เกวลีสอยดาว

เกวลีสอยดาว

โดย : หมอกมุงเมือง

Loading

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้นครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

 

ดั่งแม่พระ เสียสละกายใจ

ยากหา ใครเทียมได้… เกวลีสอยดาว

ในความทรงจำวัยเยาว์ ช่วงปี พ.ศ. 2525 ผมคุ้นเคยกับเพลงประกอบละครแสนไพเราะ และเนื้อเรื่องสนุกสนานของละคร เกวลีสอยดาว ซึ่งมาทราบในภายหลังว่า เขียนขึ้นโดยนามปากกา ‘น.ฉ.น.’ ซึ่งย่อมาจากตัวอักษรของชื่อท่านผู้ประพันธ์ ก็คือ นงไฉน ปริญญาธวัช หรือที่นักอ่านรู้จักกันดีในนามปากกา ‘กาญจนา นาคนันทน์’ เจ้าของนวนิยายดังอย่าง ผู้กองยอดรัก ชื่นชีวานาวี หรือ ผู้ใหญ่ลีกับนางมา นั่นเองครับ

เท่าที่ผมทราบ นิยายเรื่องนี้น่าจะเคยตีพิมพ์รวมเล่มเพียงแค่ครั้งเดียว โดยสำนักพิมพ์แพร่พิทยา สาเหตุหนึ่งอาจจะเป็นเพราะเป็นนวนิยายที่มีจำนวนหน้าถึง 1,516 หน้า หรือ 98 บท และไม่มีการนำมาสร้างเป็นละครหรือภาพยนตร์อีกเลย นับจากละครปี 2525 ที่นำแสดงโดยกาญจนา นิ่มนวล ในบทเกวลี, ออยา นาวิน ในบทเกวลิน และสุรเดช วิริยะ ในบททม พระเอกของเรื่อง และจากนั้นในปี 2537 ก็มีการนำเรื่องนี้มาสร้างอีกครั้ง เป็นละครขนาดสั้นชุดปากกาทอง นำแสดงโดยชฎาพร รัตนากร และบิณฑ์ บันลือฤทธิ์

จากหลังปกของนวนิยาย ได้บอกเล่าที่มาของเรื่องไว้อย่างน่าสนใจว่า

เมื่อ น.ฉ.น. ไปอยู่จันทบุรีแล้วปีหนึ่ง จึงได้เขียน “เกวลีสอยดาว” ขึ้นด้วยความรู้สึกประทับใจหลายอย่าง เช่น ในภูมิประเทศอันเปล่าเปลี่ยว ขนบธรรมเนียมประเพณี และลู่ทางทำมาหากินของคนพื้นเมือง อันแตกต่างไปจากถิ่นอื่นๆ ที่เคยผ่านมาแล้ว และยังไม่เคยเห็นใครเขียนมาก่อน… และหากใครจะถามว่า เขียนเรื่องนี้ได้อย่างไร ผู้เขียนก็คงจะตอบได้แต่เพียงว่า “เทพเจ้าท่านโปรดช่วย”

ครอบครัวของเกวลี หรือตุ่ม ประกอบด้วยตัวเธอผู้เป็นพี่สาวคนโต เกวลินหรือแตง น้องสาวแสนสวย และเกวลิศ น้องชาย และลลิดา มารดา อดีตนางงามที่ถ่ายทอดความสวยงามนี้ให้กับเกวลินน้องสาวคนรองแต่เพียงผู้เดียว ส่วนเกวลี ได้รับเพียงสติปัญญาเก่งกล้ามาจากบิดาผู้ล่วงลับ จนเรียนจบด้านกฎหมาย และทำงานที่ศาลคดีเด็กและเยาวชน ในขณะที่มารดาที่ยังสาวและสวย ก็แต่งงานใหม่กับนายวิชัย ชายเจ้าชู้ที่หวังเคลมลูกๆ ของเธออีกด้วย

ด้วยหน้าที่การงานและอุปนิสัยชอบช่วยเหลือคน เกวลีจึงอุปการะเด็กเหลือขอเอาไว้ถึงห้าคน ด้วยความสงสาร เด็กห้าคนห้าสัญชาติประกอบด้วยไอ้จ้อย มือกาวจอมขโมย ไอ้หรั่ง ไอ้แป๊ะ อาบัง และเจ้ายุ่น ยิ่งเมื่อเด็กทะโมนเหล่านั้นเรียกเธอด้วยความเคารพนับถือว่า ‘แม่’ ยิ่งทำให้ หลายคนเข้าใจว่าเกวลีมีสามีมาแล้วถึงห้าคน!

