ชตาของเสรินทร์

ชตาของเสรินทร์

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้ครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

****************************

ผมเคยเห็นงานเขียนของ ‘๒๔๕’  เป็นครั้งแรกจากนวนิยายชื่อสั้นๆ ว่า ‘รัก’ ซึ่งยอมรับว่าในตอนนั้นไม่ได้สนใจอะไรมากนัก นอกจากรู้สึกประทับใจแกมพิศวงว่า ช่างเป็นนวนิยายชื่อเรื่องสั้นเสียเหลือเกิน และนามปากกาก็ยังแปลกกว่านามปากกาอื่นที่เคยเห็นมา จนกระทั่งทราบภายหลังว่า นวนิยายเรื่องนี้ เคยตีพิมพ์มาไม่ต่ำกว่าสามครั้ง ซึ่งแสดงถึงความนิยมของผู้อ่านต่อผลงานเรื่องนี้อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งถ้ามีโอกาสคงจะได้นำมาเขียนถึงต่อไปครับ

ส่วน ชตาของเสรินทร์  จัดเป็นนวนิยายขนาดสั้นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งภายในเล่มยังประกอบด้วยเรื่องสั้นขนาดยาวชื่อ ร่มโพธิ์ทอง และเรื่องสั้นอีกประมาณสามเรื่อง รวมเอาไว้ในเล่มเดียวกันนี้ด้วย

๒๔๕ เปิดเรื่อง ชตาของเสรินทร์ จากบทสนทนาของสองหนุ่มกัมพลกับอดิเทพ ที่มาสังสรรค์กันยังร้านอาหารแห่งหนึ่งแถวราชวงศ์ และได้พบกับชายหญิงคู่หนึ่งเข้าโดยบังเอิญ โดยเฉพาะกิตติศัพท์ของฝ่ายชายในด้านลบก่อนหน้านี้

หญิงสาวหน้าแฉล้ม รูปทรงโปร่งบางท่วงทีอ่อนหวานแช่มช้อย เบื้องหลังชายหนุ่มร่างใหญ่ ผมยุ่งปรกหน้าผาก แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเนื้อดีแต่เจ้าตัวไม่สู้เอาใจใส่นัก ใบหน้าและแววตาแช่มชื่นอย่างเป็นสุข มีท่าทีคล้ายจะประคองร่างเล็กๆ นั้น ชายหนุ่มจูงมือหญิงสาวเดินไปยังรถคันเล็กเปิดประตูให้แล้วประคองให้นั่ง ท่วงทีคล้ายจับต้องวัตถุที่บอบบางที่สุด ปิดประตูให้พร้อมกับยิ้ม เมื่อหญิงสาวขอบคุณเขาด้วยแววตาและยิ้มจนเห็นฟันซี่เล็กๆ เรียงเป็นระเบียบ แล้วย้อนมาที่นั่งคนขับ ไม่ช้า ออสตินสปอร์ตสีตะกั่วตัด ก็ถอยหลังแล่นออกไปโดยเร็ว…

ทั้งคู่คือเสรินทร์และชตา คู่สามีภรรยาที่ฝ่ายชายเองเคยมีประวัติเป็นหนุ่มเสเพล หัวราน้ำ จนใครๆ ต่างเอือมระอา ในขณะที่ฝ่ายหญิงแทบไม่ต่างกับนางฟ้า แต่แล้ว นางฟ้าผู้นี้แหละที่สามารถเปลี่ยนให้เสรินทร์ได้กลับมาเป็นผู้เป็นคนและมีอนาคตร่วมกันกับเธออีกครั้ง

ด้วยความรัก!

เรื่องราวของสองหนุ่มสาวที่แตกต่างกันราวฟ้ากับดินนี้ ได้สร้างความสนใจให้กับกัมพลและอดิเทพเป็นอย่างมาก ทั้งคู่รู้ว่าหมออภิศักดิ์ สหายอีกคน เคยรู้เรื่องราวในอดีตของทั้งคู่เป็นอย่างดี จึงได้เดินทางไปหา และจากนั้นเรื่องของเสรินทร์กับชตาก็ได้เริ่มต้นขึ้น…

