เพลิงโลกันต์

เพลิงโลกันต์

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้นครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

เนื่องในวาระ 100 ปี ชาตกาล เสนีย์ บุษปเกศ (23 ธันวาคม 2466-8 มกราคม 2520) ผมขอนำผลงานหายากอีกเรื่องหนึ่งของท่านผู้ประพันธ์มานำเสนอ ในบรรณาภิรมย์ ลำดับที่ 197 ในครั้งนี้ครับ

นั่นก็คือนวนิยาย เพลิงโลกันต์

สำหรับ เสนีย์ บุษปะเกศ แล้ว ท่านเป็นทั้งนักหนังสือพิมพ์ นักเขียนบทละครวิทยุ และเป็นนักเขียนนวนิยายรุ่นครูผู้มีผลงานโดดเด่น อย่าง รุ่งทิพย์ แก้วลืมคอน คมแฝก ตะวันยอแสง เป็นต้น จากข้อมูลในหนังสือ ทำเนียบนักประพันธ์ ของ ป.วัชราภรณ์ ให้รายละเอียดไว้อย่างน่าสนใจว่

เสนีย์ บุษปะเกศ เริ่มต้นเขียนเรื่องสั้น มีชื่อเสียงมาก่อน ชีวิตของเขาต้องต่อสู้ชนิดหัวเดียวกระเทียมลีบ จนกว่าจะตั้งหลักได้เมื่อวิทยุกระจายเสียงเป็นที่นิยมของผู้ฟังทั่วประเทศ รายการของเขาทั้งสัพเพเหระ และละคร มีแฟนติดใจอย่างกว้างไกล

เขาเกิดที่ตำบลวรจักร เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนมัธยมไตรมิตรวิทยาลัย เมื่อจบแล้วไม่ได้เรียนต่อ แต่เล่าว่า “ผมเรียนต่อในมหาวิทยาลัยชีวิต” แน่นอนเหลือเกิน เขาต้องต่อสู้กับโลกและชีวิตอันเป็นมหาวิทยาลัยกว้างใหญ่

ในส่วนของงานเขียนนั้น เขาเริ่มต้นตั้งแต่เขียนเรื่องสั้นให้เพื่อนฝูงอ่านสมัยเรียนมัธยม ตราบจนเข้าทำงานข้าราชการในกองรังวัด กรมที่ดิน และเปลี่ยนชีวิตมาสู่วงการหนังสือพิมพ์ จนมาทำงานสถานีวิทยุทหารอากาศ ทำรายการต่างๆ เช่น สี่มุมบ้าน ไขข้อข้องใจ และต่อมาก็เริ่มเขียนบทภาพยนตร์ ‘สุภาพบุรุษเสือไทย’ ที่สร้าง สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์ ให้เป็นดาราเอกจากภาพยนตร์เรื่องแรกที่แสดง

สำหรับที่มาของ สุภาพบุรุษเสือไทย นั้น เขาเล่าว่า

“ผมสร้างจากข่าวซึ่งไปนั่งอ่านอยู่ที่หอสมุดแห่งชาติ รู้สึกประหลาดใจมากที่ว่าทำไมเสือหรือผู้ร้าย 108 ถูกตำรวจยิงดับหมด แต่เสือไทยรอดกระสุนตำรวจไปได้เพียงคนเดียว จากจุดบันดาลใจเช่นนี้ ผมจึงลงมือเขียนบทภาพยนตร์ทันที และได้รับความสำเร็จ ดังที่คุณทราบอยู่แล้วนั้น”

สอดคล้องกับคำนำในหนังสือ ‘เพลิงโลกันต์’ ผลงานลำดับถัดมา ที่ทางสำนักพิมพ์ได้กล่าวถึงที่มาของนิยายเรื่องนี้ ที่นำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2498 ด้วยว่า

