กระท่อมสีฟ้า

กระท่อมสีฟ้า

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้นครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

สำหรับบรรณาภิรมย์ลำดับที่ 120 ในครั้งนี้ ผมเชื่อว่าหลายคนได้รู้จักบทบาทของ ส.อาสนจินดา (สมชาย อาสนจินดา) ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง เมื่อ ปี พ.ศ. 2533 ในภาพของนักแสดงรุ่นอาวุโส ที่มีบทบาทผลงานทั้งในโลกภาพยนตร์จอเงินและทางโทรทัศน์จอแก้วเป็นจำนวนมาก หากในอีกบทบาทหนึ่งของท่าน ก็คือผู้เขียนบทและเขียนนวนิยายชื่อดัง อย่างเรื่อง ชุมทางเขาชุมทอง หรือนิยายชีวิตเข้มข้นอย่าง ดอกแก้ว รวมถึงนิยายขนาดสั้น กระท่อมสีฟ้า เรื่องนี้

ส.อาสนจินดา ได้เขียนไว้ในคำนำของหนังสือเรื่องนี้ ความตอนหนึ่งว่า…

ก็เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า รากฐานดั้งเดิมของข้าพเจ้า ก่อนจะก้าวเข้าสู่โลกละครและเวทีศิลปิน ด้วยการชักนำของ “อิงอร” สหายรัก ผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมา และเป็นผู้จุดคบเพลิงคนแรกให้แก่วิถีทางอันปูลาดไปสู่วงการละคร ซึ่งในระยะนั้นยังมืดมนและห่างไกลจากความคิดคำนึงของข้าพเจ้ามากมายนัก แต่ต่อมาด้วยการช่วยเหลืออุปการะของบรรดามิตรผู้ร่วมแสดง ตลอดจนคุณครู “เนรมิต” เป็นที่สุด จนข้าพเจ้าพอจะได้ชื่อเป็นศิลปินเล็กๆ คนหนึ่ง…

กระท่อมสีฟ้า ได้เริ่มต้นเมื่อสามเดือนก่อน จากเวลาว่างเล็กๆ น้อยๆ ที่พอมีอยู่บ้าง จนภายหลังจากต้นฉบับได้ถูกเก็บแล้วเก็บเล่า พอมีเวลาข้าพเจ้าก็หยิบขึ้นมาใหม่ และเมื่อมันได้พบกับความอวสาน ก็เป็นวาระที่ข้าพเจ้าพบกับความโล่งใจที่สุด จากข้อเขียนและจินตนาการของข้าพเจ้าท่านอาจจะพบสิ่งที่น่าเป็นไปได้ และไม่น่าเป็นไปได้ ผู้หญิงอย่างดวงพร สลิลทิพย์ อาจจะอยู่ดาษดื่นและหาได้ง่ายเหลือเกิน สำหรับชีวิตของหญิงสาวปัจจุบัน ซึ่งเธอแขวนความดีเด่นของเธออยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์ ตากล้อง และฟลอร์เต้นรำ ตรงกันข้าม เกรียงไกร ธานินทร์นฤบาล ผู้ชายที่ทรงความเป็นผู้ชาย และความเป็นคนมีค่าอยู่ตลอดเวลา ท่านจะรู้สึกว่าหาได้ยากเย็นอย่างเหลือเกิน ไม่ต่างอะไรกับจะควานหาเข็ที่ตกลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยา…

อย่างไรก็ตาม ทั้งท่านและข้าพเจ้า ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า เราต้องการให้เขามีชีวิตชีวา มีเลือดเนื้อเชื้อไข เพื่อว่าในปัจจุบันซึ่งเราได้ยืนอยู่ท่ามกลางกองขยะปฏิกูล และเสียงคำรณคำรามของบรรดาที่ลืมตัวนั้น เรายังได้มีโอกาสพบความเห็นอกเห็นใจ ได้พบมนุษย์ที่ทำให้เราศรัทธาต่อความเป็นคนอีกด้วย

ส.อาสนจินดา

ศิวารมณ์

(พิมพ์ตามต้นฉบับ)

ในขณะที่ ป.วัชราภรณ์ เองได้เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับ ส.อาสนจินดา ไว้ในหนังสือ ทำเนียบนักประพันธ์ ยิ่งทำให้ได้ทราบว่า ตลอดชีวิตของท่านนั้นได้ผ่านช่วงเวลาประสบการณ์ทั้งสุข ทุกข์ เรื่องราวทั้งดีและร้ายต่างๆ มาอย่างโชกโชน

“ข้าพเจ้าเคยรู้จักมักคุ้นพอสมควรกับนักประพันธ์สุภาพบุรุษคนหนึ่ง ซึ่งมีชีวิตแบบลูกผู้ชาย คือเป็นนักต่อสู้อย่างจริงใจ ช่วงชีวิตของนักประพันธ์คนนี้ ลุ่มๆ ดอนๆ เขาไม่เคยย่อท้อต่อความทุกข์ลำเค็ญ เขาเคยมีเงินล้านด้วยการสร้างภาพยนตร์มาแล้ว และเคยไม่มีสตางค์ซื้ออาหารมื้อเย็น ในที่สุดเคยเข้าห้องขังขณะที่เมียเกือบจะคลอดลูกคนสุดท้อง!

