รักต้องห้าม

รักต้องห้าม

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้นครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

สุภาว์ เทวกุล เป็นนักเขียนนวนิยายรุ่นครู ผู้มีผลงานหลากหลายสไตล์ ทั้งเรื่องสั้น บทละคร และนวนิยาย ผลงานของท่านน่าจะมีจำนวนไม่น้อย แต่น่าเสียดายที่ผมไม่มีข้อมูลจำนวนนิยายทั้งหมดที่ท่านเขียนขึ้น และคิดว่าน่าจะมีอีกเรื่องที่พิมพ์จำหน่ายเพียงแค่ครั้งแรกและครั้งเดียว โดยที่ยังไม่มีโอกาสพิมพ์ออกมาใหม่อีกเลย อย่างเช่น ‘หลงราง’ ‘ชีวิตนี้เป็นที่รัก’ ‘วัยรุ่น’ ‘เงาเทียน’ ‘ขัตติยา’ หรือ ‘อัศเจรีย์’ เป็นต้น สำหรับ ‘รักต้องห้าม’ เรื่องนี้ นับว่าเป็นโชคดี ที่มีโอกาสพิมพ์ใหม่เป็นครั้งที่สอง ในปี พ.ศ. 2537 โดยสำนักพิมพ์แกรมมี่ พับลิชชิงเฮาส์ ซึ่งประกอบด้วย นวนิยายหายากสามเรื่องคือ เหยื่ออารมณ์ กำแพงหัวใจ และ รักต้องห้าม เรื่องนี้นั่นเอง

สุภาว์ เทวกุล เปิดเรื่อง รักต้องห้าม ด้วยบทพระราชนิพนธ์ มัทนะพาธา ที่ว่า

ความรัก เหมือนโรคา               บันดาลตา ให้มืดมน

ไม่ยินและไม่ยล                        อุปสัคคะใดใด

เมื่ออนุรักษ์ นายตำรวจหนุ่มน้อย ได้ติดตามเพ็ญพิลาสคู่หมั้นสาว และเดชนะ เพื่อนนายตำรวจของเขา เพื่อมารอรับ ‘พี่วาริน’ พี่สาวที่เป็นญาติห่างๆ ของเธอและอายุห่างกันเกือบแปดปี วารินและเพ็ญพิลาศต่างเป็นลูกกำพร้าทั้งคู่และต้องมาอาศัยอยู่กับคุณป้าทำให้ทั้งสองสนิทสนมกันมาก เพ็ญพิลาสรักและนับถือวารินเหมือนพี่สาวแท้ๆ คนหนึ่ง

 

ต่อมาวารินแต่งงานกับเกริก นันทวัฒน์ ซึ่งเป็นเลขานุการทูต และเธอก็ติดตามสามีไปใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศถึงกว่าเจ็ดปี ตราบจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์สำคัญขึ้น

เกริกเสียชีวิตกะทันหันและทิ้งมรดกต่างๆ เอาไว้ให้วารินภรรยาสาวคนสวยของเขาเป็นจำนวนมหาศาล ในขณะเดียวกันมีผู้พบเห็นว่าในคืนวันเกิดเหตุนั้น วารินออกไปข้างนอกบ้านและกลับมาพร้อมกับชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง จนทำให้เกิดเป็นข่าวครหาเกิดขึ้นว่าการเสียชีวิตของเกริก นันทวัฒน์ อาจจะมีเบื้องหลัง

โดยเฉพาะเมื่อหล่อนเดินทางกลับมาเพื่อสะสางมรดกของสามี ซึ่งเหตุการณ์นี้อยู่ในสายตาของพันตำรวจตรีกฤษณะ อธิกุล ที่เขากำลังจับตามองหล่อนด้วยความสงสัยและตามสืบเรื่องดังกล่าวอยู่ สารวัตรกฤษณะ เป็นนายตำรวจหนุ่มใหญ่ และเป็นเจ้านายของอนุรักษ์กับเดชนะ จึงเป็นเรื่องไม่ยากที่เขาจะพาตัวเข้าไปตีสนิทกับวารินในโอกาสนี้พอดี

วารินมาอยู่ที่บ้านคุณป้ากับเพ็ญพิลาสสักพัก ก็ขอแยกตัวไปอาศัยอยู่เพียงลำพัง ที่บ้านอันเป็นมรดกของคุณเกริก อดีตสามี ทำให้คุณป้าของเธอไม่พอใจ

การปรากฏตัวของวาริน ความสงบนิ่งเยือกเย็น และบุคลิกเป็นผู้ใหญ่ของเธอ สร้างความประทับใจให้กับอนุรักษ์โดยไม่รู้ตัว เขาเองเป็นเด็กหนุ่มเจ้าอารมณ์ที่มีความคิดฝัน และเมื่อมาคบหาจนหมั้นหมายเพ็ญพิลาสที่มีนิสัยคล้ายกันด้วยแล้ว อนุรักษ์กลับโหยหาความอบอุ่นของสตรีที่สามารถให้กำลังใจและเป็นผู้ใหญ่กว่าเขา และยังมีความเป็นกันเอง ไม่ต่างกับเป็นทั้งพี่ เป็นทั้งเพื่อน ที่สามารถพูดคุยปรึกษาปัญหาต่างๆ ให้กับเขาได้แทบทุกเรื่อง

ซึ่งวารินสามารถเป็นได้ทุกอย่างนั้น อย่างที่เขาพึงปรารถนา!

