บ้านลัดดาวัลย์

บ้านลัดดาวัลย์

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้ครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

**************************** 

เมื่อนึกถึงผลงานนวนิยายของ ‘อรุณรุ่ง’ หลายคนน่าจะรู้จัก ดอกรักบานหลังฝน ซึ่งเป็นนวนิยายรักโรแมนติกแสนประทับใจ และเคยนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ รวมถึงละครโทรทัศน์มาแล้ว โดยเวอร์ชันภาพยนตร์นั้น บทบาทมาตาฮารี พระเอกของเรื่อง นำแสดงโดย คุณสรพงศ์ ชาตรี และปิยนุช นางเอกที่นำแสดงโดย คุณชลิดา เสาวดี เป็นเวอร์ชันที่ผมประทับใจเป็นอย่างมากในสมัยตอนเด็กๆ ที่มีโอกาสได้ชม นอกจากนี้ บางคนอาจจะคุ้นเคยกับเรื่อง มัจจุราชฮอลิเดย์ นวนิยายแนวแฟนตาซีโรแมนติกที่นำไปสร้างเป็นละครด้วยเช่นกัน

สำหรับ บ้านลัดดาวัลย์ ก็เป็นนวนิยายอีกเรื่องหนึ่ง ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น และอบอวลไปด้วยความรักความโรแมนติกในอีกสไตล์หนึ่งของอรุณรุ่ง นวนิยายเรื่องนี้เคยตีพิมพ์ในนิตยสาร สกุลไทย ซึ่งผู้เขียนได้ใช้นามปากกาว่า ‘สายรุ้ง’ ก่อนจะนำมาเปลี่ยนเป็นอรุณรุ่ง ตอนรวมเล่มภายหลัง

บ้านลัดดาวัลย์ เป็นเรื่องราวความผูกพันตั้งแต่วัยเยาว์ของเด็กน้อยสี่คน โดยใช้ฉากเหตุการณ์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อครอบครัวของคุณวิภาวรรณ และคุณอิสรภาพ เดินทางอพยพมาจากกรุงเทพฯ เพื่อมาอาศัยอยู่ชั่วคราวกับคุณเสริมศักดิ์และคุณลัดดาวัลย์ที่ต่างจังหวัด ซึ่งบ้านหลังนั้นก็มีชื่อว่า บ้านลัดดาวัลย์

คุณลัดดาวัลย์มีลูกสาวเพียงคนเดียวในวัยเจ็ดขวบคือ แก้วกานดา ซึ่งเป็นเด็กหญิงหน้าตาน่ารักและนิสัยอ่อนโยนเหมือนกับเธอ และยังอุปการะจันทร์แจรง เด็กสาววัยห้าขวบ เอาไว้อีกคนหนึ่งด้วย

ในขณะที่คุณวิภาวรรณเองก็มีลูกชายสองคน เด็กชายอิสระ ลูกคนโต ซึ่งมีท่าทางเข้มแข็งและค่อนข้างเกเรอยู่ไม่น้อย ส่วนเอกราช ลูกชายคนเล็กนั้น คุณวิภาวรรณรักและตามใจมากจนเห็นความแตกต่างได้ชัดเจน และนั่นอาจจะเป็นสาเหตุให้เอกราชเป็นเด็กอ่อนโยนและอ่อนแอไปพร้อมกัน เพราะถูกเลี้ยงมาอย่างไข่ในหิน ขณะที่อิสระกลายเป็นเด็กดื้อรั้น เกเร เพราะไม่เคยได้รับความรักความเอ็นดูจากผู้เป็นแม่เลยสักนิดเดียว และในที่สุดเขาก็รู้ความจริงว่า ตัวเองไม่ใช่ลูกชายของคุณวิภาวรรณ แต่เป็นลูกติดมาจากผู้หญิงอีกคนหนึ่งของคุณอิสรภาพ ทำให้เธอเกลียดชังเด็กชายตัวน้อยผู้นี้ แทนความเกลียดชังต่อมารดาของเขานั่นเอง!

