เหยื่ออารมณ์

เหยื่ออารมณ์

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้นครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

ชีวิตของเอื้อย เด็กสาววัยแรกรุ่น เมื่อแม่เลิกกับพ่อแล้วไปอยู่กินกับพ่อเลี้ยงที่กักขฬะ ทารุณ ทุกครั้งที่เวลาเมาเหล้ากลับมาบ้าน ก็จะอาละวาดทำร้ายทุบตีแม่อย่างโหดเหี้ยม เอื้อยไม่เคยเข้าใจเลยว่าแม่ต้องเป็นฝ่ายทนอยู่กินกับผู้ชายอย่างนายลือ พ่อเลี้ยงคนนี้ได้อย่างไร ทั้งที่พ่อก็สุภาพแสนดี แต่แม่ก็ยังทิ้งเขามาอยู่กับนายลือชายชู้ ตราบจนกระทั่ง…

“ร้องไห้สงสารแม่เรอะ นังเอื้อย” เขาถาม “แกไม่ต้องไปสงสารแม่เขาหรอก แม่แกเขาชอบอย่างนี้ เขาไปไม่พ้นข้าหรอกน่า ไม่เชื่อก็ลองถามเขาดูซี”
เสียงหัวเราะนั้นทำให้เอื้อยขนลุกซู่ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ทั้งรู้สึกขยะแขยง ประหลาดอย่างไรพิกล…
คืนนั้นเอื้อยนอนไม่หลับ เพราะกลัวแม่จะถูกพ่อเลี้ยงอาละวาดทำรายเอาอีก แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งเอื้อยม่อยหลับลงไป แต่ก็ไม่สนิทนัก และแล้วก็ต้องตกใจลืมตาโพลงขึ้น เมื่อได้ยินเสียงอะไรอย่างหนึ่งดังมาจากห้องถัดไปนั้น ดูเหมือนจะเป็นเสียงร้องไห้จากแม่ เอื้อยนอนตัวแข็ง และแนบหน้ามองลอดเข้าไปตามรอยแตกของฝาห้อง…

แม่คราง แต่เสียงครางนั้นมิได้แสดงถึงความเจ็บปวดอย่างคนที่ถูกทำร้าย มันเป็นเสียงพิลึก เอื้อยนิ่งฟังอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ให้ขนลุกสะท้านขึ้นมาทั้งเนื้อตัว หัวใจเหมือนถูกบิดไปมา มือเท้าเกร็งแข็งจนจะเป็นตะคริวไปหมด เอื้อยนั่งตัวแข็ง ขนลุกซู่ไล่จากปลายเท้าขึ้นมาถึงศีรษะ มีความรู้สึกเหมือนเวลาที่ได้ยินเขาเอาโลหะมากรีดกัน แต่มันร้ายกว่านั้น ลึกกว่านั้น อูย…

สิ่งที่เอื้อยเห็นในคืนนั้นได้ปลุกสัญชาตญาณเร้นลับบางอย่างให้เริ่มฟักตัวขึ้นในร่างกายของหล่อน มันเป็นของแปลกใหม่ ทั้งน่ากลัว น่าอดสู และน่าตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนจนอายุย่างสิบสี่ปีเช่นนี้ สิ่งนี้กระมังที่ทำให้แม่ทนอยู่กับพ่อเลี้ยงใจทมิฬได้มาโดยตลอด?

และความรู้สึกเช่นนั้นเองก็ผลักดันให้เอื้อยกล้าแสดงความรู้สึกที่มีต่อถวัน เด็กหนุ่มขี้อายที่เป็นเพื่อนสนิท แม้ว่าจะไม่ได้ถลำลึกลงไปจนพลาดพลั้ง แต่นั่นเองได้เปิดประตูอีกบานหนึ่งของเด็กสาวให้เรียนรู้จักสัญชาตญาณดิบในอีกด้านหนึ่งของอารมณ์ตัวเอง…

 

และโชคร้าย เมื่อคนที่เห็นสิ่งนี้ชัดเจนที่สุดก็คือนายลือ พ่อเลี้ยงของเอื้อย!!