สุภาพบุรุษเสือไทย ภาพยนตร์สีซึ่งนำออกฉายและได้รับการต้อนรับจากผู้ดูอย่างคับคั่งนั้นแสดงถึงแนวที่ดี และเหมาะสมกับเนื้อเรื่องที่จะหาเรื่องใดมาเทียบเทียมได้ยาก และนั่นคือผลที่ยืนยันว่า เสนีย์ บุษปเกศ ผู้ประพันธ์เรื่อง ได้เข้าถึงจิตใจของผู้ที่ติดตามงานของเขาเป็นอย่างดีแล้ว

สำหรับ เพลิงโลกันต์ ที่ท่านถืออยู่นี้ เราได้จัดพิมพ์เป็นรูปเล่มตามคำขอร้องของผู้อ่าน เดลิเมล์วันจันทร์ ซึ่งเราอยากจะอวดอยู่ว่าเป็นความดีเด่นของเรื่องนั้นไม่ทิ้งแนว เพราะในเรื่องนี้ ท่านคงจะได้พบเรื่องประเภทหนุ่มห้าวสาวหาญ คุกรุ่นด้วยกลิ่นเหล้าควันบุหรี่ ความพิศวาสอย่างคนองฮึกเหิม แรงร้อนไปด้วยสาบเสน่ห์อันอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและดินปืน พร้อมมูลตามแบบฉบับ

ภาพยนตร์เรื่อง สุภาพบุรุษเสือไทย ควรแก่การชมเพียงใด

เพลิงโลกันต์ นวนิยายเรื่องนี้ จะให้ความพอใจแก่ผู้อ่านยิ่งกว่า

20 มีนาคม 2495

เมื่อได้อ่านคำนำของนิยายเรื่องนี้แล้ว ยิ่งทำให้ต้องรีบหยิบนวนิยายเล่มเล็กๆ เรื่องนี้ขึ้นมาอ่านโดยพลัน!

เรื่องราวของ เพลิงโลกันต์ ดำเนินเรื่องไม่ต่างกับการอ่านนวนิยายตะวันตก ที่เปิดฉากด้วยเหตุการณ์ปัจจุบัน ก่อนจะย้อนกลับไปยังเรื่องราวในอดีตที่ซ้อนกันถึงสองชั้นได้อย่างน่าสนใจ

ฉากแรกเป็นฉากหน้าศาลอาญา เมื่อชั้นฉัตร ทนายความหนุ่ม และร้อยเอกแชน นายตำรวจสืบสวน กำลังนำระรินทิพย์ หญิงสาวผู้ตกเป็นจำเลยในคดีสังหารเลิศลอย ชายหนุ่มคนรักจนเสียชีวิต มาขึ้นศาล คดีนี้น่าจะปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหญิงสาวเองก็ยอมรับว่าหล่อนเป็นคนฆ่าเลิศลอยด้วยมือตัวเอง และหลังจากนั้นก็ไม่ยอมให้ปากคำอะไรอีกเลย แม้แต่ในเวลาที่ผู้พิพากษาออกนั่งบัลลังก์ก็ตาม

ขณะที่ร้อยเอกแชนกำลังสอบปากคำนายจอน ชายชรา ลูกจ้างคนเดียวในบ้าน มีเพียงชั้นฉัตร สหายของเขาที่ต้องการแถลงเรื่องราวทั้งหมดต่อหน้าศาล พร้อมกับความจริงในอีกด้านหนึ่ง ซึ่งเขาได้ค้นพบ และมั่นใจว่าระรินทิพย์ไม่ใช่ฆาตกร

เรื่องราวทั้งหมดจึงเริ่มต้นขึ้น

 

ในอดีต แชนและชั้นฉัตรเคยเดินทางไปยังบ้านห้วยทราย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ท่ามกลางพายุฝนที่พัดกระหน่ำ จนทั้งคู่เกิดหลงทางและได้ไปพบคฤหาสน์สีแดง ที่มีนายจอนเป็นคนรับใช้ ที่นั่นเองทั้งคู่จึงได้พบกับระรินทิพย์และเลิศลอย ภายในบ้านหลังนั้น ทั้งสองหนุ่มสาวเจ้าของบ้านมีท่าทีเศร้าสร้อย และทำตัวลึกลับผิดปกติ มีเพียงนายจอนที่ให้ข้อมูลอย่างน่าประหลาด เมื่อชั้นฉัตร และแชนได้เห็นรูปวาดเจ้าของบ้านที่เสียชีวิตไปแล้ว คือนายบำเรอวรบาท ที่มีหน้าตาคล้ายกับชั้นฉัตรราวกับเป็นคนเดียวกัน และนายแซม จิตรกรหนุ่มใหญ่ผู้วาดรูปนี้ขึ้น เขาคือผู้ที่นายจอนบอกว่าหน้าตาเหมือนกับร้อยเอกแชนกลับชาติมาเกิด!

