เหยื่อชีวิต

เหยื่อชีวิต

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้นครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

‘เหยื่อชีวิต’ เป็นนวนิยายชีวิตอันเข้มข้นของ ม.มธุการี ที่เคยตีพิมพ์ในนิตยสาร สกุลไทย ช่วง ปี พ.ศ. 2539-2540 ก่อนจะนำมารวมเล่มโดยสำนักพิมพ์ดอกหญ้า และเท่าที่ทราบ เรื่องนี้น่าจะมีการรวมเล่มเพียงแค่ครั้งเดียว ตราบจนถึงปัจจุบัน

ความน่าสนใจในนิยายเรื่องนี้ นอกเหนือจากความเข้มข้นของตัวละคร และสำนวนภาษาอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของผู้เขียนแล้ว คือการเปรียบเทียบเรื่องราวคู่ขนานกันไปของสองเรื่องราวที่มีบทสรุปเดียวกัน ผ่านสัญลักษณ์ของ ‘เหยื่อ’ และ ‘ผู้ล่า’ ที่แทรกผ่านพฤติกรรมตัวละคร ในเรื่องนี้อย่างชัดเจน ทำให้ตระหนักถึงความเป็น ‘เหยื่อ’ ที่เกิดขึ้น และการแสวงหาอิสรภาพอย่างแท้จริง ที่ตัวละครแต่ละตัว ได้เลือกหนทางเดินแตกต่างกัน

 

ชีวิตของมินตา ซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวในครอบครัวชนชั้นกลางอย่างครูภพและครูพิมพ์ที่อาศัยอยู่ต่างจังหวัดต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อบิดาตัดสินใจส่งเธอให้มาอยู่กับครอบครัวผู้มีพระคุณอย่างคุณหญิงสุภีร์และนายพลคุปต์ ซึ่งทั้งคู่ก็ให้ความอุปการะเลี้ยงดูหญิงสาวเป็นอย่างดี ยิ่งทำให้มินตาตระหนักถึงบุญคุณอันยิ่งใหญ่นั้น ไม่ต่างกับพันตรีพิพาค ซึ่งเป็นหลานชายของคุณหญิงสุภีร์ก็เช่นเดียวกัน แต่วังวนของชีวิตสองหนุ่มสาวคงจะไม่มีโอกาสได้มาพานพบกันเลย ถ้าหากว่าไม่เกิดเหตุการณ์สำคัญขึ้นเมื่อนายพลคุปต์ตัดสินใจก่อการปฏิวัติ!

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้คือความพ่ายแพ้ จนกระทั่งต้องอพยพครอบครัวลี้ภัยไปอยู่ฮ่องกง ในเวลาเดียวกับที่พิพาคและมินตา ดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านของเธอที่ต่างจังหวัดและประสบอุบัติเหตุพอดี

เมื่อข่าวทางหนังสือพิมพ์ประโคมออกมามากขึ้น ทำให้พิพาคต้องตัดสินใจหนีข้ามแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อหาทางไปรวมกับกลุ่มของนายพลคุปต์ ด้วยพระคุณที่อีกฝ่ายมีต่อเขา ในขณะเดียวกับที่มินตาเอง แม้ว่าแม่เธอจะไม่สนับสนุน แต่พ่อก็ต้องการให้เธอไปอยู่รับใช้ คุณหญิงสุภีร์ด้วยความกตัญญู โดยไม่รู้ว่าตัวเองต้องตกเป็นเครื่องมือของนายพลคุปต์!

นายพลคุปต์ เมื่อหมดสิ้นอำนาจวาสนา จนต้องลี้ภัยมาอยู่ต่างแดน ทำให้เขาต้องการหาเงินและแสวงหาอำนาจกลับคืนมาอีกครั้ง เขาสนิทกับพลเอกพิจิตร นายทหารนอกราชการวัยแปดสิบเศษที่ลี้ภัยมาอยู่ที่นี่ พิจิตรเป็นคนเจ้าชู้ มีภรรยาหลายคน นอกเหนือจากคุณหญิงแสงแขที่เขาปล่อยให้หล่อนอยู่ที่เมืองไทยแล้ว เขายังเลี้ยงดูจิรกุล อดีตนางงามที่กลายมาเป็นเมียเก็บของเขาในภายหลัง ด้วยอำนาจเงินตรา ทั้งที่หล่อนเองก็มีนายทหารเป็นคนรักอยู่ก่อนหน้านี้

 