มันเป็นความแตกต่างจากสาวน้อยแสนงอนแบบเด็กๆ อย่างเพ็ญพิลาส ที่เขาต้องเป็นฝ่ายคอยเอาอกเอาใจโดยสิ้นเชิง วารินเป็นเหมือนพี่สาวที่คอยให้คำปรึกษา ด้วยความรักใคร่เอ็นดูว่าเขาเป็นคู่หมั้นน้องสาวของเธอ และด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้อนุรักษ์พยายามหาเหตุผลที่จะแวะเวียนมาหาเธอที่บ้านอยู่บ่อยครั้ง โดยที่เพ็ญพิลาศเองก็ไม่ได้คิดระแวงในความสัมพันธ์อันสนิทสนมของคนทั้งคู่

ยกเว้นสรวงสุดา เพื่อนสนิทของเพ็ญพิลาศ

หล่อนเป็นน้องสาวของเดชนะ และตนเองก็แอบชื่นชอบอนุรักษ์มาก่อนหน้านี้ โดยปกปิดความรู้สึกที่แท้จริงไว้

ภายใต้ท่าทีรักและหวังดีต่อเพ็ญพิลาส สรวงสุดาไวต่อความรู้สึกของตนเองที่มีต่ออนุรักษ์เป็นพิเศษ และรู้ทันทีว่านายตำรวจหนุ่มผู้นั้นกำลังตกหลุมรักสาวใหญ่อย่างวาริน ความริษยาที่ซ่อนลึกไว้ ทำให้หล่อนแสดงบทบาทเพื่อนแสนดี เล่าเรื่องนี้ให้กับเพ็ญพิลาสฟัง จนสาวน้อยเกิดความหวั่นระแวงในตัวคู่หมั้นหนุ่มขึ้นมา

กฤษณะติดต่องานให้กับวาริน โดยไปเป็นผู้ช่วยในบริษัทของบรรเจิด เพื่อนของเขา แม้ว่าหญิงสาวจะรู้สึกว่ากฤษณะมีบางอย่างที่น่าสงสัยในเจตนาของเขา แต่หล่อนก็ยินดีรับไมตรีจิต ที่ทำงานนั่นเอง ที่ทำให้หล่อนมีโอกาสรู้จักกับศศิน หนุ่มใหญ่ที่เงียบขรึม แต่มีอัธยาศัยไมตรีเป็นอย่างดี

ความสนิทสนมที่เริ่มต้นขึ้นด้วยมิตรภาพเริ่มดำเนินไป จนกลายเป็นอีกความรู้สึกหนึ่งของคนทั้งคู่ แม้ว่าวารินจะรู้ว่าศศินมีครอบครัวแล้ว

ดวงตาของศศินที่มองดูหล่อนในขณะนั้น บอกแจ้งถึงความรู้สึกของเขาจนหมดสิ้น โดยไม่จำเป็นต้องใช้วาจาเลย…

แล้วแขนทั้งสองของเขาก็โอบรัดร่างของหล่อนไว้ ดึงเข้าไปแนบชิดกับตัวเขา วารินรู้สึกว่าความรู้สึกของหล่อนหมุนคว้าง และแล้วก็กลับหยุดนิ่ง จมดิ่งลึกลงเมื่อริมฝีปากของศศินประทับลงบนริมฝีปากของหล่อน

ในบัดนั้น วารินก็ลืมทุกสิ่งทุกอย่างสิ้น ลืมว่าศศินเป็นใคร ตัวหล่อนเองเป็นใคร ลืมแม้กระทั่งจะถามตัวเองว่ากำลังทำอะไรอยู่ และสิ่งที่ทำนี้มันถูกต้องแล้วหรือ…

ในใจของวารินกลับมีแต่คำถาม เมื่อยามที่ได้เห็นเขาอยู่กับผู้เป็นภรรยา

ทำไมเล่า การที่เราจะรักใครสักคนหนึ่งนั้นมันเป็นความผิดด้วยหรือ เรารักเขาโดยมิได้หวังอะไรให้เกินไปกว่านั้น รักเพื่อขอเพียงแค่ความสุขใจแต่อย่างเดียว ถึงแม้คนอื่นจะไม่รู้ แต่อย่างน้อยศศินก็ย่อมรู้อยู่แก่ใจดีว่าหล่อนมิได้มีเจตนาที่จะแย่งเขามาจากครอบครัวเลยจนนิดเดียว มิได้เคยหน่วงเหนี่ยวแย่งชิงเวลาที่เขาควรจะอยู่กับครอบครัวของเขาเลยจนนาทีเดียว

หากความรักที่หล่อนมีต่อเขา กลายเป็นรักต้องห้ามไปเสียแล้ว แม้ว่าหล่อนจะพยายามหักห้ามใจสักเพียงใดก็ตาม และเช่นเดียวกับวารินที่รับรู้ความรู้สึกของอนุรักษ์ที่มีต่อตัวเองด้วยเช่นกัน เพียงแต่ ความรู้สึกของวารินที่มีต่ออนุรักษ์ เป็นเพียงความรัก ความเอ็นดู อย่างพี่สาว พึงมีต่อน้องชายเท่านั้นเอง

แต่อนุรักษ์กลับไม่ต้องการเพียงแค่นั้น!