และเมื่อนั้นเอง เรื่องราวของ ‘บ้านอาถรรพณ์’ ที่สองสหายหลงผ่านเข้ามาก็เริ่มต้นขึ้น จากปากของนายจอน…

เรื่อง : เพลิงโลกันต์

ผู้เขียน : เสนีย์ บุษปะเกศ

สำนักพิมพ์ : โอเดียนสโตร์

ปีที่พิมพ์ : 2496

เล่มเดียวจบ

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในอดีต ณ ถนนวิทยุ เมื่อนายแซม หนุ่มใหญ่ห้าว เถื่อน บุคลิกสมชายชาตรี ที่เพิ่งออกจากคุกมา ได้ช่วยเหลือหญิงสาวแสนสวยที่มีนามว่าโฉมสวาท จากมือเหล่าร้าย และหล่อนก็พาเขาไปอาศัยอยู่ที่บ้าน เมื่อรู้ว่าแซมต้องการหางานทำ

โฉมสวาทแยกกันอยู่กับสามีนายบำเรอวรบาท หล่อนมีท่าทีชื่นชอบแซม ยิ่งเมื่อรู้ว่าเขามีฝีมือวาดรูป จึงให้เขาวาดรูปเปลือยของหล่อน เพื่อส่งไปประชดสามี

“ผมอาจวาดภาพคุณไม่สำเร็จ” แซมบอก “การวาดภาพแม้จะเห็นภาพแท้จากภาพของคุณ แต่ผมต้องใช้มโนนึกส่วนนั้นส่วนนี้ของคุณให้ภาพมีชีวิตชีวา ถ้าผมใช้มโนนึกหนักๆ เข้า ร่างขาวๆ ของคุณกระแทกหน้าผมเข้าคุณอาจจะเสร็จผมเสียก่อนที่ภาพจะเสร็จ”

“อะไรเสร็จ” โฉมสวาทร้องถาม

“ผมจะเขมือบคุณเข้าไปในพุงของผมเสียก่อน” เขาร้อง

โฉมสวาทหัวเราะออกมาอีกและจ้องมองดูแซมตาไม่กระพริบ ในดวงตาของหล่อนนั้นมีแววปรืออย่างประหลาด ท้าทาย… ชักชวน… ยวนยี หรืออะไรที่แซมมิอาจจะรู้ได้

แต่ในที่สุดภาพวาด “ดำฤษณา” ก็สำเร็จเรียบร้อย เช่นเดียวกับที่แซมและโฉมสวาทต่างก็ตกเป็นของกันและกันด้วยไฟพิศวาสอันลุกโชน แซมลุ่มหลงโฉมสวาท จนยอมที่จะตกเป็นทาสรักของเธอ แม้แต่การที่ไปสังหารนายบำเรอวรบาท เพื่อหวังจะได้สมบัติทั้งหมดมาครอบครองร่วมกัน

 

แผนการโฉดนั้น แม้จะทำร้ายนายบำเรอจนบาดเจ็บสาหัส แต่นายบำเรอก็ยิงแซมจนเสียชีวิตคาบ้าน โฉมสวาทที่ตามมารอดูผลลัพธ์ในตอนค่ำพบว่าทุกอย่างผิดพลาด และหล่อนก็ถูกนายบำเรอใช้กรรไกรแทงจนเสียชีวิตไปพร้อมกัน