ชตาเป็นธิดาสาวแสนสวยของคุณเติมและคุณช้อย ที่บ้านของเธอเป็นสวนผลไม้ และอาณาเขตอยู่ติดกับบ้านของอภิศักดิ์ ที่เติบโตมาด้วยกันในฐานะเพื่อนบ้านที่สนิทสนม แล้ววันหนึ่ง กลุ่มนักเรียนนายเรือกลุ่มหนึ่งก็แล่นเรือผ่านมา เสรินทร์ นักเรียนนายเรือท่าทางเฮี้ยวที่สุด อาสาไปขโมยชมพู่ที่กำลังออกผลเต็มต้น ยังสวนแห่งหนึ่ง แต่แล้วเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับสาวน้อยชตาที่เป็นเจ้าของสวนเข้าโดยบังเอิญ เหตุการณ์นั้น ทำให้ทั้งคู่เริ่มรู้จักกันและกลายเป็นมิตรภาพที่งดงาม เมื่อสหายและเสรินทร์ต่างแวะเวียนมาที่สวนของเธอหลายต่อหลายครั้ง

เสรินทร์แอบรักชตา แต่ไม่เคยกล้าปริปากบอกเธอ เพราะกลัวว่ามิตรภาพที่งดงามจะสูญสลายไปด้วย ชตาเป็นมิตรเพียงคนเดียวที่เขาพร้อมจะพูดทุกอย่างกับเธอ แม้แต่สารภาพความผิด ไม่ว่าจะทำอะไรมาก็ตาม เพราะรู้ว่าเธอพร้อมจะให้อภัยและให้กำลังใจเขาอยู่เสมอ

ชตาเองก็ต้องการให้เสรินทร์ประสบความสำเร็จในชีวิต เธอขอให้เขารับปากว่าจะตั้งใจเรียนจนจบ แต่แล้วด้วยความผิดพลาด ทำให้เสรินทร์ต้องถูกรีไทร์ และมันคือความรู้สึกผิดที่เขาไม่สามารถทำตามคำสัญญาต่อมิตรรักอย่างเธอได้ ทำให้เสรินทร์ออกไปใช้ชีวิตเป็นลูกจ้างบริษัทเดินเรือ และใช้ชีวิตอย่างเสเพล โดยไม่กล้าจะกลับมาเผชิญหน้ากับชตาหญิงสาวที่เขาแอบหลงรัก ด้วยความละอายใจ ชื่อของเสรินทร์ถูกกล่าวขานกันไปทั่วในด้านลบ จนใครๆ ต่างก็เอือมระอากับพฤติกรรมไม่รักดีของเขา

ชตาเองก็ทั้งผิดหวังและน้อยใจ ต่อมานางช้อยแม่ของเธอพยายามติดต่อจิรพงศ์ญาติห่างๆ ของเธอให้แต่งงานด้วย แต่หญิงสาวผู้มั่นคงในความรู้สึกของตัวเอง กลับเป็นฝ่ายปฏิเสธอย่างเด็ดเดี่ยว แม้ว่ามารดาของเธอจะรังเกียจพฤติกรรมของเสรินทร์เพียงใด แต่สำหรับชตาแล้ว เขาคือเด็กหนุ่มเสรินทร์คนเดิมที่ไม่เคยปฏิเสธหรือทำให้เธอต้องเสียน้ำตา…

ชตาตัดสินใจไปพบกับเสรินทร์ที่บาร์แห่งหนึ่ง ท่ามกลางผู้หญิงอื่นๆ ที่รายล้อมรอบเขา เสรินทร์รับรู้ในวันนั้นเองว่าเธอรู้สึกเช่นเดียวกับเขา แค่นี้ก็ทำให้เสรินทร์มีความสุขที่สุดในชีวิตแล้ว แต่ลูกผู้ชายที่มีชีวิตล้มเหลว ถูกรีไทร์จากการเป็นนายทหารเรือ ขณะที่เพื่อนคนอื่นๆ กำลังรุ่งโรจน์ในอาชีพแห่งราชนาวี ทำให้เขารู้สึกผิดถ้าหากจะต้องเป็นฝ่ายดึงเธอลงมา

เขารู้ด้วยความเจียมตัวว่า นางช้อยและนายเติม พ่อแม่ชตา ต้องการให้ลูกสาวมีอนาคต กับผู้ชายที่พรั่งพร้อมอย่างจิรพงศ์มากกว่าเขาเองที่มีแต่ตัว

เสรินทร์ขับรถประสบอุบัติเหตุบาดเจ็บสาหัส และทำให้อภิศักดิ์ซึ่งจบเป็นนายแพทย์ได้รับรู้ความจริงเกี่ยวกับความรู้สึกเสียสละของเขา อภิศักดิ์บอกกับชตาและหล่อนก็ยิ่งรู้สึกรักเสรินทร์ มากขึ้น นายเติมได้ยินคำพูดทั้งหมดของอภิศักดิ์และชตา ทำให้เริ่มเข้าใจความรักความเสียสละของเสรินทร์ที่มีต่อลูกสาวสุดที่รักของเขา มันก็แทบไม่ต่างกับความรักของเขาเองกับนางช้อย แม่ ชตาเองในตอนวัยรุ่นหนุ่มสาวเมื่อหลายสิบปีก่อน กว่าทั้งคู่จะฝ่าฝันอุปสรรคจนครองคู่มาถึงปัจจุบันและมีชตาเป็นโซ่ทองคล้องใจ มันทำให้เติมได้ตัดสินใจพูดคุยกับภรรยา จนเข้าใจกันในที่สุด