แม้เด็กๆ จะเชื่อฟังและเคารพรักเธอ แต่นิสัยส่วนตัวก็ยังแก้ไม่หาย ทำให้คุณนายลลิดา และสามีพยายามขับไล่ไสส่งเกวลี มีโอกาสรู้จักกับคุณนายปรานี เจ้าของสรไน ที่เธอเคยดูแลลูกชายจอมเกเรของคุณนายที่โดนดำเนินคดีมาก่อน ทำให้คุณนายประทับใจ และเมื่อรู้ข่าว ก็ชักชวนให้พาเด็กๆ เหล่านั้นมาทำงานในไร่ของเธอที่จันทบุรีแทน

และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเกวลีสอยดาว…

ระหว่างการเดินทางมาถึงตัวเมืองจันทบุรี เพื่อต่อไปยังโป่งน้ำร้อนและเขาสอยดาวนั่นเอง กว่าจะมาถึงตัวเมืองก็ไม่ทันรถเข้าอำเภอ ทั้งหมดจึงต้องพักแรมที่โรงแรมเกษมสุขในตัวจังหวัด และนั่นเองที่ทำให้เธอถูกเข้าใจผิด โดยร้อยตำรวจประพันธ์ และสหายของเขาคือสันทัด กับทม หนุ่มฮิปปี้ ผมเผ้าหนวดเครารุงรัง ที่เป็นลูกชายของคุณสรไนนั่นเอง

ทมเป็นลูกชายคนโต ที่เกิดจากคุณสรไน อดีตนายอำเภอพระตะบองก่อนที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครอง และมารดาเขาก็คือเชื้อพระวงศ์ชาวกัมพูชา ภายหลังทมไปเรียนต่อฝรั่งเศสจนจบสถาปัตย์กลับมา และตั้งใจจะมาบุกเบิกไร่ที่จันทบุรี แต่เมื่อบิดาเขาแต่งงานใหม่กับคุณนายปรานี จนมีลูกคนใหม่ด้วยกัน ทำให้เขามีเรื่องขัดแย้งกับเธอ ทมตัดสินใจย้ายขึ้นไปทำไร่ปลูกกระวานยังเขาสะบ้าด้านบน อันเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาสอยดาวแทน ระหว่างนี้เขาเดินทางมาเที่ยวตัวเมืองจันทบุรี และพบกับสันทัดและประพันธ์สองสหายรัก โดยได้รับข้อมูลผิดๆ จาก เพื่อนทั้งสอง

เขาคิดว่า เกวลิน และเกวลี เป็นหญิงม่ายที่มีลูกติดทั้งห้าคน และเป็นหญิงขายบริการที่เดินทางมาหากินในโรงแรม จนเผลอตัวไปลวนลามเธอทั้งสองเข้า แต่แล้ว ก็ถูกบรรดาทโมนทั้งห้า เล่นงานจนสะบักสะบอม กลับไป ทมสาบานว่าเขาคงจะไม่เจอกับเด็กนรกทั้งห้านั้นอีกแล้ว

แต่เขาก็คิดผิด!

เกวลีเดินทางมาถึงไร่ของคุณนายปรานี และพบกับทม และด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนำพาให้เธอกับน้องสาวจำต้องพำนักอยู่ที่ไร่แห่งนั้น และตามทมขึ้นไปยังไร่กระวานบนเทือกเขาสอยดาว เมื่อเขาตัดสินใจรับลูกทโมนทั้งห้าของเธอมาเป็นคนงานในไร่ของเขาเอง

เหตุการณ์ใน เกวลีสอยดาว ดำเนินมาอย่างเข้มข้นตราบจนถึงปมปัญหาความรักสามเส้าของสองพี่น้องที่มีต่อทมชายหนุ่มเจ้าของป่ากระวาน ทมเองก็รักและชื่นชมในตัวเกวลีผู้พี่ หากเขากลับไม่กล้าเอ่ยปาก ขณะที่เกวลินน้องสาวก็มีเสน่ห์ความสวยงามที่เย้ายวน จนกระทั่งในคืนวันหนึ่ง เกวลินได้เข้ามาพบเขาที่ห้อง และเขาเองเผลอกอดจูบเธอ สร้างความรู้สึกหวั่นไหวให้เกิดขึ้น