ชีวิตในบ้านลัดดาวัลย์ ที่เต็มไปด้วยมิตรภาพ ระหว่าง เด็กชายหญิงทั้งสี่ และวีรกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้น สร้างความรักและความผูกพันระหว่างกันโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะแก้ว กานดา บริรักษ์ เด็กหญิงตัวน้อยที่มีจิตใจเอื้ออารีต่อทุกคน ความน่ารักนั้นทำให้อิสระประทับใจ และผูกพันต่อแก้วกานดา และคุณลัดดาวัลย์ มารดาของเด็กหญิงที่ให้ความรักแก่เด็กกำพร้าอย่างเขา เต็มเปี่ยม อิสระนับถือเธอไม่ต่างกับเป็นแม่คนหนึ่งของเขาเลยทีเดียว

เมื่อสงครามจบสิ้นลง และคุณอิสรภาพต้องเดินทางไปรับราชการที่ยะลา สองครอบครัวก็ต้องอำลาจากกัน โดยที่ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้พบกันอีกหรือไม่ แต่ภาพของพี่อิสหรือ ‘ก้อนอิฐ’ ของ แก้วกานดา ก็ยังอยู่ในใจของเธอเสมอมา ตราบจนเวลาผ่านพ้นไป และเธอเติบโตขึ้นเป็นเด็กสาวแสนสวยที่น่ารัก และเรียนเก่ง แก้วกานดาตัดสินใจจะสอบเข้าเรียนสังคมสงเคราะห์ที่ธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นสาขาวิชาใหม่ในเวลานั้น ในขณะที่จันทร์แจรงเองเติบโตขึ้น แต่ก็มีปัญหาในการเรียนทำให้ต้องเรียนซ้ำชั้นอยู่บ่อยๆ เด็กสาวอดรู้สึกเปรียบเทียบกับแก้วกานดาอยู่ลึกๆ ไม่ได้ เมื่อหญิงสาวรุ่นพี่มีทุกอย่างที่เหนือกว่าเธอ

ใช่สิ! ใครๆ ก็รักและหลงแก้วกานดาคนสวยคนน่ารัก เป็นพระเอกของโรงเรียน แม้แต่ครูบาอาจารย์ ทำไมเขาต้องเกิดมาเพื่อเป็นคู่แข่งกับจันทร์แจรงคนนี้ด้วย คอยดูนะ ยิ่งมีแต่คนรักใคร่ไยดีแก้วกานดาเท่าใด จันทร์แจรงคนนี้ ก็จะทำตัวให้ตรงกันข้ามเท่านั้น สิ่งใดที่แก้วกานดาอยากได้ ถ้าเป็นความปรารถนาอย่างสูงส่งของเธอ โดยเฉพาะความรัก อย่าหวังว่าแก้วกานดาจะสมปรารถนา ขอให้เธอได้พบกับความผิดหวัง ขมขื่น ที่ต้องเกิดมาเป็นรองเขาตลอดชาติ เช่นจันทร์แจรงผู้นี้ด้วยเถิด

เด็กสาวนึกอธิษฐานกับตนเองด้วยความริษยาอีกฝ่าย โดยไม่รู้ว่าในอนาคต สิ่งที่ตัวเองตั้งความปรารถนานั้นจะกลายเป็นจริง!

ในเวลานั้นเอง แก้วกานดาไม่รู้เลยว่าครอบครัวของเธอกำลังประสบปัญหาอย่างหนัก เมื่อธุรกิจการค้าของคุณเสริมศักดิ์บิดาเธอกำลังย่ำแย่ และในที่สุดเขาก็ต้องตัดสินใจนำบ้านลัดดาวัลย์ที่แก้วกานดารักและผูกพันนักหนานี้ไปจำนองไว้กับคุณกฤษณ์ที่เป็นเพื่อนของเขา ทำให้เธอได้รู้จักกับจักรกฤษณ์ หรือพอล ลูกชายคนเดียวของคุณกฤษณ์ เจ้าหนี้ของเธอ แก้วกานดาเสียใจมาก