“จำเป็นหรือคุณที่ผู้หญิงจะต้องรักคนที่คนอื่นเห็นดีเสมอไป คนที่ใครๆ เห็นเลว อาจจะเป็นคนดีที่สุดของเขาก็ได้ คนเราไม่แน่ว่าจะต้องรักกันที่ความดี หรือเพราะเป็นคนดี หากอาจะจะรักกันที่น้ำใจก็เป็นได้”

“ถามจริงเถอะ คุณจะยกลูกให้คนอย่างนายเสรินทร์หรือ?”

“ก็ไอ้คนที่ยอมสละแม้ชีวิต เพื่อความสุขของคนที่มันรักน่ะ เป็นความดีหรือเลวกันเล่าคุณ” คำพูดของสามีทำให้คุณช้อยอึ้งไป

ส่วนเสรินทร์นั้น เมื่อชตาได้คอยมาเฝ้าดูแลเขาด้วยความห่วงใย ชายหนุ่มก็เริ่มมีอาการดีขึ้นด้วยกำลังใจจากหญิงสาวเพียงคนเดียวที่เขารัก โดยไม่เคยเปลี่ยนแปร

เสรินทร์ใฝ่ฝันที่จะสร้างภาพฝันที่เป็นเงาเลือนรางนั้นให้กลายเป็นภาพจริงชัดเจนขึ้นด้วยความสามารถของตนเอง โดยมีชตาเป็นกำลังใจในเมื่อเขาเริ่มท้อ และดันให้เขาก้าวเมื่อเขาคิดจะถอย ชตาเป็นทุกอย่างของเขา ความสุข ความหวังและกำลังใจ ยิ่งกว่านั้นเธอยังเป็นดวงใจ แก้วตาและชีวิตของเขาได้

บัดนี้เสรินทร์ สุภาพบุรุษเสเพลในอดีตในทิ้งลวดลายเยี่ยงเสือร้ายตัวฉกาจ และถอดเขี้ยวเล็บลงจนหมดสิ้น ในชีวิตของเขายอมสยบให้กับชตา หญิงสาวเพียงคนเดียว ทั้งคู่ได้แต่งงานกันและใช้ชีวิตร่วมกันด้วยความเข้าใจและความสุข เสรินทร์สร้างตัวขึ้นด้วยความมานะพยายาม โดยมีชตาเป็นแรงใจสำคัญจนประสบความสำเร็จ ท่ามกลางความประหลาดใจของทุกคนที่เคยปรามาส เขามาก่อน

ส่วนเรื่องสั้นที่เหลือ ได้แก่ ร่มโพธิ์ทอง เป็นเรื่องราวในครอบครัวของนางมาลีกับนายลอย สุวรรณโพธิ์ ที่มีลูกๆ ถึงห้าคน แต่แล้วเมื่อสูญเสียร่มโพธิ์ทองอย่างนายลอยไป ทำให้ชีวิตแม่ม่ายอย่างมาลี ต้องไปอาศัยกับน้องเขยคือหลวงราญอริราษฏร์กับคุณชไม ซึ่งต่างก็มีลูกในวัยไล่เลี่ยกัน

เด็กๆ ที่เติบโตมาอย่างขาดพ่อ จนเริ่มเป็นวัยรุ่นหนุ่มสาว ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามาในชีวิต แต่แล้วด้วยความยึดมั่นในความสุจริต ความดีงาม โดยมีรูปของพ่อเป็นสรณะ ก็นำพาชีวิตให้ก้าวเดินไปสู่เส้นทางของความสำเร็จในที่สุด

ฉากสุดท้ายของเรื่องคือวันหมั้นหมายของเลิศลักษณ์ นางเอก กับเจตน์ พระเอกของเรื่อง เมื่อเลิศลักษณ์ได้เข้ามากราบอธิษฐานต่อหน้ารูปวาดของนายลอย บิดาผู้ล่วงลับอีกครั้ง