ภายหลังจากนั้น เขากับเกวลินก็มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน แม้ว่าบรรดาลูกๆ ตัวแสบจะคอยเป็นกองเชียร์ให้เกวลีกับทม แต่ด้วยความรักที่มีต่อน้องสาวคนเดียว เกวลีจึงยอมเสียสละให้ อย่างยินดี ยิ่งเมื่อทราบว่าเกวลินได้ตั้งครรภ์กับทม

แต่แล้ว เมื่อต้องแต่งงานกับทม หญิงสาวที่คุ้นเคยกับความสะดวกสบายในเมืองหลวง ก็ไม่อาจทนใช้ชีวิตอยู่ในบ้านป่าบนเทือกเขาสอยดาวแห่งนั้นได้ เมื่อคลอดลูกออกมาและเด็กทารกมีความพิการ ทำให้เกวลินตัดสินใจหนีหายสาบสูญจากทมไป เกวลีทราบภายหลังว่า น้องสาวเธอตัดสินใจไปใช้ชีวิตที่อเมริกากับเสริมสวัสดิ์ เพื่อนรุ่นน้องของทมที่ไปเรียนต่อปริญญาเอกที่นั่น

เหตุการณ์นั้นเองทำให้เกวลีจำต้องเลี้ยงดูเด็กหญิงอาภัพนามว่ามีนา ลูกสาวของเกวลิน เอาไว้โดยปริยาย และยิ่งทำให้ทมประทับใจในความงามของจิตใจหญิงสาวมากขึ้น เขารู้ความจริงแล้วว่าเธอไม่ใช่มารดาแท้ๆ ของเด็กห้าคน และตอนนี้เขาก็พร้อมที่จะแต่งงานใช้ชีวิตกับเธอ เมื่อเกวลินเขียนจดหมายมาสารภาพผิดกับพี่สาว และเกวลินเองก็รู้ว่าพี่สาวเธอรักกับทมอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว

+++++++++++++++++++++++++

ในเวลาเดียวกัน เรื่องของเด็กหนุ่มทั้งห้าคน ลูกๆ ของเธอก็ก่อปัญหาเกิดขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะหรั่งที่ไปทำลำดวน สาวน้อยบ้านป่าตั้งครรภ์ด้วยอารมณ์ชั่ววูบ แต่เกวลินก็รับปากพ่อแม่ลำดวนช่วยดูแลและพาหญิงสาวบ้านป่าที่หรั่งรังเกียจ นำเธอมาปรับเปลี่ยนชุบตัวใหม่ และเลี้ยงดู น้อง ‘กิ่ง’ เด็กชายตัวน้อยจนเติบโต และทำให้ภายหลังหรั่งกับลำดวนจึงได้หวนกลับมาคืนดีกันอีกครั้ง เช่นเดียวกับบรรดาเด็กชายคนอื่นๆ ที่เติบโตเป็นหนุ่ม และประสบการณ์เลวร้ายในวัยเด็กของพวกเขา ที่ผ่านการกล่อมเกลาด้วยความรักเมตตาของเกวลี ทำให้พวกเขากลายเป็นคนดี และประกอบอาชีพสุจริตในเวลาต่อมา แม้แต่จ้อยเองที่เคยติดนิสัยลักขโมย ก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นเดียวกัน

ชีวิตทุกอย่างที่ลงตัว เธอมีลูกกับทม และยังดูแลน้องมีนาที่เรียกเธอว่าแม่แทนเกวลิน มารดาที่แท้จริงซึ่งหายตัวไป จนเวลาผ่านไปกว่าห้าปี และแล้วเหตุการณ์ก็ดำเนินมาถึงจุดสำคัญอีกครั้ง เป็นสิ่งที่ทดสอบจิตใจของเกวลี เมื่อเกวลินได้เดินทางกลับมาจากอเมริกา เพราะเสริมศักดิ์เสียชีวิต!

บัดนี้น้องสาวคนเดียวของเธอกลับมาสู่แผ่นดินไทยอย่างผู้พ่ายแพ้ในชีวิต เมื่อคิดจะไปพึ่งคุณลลิดาที่อาศัยอยู่กับสามีใหม่ เธอก็เป็นห่วงเพราะคุณวิชัยพ่อเลี้ยงเองก็เจ้าชู้แอบไปมีเมียและผลาญเงินมารดาเธอตลอดมา ซ้ำยังเคยแสดงท่าทีลวนลามอยู่บ่อยครั้ง ขณะที่เกวลิศก็ไปมีครอบครัวใหม่ที่มีฐานะมั่งคั่ง เกวลินไปอาศัยอยู่อย่างอึดอัด ทางสุดท้ายคือการเดินทางกลับมาหาพี่สาวเพียงคนเดียวของตัวเอง

หากเกวลีก็รู้ว่าน้องสาวของเธอและทมเองก็ยังมีเยื่อใยต่อกัน และหญิงสาวก็ตัดสินใจได้ในเวลาต่อมา ที่จะให้เกวลินอาศัยอยู่ร่วมกันกับเธอและทม โดยไม่ต้องระเหเร่ร่อนไปไหนอีกต่อไป!