เหลือเพียงโรม ลูกชายคนเดียวของนายบำเรอวรบาทที่ยังไม่ประสาความ นายบำเรอซึ่งมีอาการผิดปกติทางจิตอยู่แล้ว รู้ดีว่าลูกของตนน่าจะมีส่วนทางกรรมพันธุ์นี้เช่นกัน จึงสั่งเสียกับ น้องชายชื่อนายวรบาทบำเรอ ให้เลี้ยงดูโรมเหมือนลูก พร้อมมรดกทั้งหมดของตน ก่อนจะเสียชีวิตลง

เรื่องทั้งหมดมีเพียงนายวรบาทบำเรอ น้องชาย และนายจอน คนรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ที่รู้ทุกอย่าง และนายวรบาทบำเรอก็มีลูกของตนอีกสองคน คือเลิศลอยและเพ็ญทิพย์ นายบำเรอได้ย้ายครอบครัวมาที่บ้านห้วยทราย ประจวบคีรีขันธ์ และเลี้ยงดูเด็กทั้งสามที่ต่างเติบโตมาด้วยกันโดยไม่รู้ว่าชะตากรรมจะโยงใยทั้งสามชีวิตต่อไปในอนาคต!

 

เด็กทั้งสามเติบโตขึ้นมาเป็นหนุ่มสาว และนายวรบาทก็เสียชีวิตลง โดยที่โรมเกิดความรักกับเพ็ญทิพย์ ขณะเดียวกัน บริเวณบ้านของนายวรบาทบำเรอก็ติดกับพื้นที่ขนาดใหญ่ของคฤหาสน์นายทัดที่ชอบพอกับเพ็ญทิพย์ และเลิศลอยเองซึ่งเป็นหนี้ทัดอยู่ ก็เห็นชอบให้น้องสาวตนเองได้แต่งงานอยู่กินกับทัดที่มีฐานะร่ำรวย และช่วยยกหนี้สินทั้งหมดให้อีกด้วย

แม้ว่าเพ็ญทิพย์จะมีความสัมพันธ์กับโรม แต่ท้ายสุดก็ถูกเลิศลอยบีบบังคับให้ไปแต่งงานกับนายทัดที่กรุงเทพฯ โดยหลอกว่าโรมเสียชีวิตไปแล้ว ทำให้อาการคลุ้มคลั่งของโรมกำเริบขึ้น

และแล้วนายจอนเองได้บอกความจริงเกี่ยวกับมรดกที่บิดาแท้จริงของโรมเขียนพินัยกรรมไว้ให้ เพียงแต่ขอร้องไม่ให้บอกความจริงนั้นจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม

บัดนี้เขากลายเป็นมหาเศรษฐี และเดินทางขึ้นมายังพระนครอีกครั้ง จนพบคนทั้งคู่ที่คาบาเร่ต์แห่งหนึ่ง เพ็ญทิพย์แต่งงานไปกับนายทัดแล้ว แม้ว่าหล่อนจะ “จงรัก” ต่อ ทัด แต่หล่อนก็ยัง “รัก” โรม ซึ่งเป็นชายคนแรกในชีวิต หลังจากโรมได้ระเบิดอารมณ์ออกมาแล้ว เขาได้พบกับ สาวคาบาเร่ต์ นาม ระรินทิพย์ ที่มีความสวยและความสาวเหมือนกับเพ็ญทิพย์ทุกประการ

ระรินทิพย์ กลายที่รองรับอารมณ์ของโรมที่กำลังคลั่งด้วยความแค้น ในขณะที่สาวคาบาเรต์อย่างเธอเอง กลับประทับใจและหลงรักโรมโดยไม่รู้ตัว ความสัมพันธ์ของสองหนุ่มสาวเป็นไปอย่างแปลกประหลาด แต่แล้วโรมก็ได้พบกับเลิศลอย ซึ่งสำนึกผิด และเมื่อเขาพาเลิศลอยมาที่บ้าน จึงรู้ภายหลังว่าเลิศลอยกับระรินทิพย์เคยเป็นสามีภรรยากันมาก่อน

โปสเตอร์ ภาพยนตร์ เพลิงโลกันต์

ระรินทิพย์เลิกรากับเลิศลอยและจากมา จนมาพบกับโรม และต่างก็ติดตามเขาจนมาที่บ้านห้วยทรายด้วยกัน เลิศลอยกลับตัวกลับใจแล้ว แต่กลายเป็นคนติดสุราจนเริ่มมีอาการทางประสาท