…สมัยนั้น ข้าพเจ้าชอบดูละคร ของคณะศิวารมณ์ จึงได้มีโอกาสพบหน้าพระเอกนักประพันธ์เสมอ บทบาทที่เขาแสดงประทับใจข้าพเจ้ามากที่สุดคือ “ความพยาบาท” จากนวนิยายของ แมรี่ คอเรลลี บทแปลของ “แม่วัน”

ชีวิตของ ส.อาสนจินดา เต็มไปด้วยภาพของการต่อสู้ ริ้วรอยย่นบนใบหน้าของเขา แสดงชัดว่า ในอดีต ส.อาสนจินดา ได้เผชิญชีวิตมาอย่างโชกโชน ชนิดที่คิดแล้วจะต้องสะท้อนใจ ผลิตผลงานของเขาจะต้องเป็นหนังสือเล่มใหญ่ ที่น่าอ่าน น่าศึกษาโดยที่เป็นบทเรียนจากชีวิต ส.อาสนจินดา เป็นแบบอย่างอีกแบบหนึ่งของชีวิตลูกผู้ชาย…”

สำหรับ กระท่อมสีฟ้า นิยายชื่อไพเราะเรื่องนี้ เริ่มต้นเมื่อ เกรียงไกร ธานินทร์นฤบาล ส่งโทรเลขจากนครราชสีมา มายังบิดามารดาที่พระนคร แจ้งว่าบัดนี้เขากำลังจะย้ายจากตำแหน่งปลัดจังหวัดนครราชสีมา เพื่อมาเป็นพ่อเมือง หรือข้าหลวงประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ท่ามกลางความปีติยินดีในความสำเร็จของผู้เป็นพ่อและแม่

คุณหญิงจำเริญ  มารดาของเกรียงไกร หมายมั่นปั้นมือ จะให้เขาได้คบหาสมาคมกับ ดวงพร สลิลทิพย์ สาวสวยที่มีฐานะและเกียรติยศทัดเทียมกัน โดยหารู้ไม่ว่า แท้จริงแล้วดวงพรเป็นหญิงสาวที่ทระนงในความสวยงามของตัวเอง จนกลายเป็นนิสัยเย่อหยิ่ง และดูถูกผู้ชายทุกคนที่เข้ามาคบหากับเธอ

แม้แต่ผู้ชายที่หล่อนเองแอบรู้สึกพึงพอใจอย่างเกรียงไกรเองก็ตาม เมื่ออยู่ในกลุ่มของเพื่อนๆ และหญิงสาวคนอื่นๆ ดวงพรก็จะหาข้อตำหนิของแต่ละคนมาพูดคุยอย่างสนุกปาก โดยมีขจรพันธ์ เพื่อนสนิทของหล่อนคอยให้ท้ายเป็นลูกคู่อยู่เสมอ และทำให้เกรียงไกรที่เคยรู้สึกประทับใจในความสวยงามของเธอแต่แรก มาแอบได้ยินเข้า จนเกิดความผิดหวัง และเมื่อเผชิญหน้ากัน ดวงพรก็ยังแกล้งทำท่าทางมึนตึงเย่อหยิ่งใส่เขาต่อหน้าเพื่อนสาวของหล่อน

เป็นความจริงทีเดียว นิสัยของดวงพรติดจะชอบข่มและดูถูกคนอยู่เสมอ และสิ่งสำคัญที่สุดดวงพร เป็นคนที่ชอบจะเอาชนะคน แม้บางครั้งมันจะไม่มีเหตุผล เธอก็เอาชนะจนได้

ความที่ถูกตามใจมาแต่เล็กแต่น้อย และความที่ถือว่าตัวสวยและร่ำรวย ทำให้ดวงพรขาดคุณลักษณะที่ดีไป ความคิดเช่นนี้เองมิใช่หรือที่ได้เคยฆ่าชีวิตอันผ่องแผ้วของหญิงสาวมามากต่อมาก

“ไม่จำเป็นที่ฉันจะต้องเอาอกเอาใจใคร ใครต่างหากที่ควรจะเอาอกเอาใจฉัน”