เขาฉวยโอกาสใช่เล่ห์โลกีย์ของตนกับเด็กสาวไร้เดียงสา ให้ตกเป็นเหยื่อสวาทของอารมณ์โดยไม่อาจขัดขืนระหว่างมโนธรรมกับความต้องการที่เกินยับยั้งของเอื้อย ทำให้เอื้อยถลำลึกลงไปในวังวนราคะที่นายลือฉุดให้ดิ่งลึกลงไปเรื่อยๆ ทุกครั้ง ทุกครา โดยที่แม่ไม่อาจล่วงรู้… ตราบจนกระทั่งกินรี เพื่อนสาวร่วมโรงเรียน แอบเห็นเข้าโดยบังเอิญ ความกลัว ความอับอายทำให้เอื้อยควบคุมสติไม่ได้ หล่อนต้องการปิดปากไม่ให้เรื่องนี้ล่วงรู้ไปถึงหูคนอื่น เอื้อยจึงใช้มีดของนายลือแทงกินรีจนขาดใจตาย ระหว่างมีความสัมพันธ์กับพ่อเลี้ยงอยู่ริมป่าละเมาะข้างทางรถไฟ

และนายลือที่ตามมาห้ามไว้ไม่ทัน ก็กลายเป็นแพะรับบาปไปโดยไม่รู้ตัว เมื่อเอื้อยสลบไปด้วยความหวาดกลัว ขณะที่ตัวของเขาเลอะเทอะไปด้วยคราบเลือดและถือมีดเปื้อนเลือดเอาไว้ในมือ นายลือติดคุก แม่ของเอื้อยจึงเพิ่งรับรู้ความจริงอันบัดซบนี้ แต่สิ่งที่ทำให้นางตกตะลึงยิ่งไปกว่า คือเอื้อยกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ กับพ่อเลี้ยงของตัวเอง!!

นี่คือบทแรกของนวนิยายที่สุดหม่นทึบ สะท้อนความรุนแรง ด้วยเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับสันดานดิบ กามารมณ์ของตัวละคร ในนวนิยาย เหยื่ออารมณ์ เรื่องนี้

ด้วยนามปากกา ‘ศิระ ส’ เหมือนนักเขียนหน้าใหม่ที่ ในเวลานั้น นักอ่านไม่เคยคุ้นมาก่อน เมื่อเรื่องนี้ได้ลงตีพิมพ์ ในนิตยสารสกุลไทย ในช่วงหลายสิบปีก่อนหน้านั้น ก็ได้สร้างความเกรียวกราว จนเป็นที่สงสัยกันว่า ใครกันแน่ หรือคือ ศิระ ส เจ้าของผลงานนิยายสะท้อนสังคม สุดสะเทือนใจเรื่องนี้

และคงจะยิ่งแปลกใจว่านี่คือเจ้าของนามปากกาเดียวกันกับ ‘รจนา’ ผู้ประพันธ์ สะใภ้จ้าว ที่เคยสร้างเป็นละครโทรทัศน์ในปัจจุบัน ทั้งในสไตล์นิยายที่ฉีกแนวไปคนละขั้ว แต่สำนวนการเขียนที่แสดงถึงความเป็นมืออาชีพอย่างชัดเจน ซึ่งไม่น่าแปลกใจ เมื่อทราบว่า ทั้ง ศิระ ส และ รจนา ก็คือ นักประพันธ์นามอุโฆษแห่งบรรณพิภพ อีกท่านหนึ่ง ในนามปากกา สุภาว์ เทวกุล นั่นเอง!!

เพื่อเป็นการลบอดีตอันเลวร้ายทั้งหมดออกไป แม่จึงตัดสินใจพาเอื้อยไปฝากกับน้าสด ญาติสาวใหญ่ที่อาศัยอยู่กรุงเทพฯ และจากนั้น ชื่อของเอื้อยจึงเลือนหายไปจากความทรงจำของคนในหมู่บ้านแห่งนั้น และปรากฏชื่อของอโนดาต หญิงสาวผู้หน้าตาสะสวยเรียบร้อย ที่เข้ามาสมัครงานในบริษัทแห่งหนึ่ง ในอีกหลายปีต่อมา…