แต่แล้ว โรมก็รับรู้ด้วยความเจ็บปวดว่า เพ็ญทิพย์กับทัดต่างก็เดินทางกลับมาพักที่บ้านห้วยทรายเช่นกัน ความแค้นทำให้โรมไปพบกับเพ็ญทิพย์ และมีปากเสียงกัน จนต่างระเบิดความรู้สึกภายในของตัวเองออกมาว่ายังรักกันอยู่ ทัดมาเห็นเหตุการณ์นี้เข้าพอดี ทั้งคู่จึงตัดสินใจเผชิญหน้าและต่อสู้กันอย่างลูกผู้ชาย แม้ว่าเพ็ญทิพย์จะพยายามห้ามปราม และระรินทิพย์กับเลิศลอย ก็รีบตามมายังจุดเกิดเหตุ

ทัดพลาดเสียหลักล้ม และถูกโรมจ้วงแทงด้วยมีด แต่ทัดก็กัดฟันดึงมีดออกมาแทงสวนกลับไปที่โรม ก่อนที่เพ็ญทิพย์จะวิ่งไปหาทัด เลิศลอยก็ยกปืนขึ้นยิงทัดแต่พลาดไปโดนเพ็ญทิพย์ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน เลิศลอยกลายเป็นคนเสียสติไปทันที

นายทัดตายคาที่ แต่โรมฝืนใจอุ้มร่างของเพ็ญทิพย์ กลับไปยังกระท่อมที่ทั้งคู่เคยพลอดรักกันมา ก่อนที่จะสิ้นชีวิตลงพร้อมกันภายในกระท่อมหลังนั้นเอง

เรื่องราวจากปากนายจอนที่เล่าให้กับแชนและชั้นฉัตรก็จบลง ก่อนประโยคสุดท้ายที่ระรินทิพย์เองก็กำลังตั้งครรภ์ลูกของเธอ ที่เกิดจากโรม!

 

และระหว่างนั้นเองที่มีเสียงดังขึ้นภายในห้องด้านบน ทุกคนวิ่งขึ้นไปดูและพบว่าเลิศลอย ถูกกรรไกรแทงที่หน้าอก โดยด้ามกรรไกรนั้นอยู่ในมือของ ระรินทิพย์!

ก่อนตายเลิศลอยบอกทุกคนว่าระรินทิพย์เป็นคนฆ่าเขา แต่มีเพียงชั้นฉัตรเท่านั้นที่มองเห็นความผิดปกติ เขาพบว่าเลิศลอยแทงตัวเอง และบอกให้ระรินทิพย์ช่วงดึงกรรไกรออกจากอกของเขา เพื่อป้ายความผิดให้ระรินทิพย์ต้องโทษตายไปพร้อมกัน เหมือนทุกคนที่อยู่ในบ้านหลังนี้…

เสนีย์ บุษปะเกศ ไม่ได้เล่าไปถึงฉากพิพากษาในศาล อันเป็นฉากเปิดเรื่องอีกต่อไป แต่ทิ้งท้ายนวนิยายขนาดสั้นสะเทือนอารมณ์เรื่องนี้เอาไว้ว่า

ท่านผู้อ่านที่รัก เห็นจะไม่ต้องบอกก็ได้ว่าระรินทิพย์จะเป็นอย่างไร เพราะว่าความยุติธรรมย่อมไม่เข้าข้างคนผิด

อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าได้จบนิยายเรื่องนี้แล้วโดยสมบูรณ์ ถ้าหากว่ารสนิยมของเรื่องเป็นที่สมใจท่านและเหมาะสมัยที่จะเป็นภาพฉายบนจอเงินแล้ว ได้โปรดแนะนำข้าพเจ้าด้วย ถ้าหากนิยายเรื่องนี้ไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง โปรดถุยน้ำลายแล้วผ่านไป…

เสนีย์ บุษปะเกศ

155 หน้าโรงเรียนบ้านสมเด็จ ธนบุรี

Don`t copy text!