขาไม่ต้องไปอยู่กรุงเทพฯ ดังคำทำนายนั้นก็จริง แต่ผู้ว่าบัญญัติ เทศากร ก็รับอุปการะเขาเป็นลูกชายคนหนึ่งและส่งเสียให้เรียนต่อที่อยุธยาตามเดิม

ป้อมเพชรเติบโตมาพร้อมกับเด็กหญิงลูกแมว ลูกสาวผู้ว่าฯ ที่ต่างก็เกิดความผูกพันรักใคร่ จนกลายเป็นความรัก ในขณะที่คุณนายพอจิตเองก็ตั้งแง่รังเกียจเด็กชายที่ยากจน แม้ว่าจะมีนิสัยใฝ่ดีสักเพียงใด ในเวลาเดียวกันนั้น ในเมืองอยุธยาเองก็มีปัญหาเรื่องการลักลอบขุดกรุสมบัติต่างๆ มากมาย นอกจากชาวบ้านเองแล้ว ยังมีเจ้าหน้าที่ราชการ อย่างหมู่กล้า และกลุ่มลูกชายนายตำรวจที่เป็นอริกับป้อมเพชรรวมอยู่ด้วย

หมู่กล้าและพรรคพวกเคยแอบมาขุดกรุกลางดึก ก่อนจะถูก “ไอ้ดำ” และบรรดาภูตผีปีศาจลวงให้เข้าไปในอุโมงค์ ก่อนจะถล่มลงมาทับพวกมันจนเสียชีวิตเกือบหมด หมู่กล้าซึ่งมีลายแทงขุมทรัพย์ดังกล่าวหนีรอดออกมาได้ และมีส่งข้อมูลนี้ให้กับกลุ่มของเกรียงศักดิ์ ลูกชายคนเดียวของ พลตำรวจตรีเกริกยศ ผู้การที่เป็นนายตำรวจใหญ่ในเมืองนี้

เกริกยศเป็นนายตำรวจตงฉินเช่นเดียวกับผู้ว่าบัญญัติ แต่ทั้งคุณนายสุชาดา และคุณนายพอจิตเป็นคนโลภ จึงวางแผนร่วมกับเกรียงศักดิ์เพื่อหาทางเสาะหาสมบัติเหล่านั้น โดยไม่หวั่นกลัวว่าจะผิดกฎหมายแต่อย่างใด แต่ท้ายสุดทั้งคุณนายสุชาดาและคุณนายพอจิตก็ได้รับบทเรียน จนคุณนายสุชาดากลายเป็นโรคประสาทจากภาพหลอนที่เกิด ส่วนคุณนายพอจิตก็วิ่งหนีปีศาจในฝัน จนตกบันไดแขนหักไปในที่สุด

ยกเว้นเพียงเกรียงศักดิ์ที่จิตใจมืดบอดและหวั่นกลัวบาป มันรวมหัวกับสหายอีกสองคน คือสุรพล และนักรบ และคราวนี้พวกมันวางแผนจะระเบิดกรุแทนการขุด…

แต่แล้วพวกมันก็เผชิญหน้ากับดวงวิญญาณของพระโหราธิบดี หรือลุงพร กับไอ้ดำ ที่จัดการจนเข็ดหลาบ ก่อนที่ดวงวิญญาณทั้งหมดจะมาอำลาป้อมเพชร เพื่อไปถือกำเนิดใหม่ ในเวลานั้นเองที่เกรียงศักดิ์ซึ่งแอบรักสุเบญญาหรือลูกแมว ก็ล่อลวงเธอเพื่อไปขืนใจ แต่ป้อมเพชรก็ไปช่วยเอาไว้ได้ และทำให้ความจริงทุกอย่างปรากฏ

ทั้งท่านผู้ว่าบัญญัติและคุณนายพอจิตจึงเข้าใจความรักของป้อมเพชร ที่หวังดีและช่วยเหลือลูกสาวของท่าน คุณนายพอจิตละทิฐิทั้งปวงของเธอลง สำหรับเกรียงศักดิ์ก็ถูกบิดาที่เป็นนายตำรวจและรักความยุติธรรมจัดการอย่างสาสม แม้ว่าจะเป็นลูกชายของท่านเองก็ตาม

เรื่องราวใน ป้อมเพชร สะท้อนถึงการอนุรักษ์โบราณสถาน ปัญหาการลักลอบขุดกรุโบราณ ผ่านตัวละครเอกป้อมเพชร และความรักระหว่างสองหนุ่มสาวที่ผูกพันกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ จนฟันฝ่าอุปสรรคมาสู่ปลายทางของความรักได้ในที่สุด

 

Don`t copy text!