เกรียงไกรเดินทางมาประจำตำแหน่งที่อยุธยา และด้วยอารมณ์ที่คิดค้างอยู่ในใจเรื่องดวงพร จนทำให้กลายเป็นคนเงียบขรึม ครุ่นคิด ในระหว่างงานเลี้ยงต้อนรับผู้ว่าคนใหม่ เหตุการณ์นี้เองทำให้หลายคนเข้าใจเข้าใจผิด แม้แต่หลวงประจวบ ปลัดจังหวัด จนถึงกับนำไปบ่นกับภรรยา และชนินทร ลูกสาวคนเดียวของท่าน ทำให้ชนินทรเกิดความรู้สึกต่อต้าน อคติ กับผู้ว่าฯ หนุ่มคนนี้ ตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้า

ชนินทรเป็นเด็กสาวหน้าตาน่ารัก และเป็นที่หมายปองของชัยฤทธิ์ ชายหนุ่มรุ่นพี่ แต่ชนินทรก็ให้ความนับถือเสมือนเขาเป็นเพียงพี่ชายเสียมากกว่า หญิงสาวเรียนจบและมาเป็นครูสอนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนจอมสุรางค์ โรงเรียนประจำจังหวัด

อุบัติเหตุระหว่างการปั่นจักรยานมาทำงานนั่นเอง ทำให้เธอได้พบกับเกรียงไกรโดยไม่คาดฝัน เขาตรงเข้ามาช่วยเหลือปฐมพยาบาลเด็กสาวอย่างเธอที่เพิ่งรู้จักกัน โดยไม่ได้มีท่าทีหยิ่งจองหอง เหมือนที่เคยได้ยินมาเลยสักนิดเดียว ทำให้ชนินทรเริ่มเปลี่ยนความรู้สึกอคติด้านลบนั้น เช่นเดียวกับหลวงประจวบที่เมื่อได้ทำงานร่วมกับเกรียงไกร จึงได้ประจักษ์ในนิสัยใจคอและความเป็นสุภาพบุรุษของเขา

เรื่อง : กระท่อมสีฟ้า

ผู้เขียน : ส.อาสนจินดา

สำนักพิมพ์ : ผดุงศึกษา

ปีที่พิมพ์ : 2495

เล่มเดียวจบ

ในช่วงนั้นเอง เมื่อคุณหญิงจำเริญได้ติดต่อทาบทามดวงพรให้หมั้นหมายกับเกรียงไกร ทำให้เขาไม่อาจปฏิเสธได้ แม้จะเริ่มรู้นิสัยที่แท้จริงของเธอแล้วก็ตาม ตรงกันข้ามกับดวงพรที่หลงรักเกรียงไกร และพยายามคาดหวังให้เขาทำตามในสิ่งที่หล่อนต้องการ ในเมื่อหล่อนคุ้นเคยกับการถูกตามใจมาโดยตลอด ทว่าการทำงานเป็นพ่อเมืองนั้น ทำให้ภารกิจของเขาหนักหนาสาหัส ต้องดูแลทุกข์สุขของประชาชน จนไม่มีเวลาแม้แต่จะไปเที่ยวเล่น หรือหาความสำราญที่พระนครอย่างที่หล่อนต้องการ

ตรงกันข้าม เมื่อเกิดการจี้ปล้นของเสือฉายออกอาละวาด ในเขตสุพรรณบุรี อยุธยา ที่เขาปกครองอยู่ ทำให้เกรียงไกรต้องทำหน้าที่ร่วมกับฝ่ายปกครองและนายตำรวจ เพื่อออกปราบปรามจับกุมเสือฉาย จนประสบความสำเร็จ แม้ว่าจะมีการต่อสู้กันอย่างดุเดือดจนได้รับบาดเจ็บและสูญเสียลูกน้องไปก็ตาม

เหตุการณ์ในครั้งนี้เอง ที่ทำให้เขาและครูชนินทร ได้สนิทและเข้าใจกันมากขึ้น ตรงกันข้ามกับดวงพรที่หันมาคบหากับ ฯพณฯ ประเวศ มาลยภรณ์ นักการเมืองสูงวัย ที่ปรนเปรอทรัพย์สินให้เธอได้ใช้จ่ายอย่างเต็มที่ จนดวงพรหลงระเริงไปกับวัตถุเหล่านั้น หล่อนรู้สึกว่าคงไม่อาจเสียสละชีวิตตัวเองไปร่วมหัวจมท้ายกับเกรียงไกรที่อยู่ต่างจังหวัดเช่นนั้นได้แน่ จึงตัดสินใจเป็นฝ่ายขอถอนหมั้นจากเขา และหันไปคบหากับนายประเวศ ทั้งที่อีกฝ่ายเองก็มีภรรยาอยู่แล้ว…