เอื้อย หรืออโนดาต พนักงานพิมพ์ดีดหน้าใหม่ของพิธาน เจ้านายเธอ ที่มีเพื่อนชื่อนายคำรณ คำรณติดใจเอื้อยและพยายามเอาอกเอาใจ แม้ว่าหน้าตาเขาจะไม่รูปหล่อแต่ก็มีฐานะดี จนในที่สุดเอื้อยก็พ่ายแพ้ต่ออารมณ์ของตัวเองหล่อนตกเป็นของคำรณ และคิดว่านั่นคงเป็นชายคนสุดท้ายในชีวิตที่เธอต้องการฝากชีวิตเอาไว้ เมื่อเขาขอเธอแต่งงาน และเอื้อยก็ตอบตกลง ฝันร้ายในชีวิตที่ผ่านมาคงจะจบลงเสียที? แต่แล้วคำรณก็ได้ทุนไปดูงานต่างประเทศหลายเดือน ในเวลานั้นเอง ที่เอื้อยค้นพบว่า ‘ความต้องการ’ ของเธอเอง ไม่เคยได้รับการเติมเต็ม มันยังแฝงเร้นอยูภายในร่างกาย คอยกระตุ้นเตือนให้โหยหาความรักความใคร่จากเพศชาย โดยไม่อาจควบคุมและเอาชนะด้วยมโนธรรม ที่พยายามต่อสู้อย่างสุดฤทธิ์

 

และภวันต์ หลานชายรูปหล่อของพิธาน ก็ก้าวเข้ามา… เขาเป็นชายหนุ่มรูปงาม มีท่าทีติดใจเธออย่างเห็นได้ชัด แม้จะรู้ว่าเอื้อยรักกับคำรณอยู่ สัญชาตญาณเร้นลับอันน่าอับอายนั้นก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง เอื้อยพยายามเอาชนะมัน แต่ท้ายที่สุดเธอก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ต่ออารมณ์ตัวเอง…

เอื้อยบอกเลิกกับคำรณ และตัดสินใจย้ายไปอยู่กับภวันต์ แม้ว่าจะมีเสียงครหาจากคนรอบด้าน รวมถึงครอบครัวของเขา เอื้อยกลัวอย่างเดียวว่าเขาจะรู้ความจริง เมื่อแม่มาเยี่ยมเธอที่กรุงเทพฯ พร้อมลุงเย็นสามีใหม่ของแม่และเจ้าแดงลูกชายตัวน้อยๆ วัยน่ารักน่าชัง ที่เอื้อยรู้ดีว่า เจ้าแดงนั่นไม่ใช่ลูกของแม่กับลุงเย็น แต่เป็นลูกที่เกิดจากความผิดพลาดของเอื้อยเองกับนายลือพ่อเลี้ยงต่างหาก!

เรื่อง : เหยื่ออารมณ์
ผู้ประพันธ์ : ศิระ ส
สำนักพิมพ์ : ประพันธ์สาส์น
ปีที่พิมพ์ : ไม่ปรากฏปีที่พิมพ์
สองเล่มจบ

และต่อมาคำรณก็กลับมาจากต่างประเทศด้วยความผิดหวัง รวมถึงน้าสดที่ไม่พอใจเอื้อย คำรณเองรู้จักตัวตนของเอื้อยที่เป็นผู้หญิงขาดเซ็กซ์ไม่ได้ จึงวางแผนการบางอย่างร่วมกับน้าสด เพื่อ ‘เอาคืน’ ในจังหวะเวลาที่เหมาะสม…

เมื่อวันหนึ่งภวันต์บอกว่าเขาจะต้องออกไปตรวจบัญชีที่สาขาต่างจังหวัด เอื้อยต้องอยู่คนเดียวถึงห้าวันเต็มๆ… คำรณแวะมาหา ต้องการปรับความเข้าใจกับเอื้อย แต่แล้วเขากลับพาเธอไปโรงแรม และหลังจากนั้น…

 

พวา น้องชายภวันต์ บอกเรื่องนี้กับพี่ชาย และนั่นทำให้ความสัมพันธ์ของเอื้อยกับภวันต์ขาดสะบั้นลง หญิงสาวหัวใจสลาย และตอนนี้ หล่อนพบว่าตัวเองกำลังท้องกับภวันต์!!

เอื้อยได้พบกับถวัน เด็กหนุ่มที่เติบโตขึ้นเป็นนายช่างรถไฟในปัจจุบัน ถวันยังขี้อายเหมือนเดิม เขารักเอื้อยด้วยความบริสุทธิ์ใจ และยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือจนเอื้อยคลอดลูก และพยายามหักห้ามความต้องการของตัวเอง เมื่อต้องพาเอื้อยมาอยู่ร่วมชายคาบ้านพัก ท่ามกลางความเข้าใจผิดของชาวบ้านละแวกนั้นว่าเอื้อยเป็นเมียของถวัน…