จิรกุลมีน้องชายคือจิรายุส ซึ่งต่อมาก็ได้กลายมาเป็นสามีของช้องมาศ ลูกสาวคนเดียวของพลเอกพิจิตรนั่นเอง พิจิตรใช้อำนาจในการควบคุมจิรกุลไม่ให้หนีจากเขาไปไหน ในขณะที่ช้องมาศก็เป็นหญิงสาวที่ถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจ และเหยียดคนรอบข้างเพราะอาศัยอำนาจวาสนาของผู้เป็นพ่อ โดยเฉพาะสามีของหล่อนเองที่หล่อนผูกเขาเอาไว้ไม่ต่างกับทาสที่ไม่มีทางหลบหนี จิรายุสต้องฝืนข่มใจอยู่กินกับหล่อนทั้งที่เขาเกลียดหล่อนมากที่สุด

ถ้าความหมายของการเมืองเป็นเรื่องของใครดีใครได้ เหมือนการเล่นเก้าอี้ดนตรี ก็ไม่มีอะไรที่น่าพิสมัย ใครๆ ก็มีสิทธิ์จะแย่งเก้าอี้ของใครต่อใคร ความสามารถพิสูจน์กันที่โอกาสและความว่องไว คุณงามความดีอย่างอื่นไม่มีความหมาย คนดีที่สุดก็อาจจะเป็นเหยื่อของใครอื่นได้อย่างง่ายดายที่สุดและต้องคอยหนีหัวซุกหัวซุน

นายพลคุปต์ติดต่อกับพลเอกพิจิตร เนื่องจากอีกฝ่ายมีเครือข่ายค้ายาเสพติดข้ามชาติ และตอนนี้เขาเองก็ต้องการเงินไปใช้จ่าย พิจิตรเสนอให้ส่งโคเคนผ่านมินตาที่กำลังเดินทางเข้ามายังฮ่องกง โดยวางแผนให้ซ่อนมากับสมุนไพรที่เขาสั่งเด็กสาวให้ช่วยนำมันมาฝากจากเมืองไทย โดยที่มินตาเองก็ไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย

พิพาคถูกดึงเข้ามาอยู่ในวังวนนี้โดยไม่รู้ตัว เมื่อคุปต์จำต้องบอกให้เขารับรู้ล่วงหน้า ก่อนจะเดินทางไปรับตัวมินตาที่สนามบิน นายทหารหนุ่มไม่เห็นด้วย เขาเป็นคนซื่อตรงกับอุดมการณ์ แต่ด้วยหนี้บุญคุณของอีกฝ่าย ทำให้พิพาคต้องรับปาก เขาพามินตากลับมาถึงบ้านนายพลคุปต์อย่างปลอดภัย โดยที่หญิงสาวไม่รู้ตัวเองเลยสักนิดเดียว

ในขณะเดียวกันที่บ้านเกิดชายแดนอีสานของมินตาเอง ปลัดเดชาซึ่งหลงรักมินตา ก็ถูกความโลภดึงให้เข้าไปอยู่ในกลุ่มค้าโคเคนที่ลักลอบปลูกพืชเสพย์ติดพวกนี้ในประเทศ แต่ท้ายที่สุดเมื่อมีการหักหลังกันเกิดขึ้น เขาก็ถูกลอบยิงจนเสียชีวิต

เรื่อง : เหยื่อชีวิต

ผู้เขียน : ม.มธุการี

สำนักพิมพ์ : ดอกหญ้า

ปีที่พิมพ์ : 2542

เล่มเดียวจบ

มินตามารู้ความจริงจากปากของ จิรกุล ชะตากรรมของหล่อนกับจิรกุลแทบไม่ต่างกัน เมื่อเป็นเหมือนเหยื่อของบุญคุณที่ไม่อาจหนีไปได้ จิรกุลหนักยิ่งกว่าเธอ ที่ถูกบังคับด้วยกำลังและอำนาจ พลเอกพิจิตรขู่ว่าจะทำร้ายครอบครัวของเธอ ถ้าหากตีจากไปเมื่อใดก็ตาม เช่นเดียวกับจิรายุส ที่ถูกช้องมาศคอยทวงบุญคุณที่หล่อนสนับสนุนความก้าวหน้าให้กับเขามาโดยตลอด สองพี่น้องต่างพยายามดิ้นรนเพื่อหาทางตีจากครอบครัวของพลเอกพิจิตรตลอดเวลา เช่นเดียวกับพิพาค เมื่อเขาตัดสินใจขอลี้ภัยการเมืองไปยังฝรั่งเศส