ในเวลาที่เพ็ญพิลาสถูกยุแยงจากสรวงสุดา จนหมางเมินกับเขา และคำตอบของวารินที่บอกความรู้สึกที่แท้จริงนั่น ทำให้อนุรักษ์จมอยู่กับความผิดหวัง และสรวงสุดาก็เข้ามาในจังหวะนั้นพอดี ความมึนเมา ความเสียใจผิดหวัง ทำให้เขาพลั้งเผลอจนไปมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับหล่อน และจากนั้น กลายเป็นสรวงสุดานี่เองที่คอยตามตื๊อเขาไม่ให้คลาดสายตา

กฤษณะและทีมนายตำรวจ ได้รับมอบหมายให้ไปปฏิบัติหน้าที่ปราบปรามผู้ร้าย ยังจังหวัดชายแดน รวมถึงอนุรักษ์ ซึ่งอยู่ในทีมของเขาด้วย แต่ในเวลานี้ นายร้อยตำรวจหนุ่มผู้นั้น กำลังบาดเจ็บสาหัสจากพิษของความรัก ความผิดหวัง รวมถึงปัญหาที่เขาก่อขึ้นกับสรวงสุดา

เรื่อง : รักต้องห้าม

ผู้เขียน : สุภาว์ เทวกุล

สำนักพิมพ์ : ประพันธ์สาส์น

ปีที่พิมพ์ : ไม่ปรากฏปีที่พิมพ์

ภาพวาดปก : พนม สุวรรณบุณย์

สองเล่มจบ

เขามาพบกับวาริน และกินเหล้าที่บ้านพักของเธอจนเมามาย ก่อนจะสารภาพรักด้วยความหวังสุดท้าย แต่วารินก็ปฏิเสธอย่างชัดเจน ในเวลานั้นเองหญิงสาวก็รับรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของศศินที่มีต่อเธอ เมื่อถึงเวลาจำเป็นถ้าหากเขาต้องเลือก สุดท้ายเขาก็ต้องเลือกภรรยาที่อยู่ร่วมกันมากับเขา แม้ว่าจะไม่ได้รักเท่ากับเธอก็ตาม!

สิ่งนั้นเองทำให้วารินตัดสินใจได้เด็ดขาด หล่อนเดินทางไปหาโสภา เพื่อนสาวที่อยู่ในจังหวัดหนึ่งทางภาคใต้ ตัดขาดจากทุกคนไปชั่วคราว

ด้วยเหตุนี้เอง เมื่ออนุรักษ์รู้เรื่องทั้งหมดจากหญิงรับใช้ในบ้านของวาริน ทำให้เขาขาดสติ ตัดสินใจขับรถเพื่อไปตามหาเธอ และด้วยอารมณ์อันเร่งร้อนนั่นเอง ทำให้เขาเผลอขับรถชนคนตายระหว่างทาง

เมื่อได้พบกับวารินที่บ้านของโสภา เขาจึงตัดสินใจบังคับพาตัวหล่อนให้หนีไปพร้อมกันกับเขา เพื่อให้หนีพ้นไปจากปัญหาทั้งปวง แม้ว่าจะต้องตายไปพร้อมกัน เขาก็ไม่เหลืออะไรจะต้องสูญเสียอีกต่อไป

กฤษณะและทีมนายตำรวจติดตามเพื่อไปช่วยเหลือพาตัววารินกลับมา และในเวลาต่อมานั้นเอง อนุรักษ์ก็ต้องจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถ เขาพ่ายแพ้ในสนามของชีวิต และสนามของความรัก!

ในปกหลังของรักต้องห้าม ฉบับพิมพ์ครั้งใหม่ ได้เขียนเกี่ยวกับ เรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจเลยทีเดียวว่า…

“รักต้องห้าม” : แน่ล่ะ ความรักเป็นสิ่งหอมหวานแต่ก็ไม่แน่นักว่า มันจะเป็นสิ่งที่ดีเสมอไป

อนุรักษ์ผิดหรือ ในการที่เขาจะมาหลงรักหล่อน ผู้ซึ่งให้ความใกล้ชิดสนิทสนมกับเขายิ่งกว่าสตรีใด แม้แต่สตรีผู้เป็นคู่หมั้นของเขาเองเช่นนี้ และหล่อนเล่า หล่อนผิดหรือ ในการที่ได้ให้ความสนิทสนมกับเขาด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพราะถือว่าเขา เป็นเสมือนน้องชายของหล่นเช่นกัน

ใครเล่า เป็นคนผิด ใครเป็นต้นเหตุให้เกิดความยุ่งยากอันสุดจะหาทางแก้ไขนี้ขึ้น

Don`t copy text!