ชีวิตของเอื้อยกำลังดิ่งลงทุกขณะ หล่อนเลื่อนลอย เต็มไปด้วยความโศกเศร้าและขังตัวเองเอาไว้กับความผิดบาปในใจ ที่ไม่อาจปลดเปลื้อง… เหตุการณ์ในอดีตที่หลอนขึ้นมา และปลุกสัญชาตญาณนั้นโดยนายลือ มันทำให้ชีวิตของเอื้อยต้องเบี่ยงเบนและพลิกผันไปสู่ชะตากรรมอันเลวร้ายเช่นนี้…

ถวันตัดสินใจไปพบกับภวันต์ และบอกความจริงให้เขารับรู้ว่าเอื้อยมีลูกกับเขา รวมถึงเจ้าแดงเด็กชายที่เป็นลูกคนแรกของเอื้อยกับพ่อเลี้ยงใจสัตว์คนนั้น ภวันต์สงสาร แม้ว่าจะไม่อาจยอมรับให้เอื้อยกลับมาอยู่กับเขา แต่ก็ยินดีจะอุปการะลูกทั้งสองของเอื้อย ถวันกลับมาบอกข่าวดีนี้กับเอื้อย แต่แล้วนายลือก็ปรากฏตัวขึ้นโดยไม่คาดฝัน!

บัดนี้มันออกมาจากคุกแล้ว และต้องการตัวเอื้อยให้กลับมาอยู่ในขุมนรกที่มันสร้างขึ้นมาให้เธอเหมือนเดิมโดยกุมความลับที่เอื้อยเคยมีสัมพันธ์กับมันรวมถึงลูกของเอื้อยอีกด้วย สัญชาตญาณของความเป็นแม่ที่ต้องการปกป้องลูกน้อย ทำให้เอื้อยตัดสินใจทำในสิ่งที่ดีที่สุดในเวลานั้น

 

เอื้อยหลอกนายลือให้ขึ้นไปหาที่ห้องนอน… อย่างที่มันคิดว่า จะใช้เล่ห์สวาทร่วมเสน่หากับเอื้อยเหมือนกับที่เคยทำมาแล้วในอดีต เล่ห์ราคะที่ทำให้เด็กสาวไร้เดียงสาวัยสิบสี่ปีตอนนั้น ติดใจในรสสวาทจนตกเป็นเหยื่ออารมณ์ของตนมาโดยตลอด แต่วันนี้เอื้อยชนะมันแล้ว ด้วยความรักของแม่ที่มีต่อลูก เพื่อปกป้องไม่ให้เจ้าแดงต้องไปอยู่กับพ่อที่ใจทมิฬอย่างนายลือ เพื่ออนาคตที่สดใสของลูก

 

แล้วเอื้อยก็ลงมือฆ่านายลือด้วยตัวเอง เหมือนกับที่เคยฆ่ากินรี จากนั้นหล่อนก็พาตัวเองไปสู่โลกอีกใบหนึ่ง โลกสะอาดบริสุทธิ์ และไม่ต้องรับรู้ความทุกข์ทรมาน ความโหดร้ายของมนุษย์อีกต่อไป เมื่อ…

จิตแพทย์ลงความเห็นว่า “เห็นได้ชัดว่า จำเลยได้รับการบีบคั้นทรมานจิตใจ และถูกกระตุ้นความรู้สึกทางเพศมาตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งทำให้เกิดผลร้ายแก่อารมณ์ทางเพศและจิตใจในภายหลัง นับว่าจำเลยมีเหตุอันควรแก่ความปรานี”

 

และท้ายที่สุด เหยื่ออารมณ์ก็จบลงด้วยความคิดคำนึงของถวันที่ได้แต่ถามตัวเองว่า…

ก็ถ้าเอื้อยต้องเป็นอาชญากรแล้วละก็ คนอย่างน้าสด คนอย่างนายคำรณ และสังคมซึ่งต้อนรับ ยกย่องแต่เพียงคุณสมบัติซึ่งแม้ว่าจะเป็นเพียงการฉาบหน้า แต่กลับเหยียบย่ำซ้ำเติมคนพลาดโดยไม่มีการให้อภัย เหล่านี้เล่าจะเป็นอะไร…

มันช่างเป็นคำถามที่ไร้คำตอบโดยสิ้นเชิง!!

ปัจฉิมลิขิต นิยายเรื่องนี้มีการจัดพิมพ์ใหม่ สำนักพิมพ์แกรมมี่ ส่วนปกที่นำมาแสดง เป็นฉบับพิมพ์ครั้งแรกและน่าจะเป็นฝีมือการวาดรูปของอาจารย์พนมครับ

Don`t copy text!