แต่ในเวลาเดียวกันนั้นนายทหารหนุ่มก็อดเป็นห่ว มินตาด้วยไม่ได้ หญิงสาวผู้นั้นซื่อและบริสุทธิ์เกินไป ส่วนมินตาเองก็ทั้งรักและอดหวั่นระแวงกับเขาไม่ได้ ความจริงที่เธอรับรู้จากจิรกุล ทำให้ไม่แน่ใจว่าพิพาคเองก็มีส่วนรู้เห็นในเรื่องราวเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับเธอหรือไม่

และระหว่างที่เขาเดินทางไปเพื่อเตรียมขอวีซ่านั้นเอง พิพาคก็ตัดสินใจที่จะเปิดเผยความรู้สึกทั้งหมดที่เขามีต่อเธอ ทำให้ทั้งคู่ได้รับความรู้สึกจากหัวใจของกันและกัน เขาตัดสินใจที่ให้มินตาแต่งงานและไปอยู่ที่ฝรั่งเศสพร้อมกันกับเขา

หล่อนเอื้อมมือไปบีบมือเขาแน่น “มินรู้ว่าคุณคิดยังไง คุณไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรด้วย คุณเองก็รู้ แต่กฎหมายอาจจะไม่รู้ มโนธรรมของคนเราอาจจะเป็นสิ่งใหญ่เกินไป มันพิพากษาตัวเราได้ดีไปกว่าใครหมด มินไม่อยากให้คุณคิดมากนะคะ ใครทำอะไรก็ได้รับผลตอบแทนกันไปเอง

พิพาคกอดหล่อนไว้ในวงแขน เขากดปลายคางที่เรือนผมของหล่อนและหลับตานิ่ง อย่างน้อยเขาก็มีใครบางคนที่เข้าใจเขา เขาอาจจะไม่เหลืออะไรมากมายนักในชีวิตเวลานี้ แต่สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือสิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้เขามีกำลังใจต่อสู้ฟันฝ่าชีวิตต่อไป เขาคงจะไม่เรียกร้องอะไรมากไปกว่านี้แล้ว เขามีทุกสิ่ง ถ้าเขามีความรัก!

ในขณะที่คุปต์ล่วงรู้เรื่องนี้ภายหลัง เขาคุยกับพิจิตรที่จะหา ‘คนส่งของ’ คนใหม่มาแทนมินตา และบังเอิญคุณหญิงแสงแขกำลังจะเดินทางมาหาเขาที่ฮ่องกง พิจิตรวางแผนให้อีกฝ่ายนำสมุนไพรจีนที่ซ่อนโคเคนเอาไว้ ผ่านข้ามแดนมายังเขา โดยที่คุณหญิงแสงแขก็หารู้ไม่

ในระหว่างนั้นเอง เมื่อพิจิตรซึ่งมีนิสัยชอบล่าสัตว์ ได้ออกไปล่ากวางในป่าพร้อมกับจิรายุสลูกเขย เขาตัดสินใจยิงกวางท้องแก่ที่ผ่านเข้ามาจนมันตายคาที่ แม้ว่าจิรายุสจะพยายามห้ามเอาไว้ และอีกฝ่ายก็ลงไปชื่นชมผลงาน บังเอิญมันเป็นจังหวะที่เสือตัวหนึ่งกำลังตรงดิ่งเข้ามาเพื่อกินซากกวางเป็นเหยื่อเข้าพอดี

พิจิตรถูกเสือขย้ำ ในเวลานั้นเองจิรายุสก็ได้แต่นั่งเล็งปืนอยู่บนห้างบนต้นไม้ พร้อมกับความคิดที่ต่อสู้กันเองอย่างหนักหน่วง

เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังขึ้นมาอีกครั้ง ประกาศถึงความเจ็บปวดและดังแทรกลึกเข้าไปในหัวใจของเขา จิรายุสแตะไกปืนค้างอยู่อย่างนั้น เขามองหลังของเสือร้ายที่กำลังขยี้ขย้ำเหยื่อของมันอย่างปราศจากความปรานี ความรวดเร็วของมัน อำนาจของมัน

แต่เหยื่อก็คือเหยื่อ… เขาได้ยินคำพูดชนิดนั้นมาจากที่ไหนกัน มันยังดังก้องอยู่ในโสตประสาทของเขาซ้ำซากอยู่เช่นนั้น เขาหลับตานิ่งสนิท มือที่จับปืนเหนียวเหนอะไปด้วยเหงื่อ ไม่มีเสียงร้องคร่ำครวญของนายพลพิจิตรมาให้เขาได้ยินอีกแล้ว มีแต่เสียงหายใจฟืดฟาดของเสือตัวนั้น และเสียงลากกิ่งไม้หักกระจาย ป่าเงียบสงัดไปทั้งป่า