ด้วยความรักและความเข้าใจของเกรียงไกรและชนินทร ทำให้ทั้งคู่เกิดความรักต่อกัน แม้ว่าจะมีชัยฤทธิ์คอยขัดขวางจนถึงกับว่าจ้างลูกสมุนให้มาดักยิงสังหารชายหนุ่ม แต่เขาก็รอดชีวิตอย่างหวุดหวิด และทำให้ความรักกับชนินทรยิ่งแน่นแฟ้น ด้วยความเข้าใจกันมากยิ่งขึ้น เขานึกถึงผู้หญิงสองคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของตัวเอง และแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ด้วยความพิศวง…

ชีวิตและความเป็นอยู่ของชนินทรกับดวงพรแตกต่างกันราวกับอยู่คนละโลก ถ้าดวงพรเป็นไฟ ชนินทรก็คือน้ำ ความสวยก็ผิดแผกจากกัน คนหนึ่งสวยอย่างคมบาดผาดโผน แต่อีกคนหนึ่งเยือกเย็นเป็นสง่า อ่อนโยนแต่ไม่ถึงกับนุ่มนิ่ม ดวงพรใช้ชีวิตซึ่งแวดล้อมไปด้วยความหรรษา ความเย้ายวนและความฟุ้งเฟ้อ แต่อีกผู้หนึ่งอยู่ท่ามกลางศิษย์ที่รัก งานบ้าน และการศึกษา แม้วัยของคนทั้งสองจะขนาดเดียวกัน แต่ความเป็นอยู่และรสนิยมเดินไปคนละทิศละทาง อย่างไม่มีวันจะมาบรรจบกันได้เลย

และเกรียงไกรก็รับรู้ขึ้นมาในบัดดล ว่าความรู้สึกที่เขาเคยมีต่อดวงพรไม่ใช่ความรัก แต่เป็นเพียงแค่ความพึงใจเท่านั้น แตกต่างจากความรู้สึกที่เขามีต่อ ชนินทร ที่เรียกได้อย่างเต็มปาก ว่าความรัก!

ในขณะที่ความรักของสองหนุ่มสาวเริ่มต้นขึ้นอย่างงดงาม ความรักที่ฟุ้งเฟ้อ และเต็มไปด้วยแรงปรารถนาของดวงพรก็เดินทางถึงจุดอวสานด้วยเช่นกัน เมื่อหล่อนปล่อยตัวปล่อยใจกับ ท่านประเวศจนตั้งครรภ์ และพยายามจะบีบบังคับให้ท่านเลิกรากับภรรยา เพื่อที่จะได้ขึ้นมาเป็นภรรยาเอก ทว่าไม่ประสบผล การยอมสูญเสียความสาวของหล่อนกลายเป็นโมฆะ! และทำให้ดวงพรเกิดความคั่งแค้นสุดขีดเมื่อท่านประเวศได้ภรรยาใหม่เพิ่มมาอีกคน และคนคนนั้นก็คือขจรพันธ์ เพื่อนรักของหล่อนนั่นเอง

ระหว่างขับรถไปกับท่านประเวศ ทั้งคู่มีปากเสียงกัน และในที่สุดก็เกิดอุบัติเหตุ ทั้งดวงพร และท่านประเวศ รถคว่ำ เสียชีวิต…

 

ฉากสุดท้ายของนิยายเรื่องนี้ เป็นฉากที่เกรียงไกรและชนินทรวางแผนชีวิตร่วมกัน เขาซื้อบ้านหลังเล็กๆ ทาสีฟ้าแสนสวย ซึ่งเป็นสีที่เธอชอบนักหนา บ้านที่เธอและเขาจะอยู่ร่วมกันด้วยสายใยแห่งความรักและความผูกพัน ไม่ว่าบ้านหลังนั้นจะเป็นคฤหาสน์หรือเป็นเพียงแค่กระท่อมหลังเล็กๆ ก็ตาม…

…กระท่อมสีฟ้า!

 

หมายเหตุ : นิยายเรื่องนี้ ชื่อเรื่องคล้ายกับ ภาพยนตร์เรื่อง ‘กระท่อมปรีดา’ ที่เป็นบทประพันธ์ และการกำกับ ของ ส.อาสนจินดา นำแสดงโดย คุณสมบัติ เมทะนี และ คุณอรัญญา นามวงศ์ ในปี พ.ศ. 2515 แต่เมื่อผมลองตรวจสอบดูจากเนื้อเรื่องย่อของ กระท่อมปรีดา คร่าวๆ ในเว็บไซต์ไทยบันเทิงแล้ว พบว่าเนื้อเรื่องทั้งสองไม่เหมือนกันครับ

Don`t copy text!