และเมื่อได้เข้ามาเรียนที่ธรรมศาสตร์นั้นเอง หญิงสาวก็พบว่าจักรกฤษณ์คืออาจารย์ที่ปรึกษาของเธออีกด้วย จักรกฤษณ์ถูกใจแก้วกานดาตั้งแต่แรกเห็นและทำให้เขาเกิดความรักต่อเธอในเวลาต่อมา ในขณะที่เสียงเล่าลือก็พูดกันหนาหูว่า แก้วกานดาต้องการสนิทสนมกับเขาเพราะอยากจะได้บ้านลัดดาวัลย์ที่พ่อเขารับจำนองไว้คืนมา ตราบจนกระทั่งถึงเวลาที่จักรกฤษณ์ได้ทุนไปเรียนต่อเมืองนอก เขาขอให้เธอแต่งงานกับเขา แต่แก้วกานดาก็ตอบปฏิเสธ เธอให้ได้เพียงแค่มิตรภาพระหว่างกันเท่านั้น

 

ชีวิตของแก้วกานดา ต้องเผชิญอุปสรรคสำคัญอีกครั้ง เมื่อบิดาล้มเจ็บลงอย่างหนัก และต้องส่งเข้าโรงพยาบาลศิริราช ที่นั่นเอง เธอได้พบกับนักศึกษาแพทย์หนุ่มน้อยที่มาฝึกงานและจดจำเธอได้ เขาคือ เอกราช นฤบาล!

เอกราชดีใจที่ได้พบกับแก้วกานดาและจันทร์แจรงอีกครั้ง เธอจึงรับรู้ว่าตอนนี้อิสระเรียนจบนายร้อยตำรวจแล้ว เขาเป็นร้อยตำรวจตรี อิสระ นฤบาล ผู้กองหนุ่มหน้าเข้ม ขรึมเหมือนบุคลิกในวัยเด็กทุกประการ ขณะที่เอกราชก็ยังเป็นชายหนุ่มอารมณ์ดี ใจอ่อนและเปี่ยมเสน่ห์เหมือนเดิม เอกราช ประทับใจแก้วกานดา และตามจีบเธอ ในขณะที่จันทร์แจรงก็แอบซ่อนความรู้สึกประทับใจเอกราชเอาไว้ ทุกอย่างอยู่ในสายตาของอิสระที่คอยมอง ‘น้องแก้ว’ ของเขาด้วยความเป็นห่วงเสมอ แต่เขาเองก็ได้แต่เก็บความรู้สึกของตัวเองไว้ในใจ แม้เมื่อกระทั่งต้องย้ายไปรับราชการที่จังหวัดชายแดนอีสาน มีเพียงแก้วกานดาเท่านั้น ที่ไปส่งเขาที่หัวลำโพงด้วยความห่วงใยและผูกพัน

เสียงระฆังกังวานขึ้น  แก้วกานดาประนมมือกราบที่บ่าของเขา ซึ่งรวบมือเธอบีบไว้แน่น เด็กสาวน้ำตาคลอรู้สึกใจหายกับการจากของเขาจนบอกไม่ถูก ทันใด เขาก็โอบเธอไว้ พลางจุมพิตที่หน้าผากอย่างอ่อนโยนเหมือนพี่ชายปฏิบัติต่อน้องสาว

“พี่ลาก่อนนะน้องแก้ว รักษาตัวให้ดี ฝากลาคุณป้าและน้องจันทร์ด้วย”

แล้วเขาก็หักใจกระโดดขึ้นเกาะบันไดรถซึ่งกำลังเคลื่อนขบวนออกช้า หันมาโบกมือให้เด็กสาวซึ่งโบกตอบเขาด้วยดวงตาที่พร่าพราย  แก้วกานดา ยืนดูจนขบวนรถแล่นห่างออกไป สุดสายตา ไม่เข้าใจความรู้สึกของตนเองว่า ทำไมจึงใจหายและอาลัยอาวรณ์ถึงผู้ที่จากไปไกลได้ถึงขนาดนั้น…