แสงแดดส่องเป็นลำลงมาถูกตัวเขาจนรู้สึกอบอุ่นเหมือนแสงจากสรวงสวรรค์ เขาเป็นอิสระแล้วหรือเปล่า เขาคือเหยื่อที่เพิ่งจะมีโอกาสดิ้นหลุดเป็นอิสระ และยืดเวลาต่อชีวิตตัวเองออกไปได้อีก จิรายุสตะเกียกตะกายตัวเองลงจากห้าง ลมเย็นพัดเฉื่อยฉิวหอบความชุ่มชื้นของกลิ่นดินกลิ่นหญ้ามาเข้าจมูก เขาเป็นอิสระแล้ว…

 

พิจิตรเสียชีวิตในป่าอย่างน่าอนาถ และทำให้จิรายุสและและจิรกุลต่างหลุดพ้นจากพันธนาการของครอบครัวอีกฝ่าย จิรกุลไม่แคร์ต่อการเหยียบย่ำดูถูกของช้องมาศอีกต่อไป ส่วนช้องมาศเองก็กำลังได้รับผลกรรมจากบิดาของหล่อน เมื่อหล่อนเกิดไปเห็นผงโคเคนที่เขาเก็บเอาไว้ และด้วยความเครียด ทำให้หล่อนนำมันไปเสพจนติดโคเคนอย่างหนัก สุดท้าย ทุกคนก็ทิ้งหล่อนไปหมด รวมถึงพ่อซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางของทุกสรรพสิ่งในชีวิตของหล่อนด้วย

คุณหญิงแสงแขถูกจับที่สนามบิน และทำให้เรื่องราวทุกอย่างบานปลายออกไป คุณหญิงสุภีร์รู้ความจริงก่อนหน้านั้น เธอแทบไม่อยากจะเชื่อว่าสามีที่แสนดีจะกลายมาเป็นนักค้ายาระดับชาติ!

และเธอก็ตัดสินใจแยกทางเดินกลับเขา แล้วกลับมาเมืองไทย ในขณะที่นายพลคุปต์เองก็เผชิญกับปัญหาหนักหน่วงที่สุดในชีวิต

โลกนี้เป็นโลกของการฉวยโอกาส เขากับพิจิตรดูจะเข้าใจกันได้มากไปกว่าใคร การพิสูจน์ตัวเองของเขากับอีกฝ่ายก็คือการล้มไม่ได้ ศัตรูทางการเมืองของเขามันมีอยู่เหลือคณานับที่คอยเวลาจะเหยียบย่ำเขาในทุกโอกาส

ภรรยาของเขาอาจจะเป็นคนดีเกินไปก็ได้ เขาช่างเกลียดคำคำนี้ คำว่าคนดี… ทั้งชีวิตมันประทับตราอยู่กลางแสกหน้าของเขา และเขาก็คือนายพลคนซื่อมือสะอาด จะเปลี่ยนรถใหม่สักคันก็มีคนจับตามองว่าเขาเอาเงินมาจากไหนบ้าง มันกลายเป็นมงกุฎอันหนาหนักที่เขาจะต้องประคองมันเอาไว้ให้ได้ รอบตัวของเขาคือนักการเมืองคอร์รัปชันที่หากินเป็นอาชีพเสียจนไม่มีใครจับตามอง แล้วทุกคนก็ร่ำรวยเอา… ร่ำรวยเอา บางคนโปรยหว่านเงินซื้อเสียงในการเลือกตั้งและได้เสียด้วย ในสิ่งที่เขามองเห็นอยู่ เขามาถึงจุดสรุปที่ว่า ความดีของเขามันกินไม่ได้ ความซื่อของเขาไม่ได้ทำให้เขาก้าวไปถึงไหน นอกเสียจากลอยคว้างปากกลไกที่มันเป็นอยู่… เขามาถูกทางแล้ว… ใครจะว่าอย่างไรก็แล้วแต่ แต่เขาก็รู้ว่าเขากำลังก้าวมาถูกทาง

เมื่อตำรวจบุกมาถึงบ้านของเขา คุปต์ตัดสินใจยิงตัวเองตาย…

 

เส้นทางชีวิตของพิพาคกับมินตา ที่ต่างก็ตกเป็น ‘เหยื่อ’ ด้วยหนี้แห่งบุญคุณของผู้มีพระคุณ แต่ว่าสุดท้ายทั้งคู่ก็สามารถร่วมกันฝ่าฟันอุปสรรคเลวร้ายในชีวิต ไปสู่แสงสว่างอันเรืองรองของอิสรภาพที่รอคอยอยู่เบื้องหน้าในที่สุด นับเป็นนิยายของ ม.มธุการี ที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่งเลยครับ

Don`t copy text!