“พ่อสุดที่รักและเคารพ ร่มโพธิ์ทองของลูก ลูกขอกราบเท้าด้วยความขอบพระคุณในความกรุณาของพ่อที่มีต่อลูก วันนี้ลูกของพ่อมีความสุขที่สุด สุขอย่างแท้จริง หลังจากที่พ่อได้จากแม่และลูกไป วันนี้เป็นวันหมั้นของลูกและเขา คนที่ลูกรัก ขอพ่อจงอวยพรความสุขแก่ลูกและเขา…

พ่อขา แม้พ่อจะไร้ยศศักดิ์ แต่ความดีของพ่อ มีค่าเหนือกว่ามากนัก และด้วยคุณความดีของพ่อนี้ ได้ช่วยให้ลูกพ้นความทุกข์ ลูกขอกราบไหว้บูชา ระลึกถึงพระคุณของพ่อด้วยหัวใจ วิญญาณ ขอดวงวิญญาณของพ่อจงรับทราบและอวยพรความสุขแก่ลูกของพ่อด้วย”

ส่วนเรื่องสั้นๆ อีกประมาณสามเรื่อง ได้แก่ สิ้นเสียงพิณ วันวิวาห์ และ บ้านผาโหด นั้น มี บ้านผาโหด ที่เป็นแนวผสานจินตนาการกึ่งฝันกึ่งจริง บอกเล่าถึงคู่สามีภรรยาสุริยาและมารต นายทหารเรือหนุ่ม ที่พาเธอมาอาศัยอยู่ที่สัตหีบ ณ บ้านพักบนภูเขาที่แสนสวย อันมีชื่อว่า บ้านผารัก แต่แล้วสุริยาก็เกิดฝันถึงบ้านแห่งนั้น ในอดีตกาล เมื่อมีสองสามีภรรยามารุตและสุริยาวดีเข้ามาอยู่ ชายหนุ่มจำต้องออกไปล่าสัตว์ และขอให้ภรรยาเฝ้ารอคอยอยู่ที่ในบ้าน โดยห้ามเปิดประตูออกไปโดยเด็ดขาด ถ้าหากไม่ได้ยินเสียงเขาเรียกมาก่อน

เรื่อง : ชตาของเสรินทร์

ผู้เขียน : ๒๔๕

สำนักพิมพ์ : รวมสาส์น

ปีที่พิมพ์ : ไม่ปรากฎปีที่พิมพ์

เล่มเดียวจบ

เขาหายไปนาน จนเธอผล็อยหลับไป และตื่นขึ้นกลางดึกด้วยเสียงเคาะประตู ทำให้ สุริยา รีบเปิดประตูออก ด้วยความดีใจจนลืมนึกถึงคำสั่งห้าม และเบื้องหน้าเธอคือหมีตัวมหึมา มันโผนเข้าทำร้ายเธอจนเสียชีวิต และมารุตก็กลับมาช่วยไม่ทัน เขายิงหมีตัวนั้นตาย และด้วยความเศร้าโศกเสียใจ มารุตตัดสินใจกระโดดหน้าผาแห่งนั้นเพื่อจบชีวิต และจากนั้น บ้านแห่งนั้นก็ได้ชื่อว่า บ้านผาโหด!

สุริยาตื่นจากความฝันที่เสมือนจริงจนเธอขนลุกซู่ และเมื่อมารุตกลับมา เธอก็ขอร้องให้เขาย้ายกลับลงไปพัก ที่บ้านพักนายทหารร่วมกับเพื่อนทหารเรือคนอื่นๆ มารุตได้แต่ประหลาดใจว่าเธอรู้ได้อย่างไร บ้านผารักนี้แต่เดิมคือชื่อบ้านผาโหด และนายทหารหัวหน้าของเขาก็เตือนก่อนหน้านี้ว่า บ้านหลังนี้มักจะมีคนไปอาศัยอยู่ไม่นานก็ขอย้ายกลับลงมาอยู่ข้างล่างแทนกันหมด?

เมื่อได้อ่านเรื่องสั้นหลายเรื่อง รวมถึงมีโอกาสอ่านผ่านตาเรื่อง ‘รัก’ ของ ๒๔๕ ผมพบว่า ตัวละครหลัก หลายตัวจะเกี่ยวพันกับอาชีพทหารเรือ และฉากส่วนใหญ่ก็จะเป็นฐานทัพเรือสัตหีบ ชลบุรี ทำให้คิดว่า ผู้เขียนน่าจะมีความผูกพันหรือเกี่ยวข้องกับอาชีพทหารเรือ ในพื้นที่แถบนี้อยู่บ้าง ซึ่งน่าเสียดาย ที่ไม่มีข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับนามปากกานี้เลยครับ 

Don`t copy text!