ที่สถานีตำรวจภูธรในจังหวัดชายแดนอีสานแห่งนั้น ผู้กองอิสระ นฤบาล ได้ทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฏร์อย่างเข้มแข็งและอุดมการณ์ จนเป็นที่ประทับใจของอัปสรสำอางค์ หญิงสาวลูกพ่อค้าที่นั่น แม้จะมีอามิสสินจ้างต่างๆ เข้ามาทดสอบ แต่ด้วยความมุ่งมั่น อิสระไม่หลงติดไปกับสิ่งเหล่านี้ หากสิ่งที่ทำให้เขาหวั่นไหวก็คือสาวน้อยเจ้าหัวใจของเขาเพียงคนเดียว คือแก้วกานดา นั่นเอง และบัดนี้ เธอได้ทุนไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา ชีวิตของเขาและเธอยิ่งห่างกันไกลแสนไกล และที่สำคัญ เขารับรู้ว่าเธอและน้องชายของเขาต่างก็รักกัน เขาได้แต่ยืนอยู่ด้านนอกและมีสิทธิ์มองเธอด้วยความรักและห่วงใยเท่านั้น

ที่อเมริกานั่นเอง แก้วกานดาได้พบกับจักรกฤษณ์อีกครั้ง และอาจารย์หนุ่มผู้นี้ก็มีพักตร์พริ้ง เพื่อนของเธอเป็นคนรักแล้ว

“ความรักที่ยืนนานตั้งแต่ยังเด็กเป็นรากฐานที่มั่นคงสำหรับมนุษย์ ขอให้น้องแก้วถนอมความรักให้ยั่งยืนต่อไป ถึงอย่างไร พี่ก็ขอยืนยันบ้างว่าแม้พี่จะไม่มีหวังได้แต่งงานกับน้องแก้ว แต่บ้านลัดดาวัลย์ก็จะยังคงรอเจ้าของที่แท้จริงของมันอยู่ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น…”

“แก้วไม่หวังแล้วล่ะค่ะ เพราะคุณพ่อก็เสียไปแล้ว แต่แก้วยังอยากได้คืนมาเพื่อคุณแม่… อยากให้มีปาฏิหาริย์เหลือเกิน อะไรก็ได้ที่ทำให้แก้วมีเงินพอที่จะซื้อมันกลับคืนมา”

และแล้วก็เหมือนปาฏิหาริย์ เมื่ออิสระถูกส่งมาเรียนต่อด้านการสืบสวนที่เอฟบีไอ สหรัฐอเมริกา ทำให้เขาได้เดินทางมาพบกับเธออีกครั้ง ขณะที่เมืองไทยนั้นเอง เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นมากมาย ทั้งการเจ็บป่วยของคุณลัดดาวัลย์ การมีภรรยาน้อยของคุณอิสรภาพ และ เอกราช ผู้ที่เคยคิดว่าจะซื่อสัตย์ต่อแก้วกานดา แต่แล้วเมื่อได้ใกล้ชิดกับจันทร์แจรง ก็ทำให้ทั้งคู่ได้เสียกัน และจันทร์แจรงก็ตั้งครรภ์ในเวลาต่อมา เรื่องราวทั้งหมดล่วงรู้ถึงแก้วกานดา ทำให้หญิงสาวเสียใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็ยังมีอิสระคอยดูแลปลอบใจ และท้ายที่สุด ด้วยหัวใจอันบริสุทธิ์ของเธอ ทำให้แก้วกานดา ให้อภัยกับคนทั้งคู่

เมื่อกลับมาเมืองไทย ความผูกพันในวัยเยาว์ของอิสระและแก้วกานดาก็ยิ่งแน่นแฟ้นขึ้น มันแปรเปลี่ยนเป็นความรักตั้งแต่เมื่อใดไม่อาจล่วงรู้ แต่ทำให้ทั้งคู่ได้ปรับความเข้าใจกัน แตกต่างจากความรักที่มาจากการแย่งชิงของจันทร์แจรงที่ไม่อาจหาความสุขในชีวิตครอบครัวได้เลย

 

และในเวลาต่อมา อิสระก็ขอแก้วกานดาให้เธอแต่งงานกับเขา ในวันแต่งงานนั้นเอง เมื่อของขวัญงานแต่งงานจากเอกราชที่สำนึกในความผิดพลาดของตนเอง ก็ได้มอบเงินค่าไถ่โฉนดบ้านลัดดาวัลย์เป็นของขวัญให้กับ หญิงสาวและพี่ชายที่เขารักสุดหัวใจ บ้านลัดดาวัลย์ได้กลับคืนมาสู่แก้วกานดาอีกครั้งสมดังความปรารถนา รวมถึงหัวใจของ ร้อยตำรวจโทอิสระ นฤบาล ชายหนุ่มที่รักเธอเป็นทั้งรักแรก และรักเดียวที่มั่นคงในชีวิตของเขา

ฉากสุดท้ายอันรื่นรมย์ของนวนิยายเรื่องนี้ คือ สองครอบครัวที่เคยผูกพันกันตั้งแต่วัยเยาว์ ทั้งจันทร์แจรงกับหมอเอกราชที่ปรับความเข้าใจกันแล้ว และคู่ของแก้วกานดากับอิสระต่างนั่งมองลูกๆ ของตนเองวิ่งเล่นกันในสนามหญ้าของบ้านลัดดาวัลย์แห่งนี้ ด้วยความสุข ไม่ต่างกับภาพของตนเองในอดีตอันแสนรื่นรมย์นั้น

ต้นลัดดาวัลย์สะบัดใบพลิ้วตามสายลม ดอกสีขาวร่วงพรู ส่งกลิ่นหอมหวานตลบอบอวลไปทั่วเนินหญ้า ผู้ที่มีชีวิตอยู่ภายใต้ความอบอุ่นแห่งบ้านลัดดาวัลย์ พากันถอนใจยาวด้วยความสุขและความสงบชั่วชีวิต…

 

เรื่อง : บ้านลัดดาวัลย์

ผู้เขียน : อรุณรุ่ง

สำนักพิมพ์ : รวมสาส์น

ปีที่พิมพ์ : 2527

สองเล่มจบ

สำหรับ ‘อรุณรุ่ง’ หรือในชื่อจริงคือ คุณป้าจงกลณี สุวรรณทรรภ นั้น ท่านเป็นนักเขียนและเคยเป็นอาจารย์ในคณะสังคมสงเคราะห์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มาก่อน ตัวละครเอกแก้วกานดาจึงแทบไม่ต่างกับการจำลองภาพชีวิตนักศึกษาสังคมสงเคราะห์และการทำงานในวิชาชีพดังกล่าวได้อย่างสมจริง และได้ความรู้เกี่ยวกับอาชีพนี้ไปพร้อมๆ กับความสนุกประทับใจของเนื้อเรื่อง นอกเหนือจากนามปากกาอรุณรุ่งแล้ว ท่านยังมีนามปากกาอื่นคือ สายรุ้ง และ ดวงเดือน อีกด้วย และเป็นที่น่ายินดี ที่ท่านได้รับรางวัลนราธิป ประจำปี พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมานี้ ด้วยครับ

 

ปัจฉิมลิขิต : ภายหลังจากที่เขียนบรรณาภิรมย์เรื่องนี้จบลงไม่นาน และตั้งใจว่าจะส่งต้นฉบับให้ท่านผู้เขียนได้อ่านก่อนจะส่งให้กับทาง ‘อ่านเอา’ ผมก็ได้ทราบข่าวร้ายที่ไม่คาดฝันอย่างยิ่ง นั่นคือการเสียชีวิตของคุณป้าจงกลณี เมื่อเย็นวันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคม 2564  ซึ่งผมเองก็พอทราบว่าในระยะหลังท่านก็เจ็บป่วยด้วยโรคร้ายเพียงแต่ไม่นึกว่าจะจากไปกะทันหันเช่นนี้ นับเป็นที่น่าเสียดายและเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ที่วงการนักเขียน ต้องสูญเสีย นักเขียนนวนิยายรุ่นครู อีกท่านหนึ่งไป อย่างไม่มีวันกลับ

ผมขอถือโอกาสนี้ ขอแสดงความอาลัยอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของคุณป้าจงกลนี และนักอ่านที่ติดตามผลงานของท่านมาโดยตลอดด้วยครับ

Don`t copy text!