เรื่องราวใน เกวลีสอยดาว อาจจะไม่จบลงด้วยความรักของพระเอกนางเอกเพียงอย่างเดียว แต่สะท้อนถึงความเป็นจริงของมนุษย์ในหลายรูปแบบ รวมถึงการสอดแทรกเรื่องราว ขนบธรรมเนียมชีวิตชาวเมืองชาวไร่ ในแถบอำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี ซึ่งในเวลานั้นเขาสอยดาวยังอยู่ในเขตอำเภอโป่งน้ำร้อน ก่อนจะแยกออกมาเป็นอำเภอในหลายปีต่อมา ด้วยฝีมือการเล่าเรื่องของกาญจนา นาคนันทน์ได้ อย่างน่าสนใจ

เรื่อง : เกวลีสอยดาว

ผู้เขียน : น.ฉ.น.

สำนักพิมพ์ : แพร่พิทยา

ปีที่พิมพ์ : 2515

สองเล่มจบ

เช่นประวัติศาสตร์เมืองจันทบุรี

เมืองจันทบุรีเก่าจริงๆ น่ะอายุเห็นจะถึงพันปี อยู่ทางตะวันออกของเมืองเดี๋ยวนี้ แถวภูเขาสระบาป เรียกกันว่าคลองนารายณ์ ใกล้วัดทองทั่ว มันมีทองอยู่ทั่วไปครับ เดี๋ยวนี้มันเพี้ยนไปกลายเป็นวัดทองถั่ว เมืองนั้นเดิมเรียกว่าเมืองนางกาไว เชื่อกันว่าพวกขอมมาสร้างไว้

คนพื้นเมืองที่นี่เป็นพวกซอง แล้วคนก็เลยสันนิษฐานต่อไปว่าพวกซองนี่กระมังคือขอมโบราณที่สูญชาติไปแล้ว ส่วนพวกเขมรในปัจจุบันนี้เป็นคนอีกพวกหนึ่ง ซึ่งเพิ่งอพยพเข้าไปอยู่

หรืออย่างการใช้ภาษาเขมรที่ตัวละครในเรื่องใช้สนทนากัน

ทมยืนอมยิ้ม นายจ้อยจำภาษาเขมรได้ไวดี ทำสุ้มเสียงได้เหมือนเสียด้วย

“มันแปลว่าอะไรล่ะ” เกวลี ถามนายจ้อย

“ขยอมสรันเอง แปลว่า ฉันรักเธอ สรันขยอมแด๊หละ แปลว่า รักฉันไหม”

หรือแม้แต่เรื่องของธรรมชาติท้องถิ่น

“นี่รู้จักไหม เขาเรียกว่าหญ้างวงช้าง คนเขมรเขาก็ดูดอกของมัน ถ้าดอกขดงอมาก แสดงว่าปีนั้นน้ำจะมาก แต่ถ้าดอกยาวเหยียด งอตรงปลายนิดหนึ่ง แสดงว่าปีนั้นน้ำน้อย แต่จะมากตอนปลายปี ให้ระวัง นี่แหละกรมอุตุฯ ของพวกชาวป่าล่ะ”

เดินต่อไปอีกหน่อยหนึ่งก็เห็นแมงมุมชักใยไว้ที่ต้นหญ้าติดดิน ทมบอกว่า “นี่อีกอย่างหนึ่ง วิธีที่เราจะดูว่าฝนหมดหรือยัง ดูใยแมงมุมนี่ ไม่มีผิดเลย ถ้าแมงมุมทำรังตะแคงข้าง ฝนจะตกอยู่เรื่อย เมื่อไหร่มันทำรังตรงๆ คือราบไปกับพื้นดิน ตอนนั้นแหละฝนจะหมดแล้ว ใครมีน้ำฝนก็อย่าใช้เสียหมด เก็บไว้กินหน้าแล้งได้แล้ว”

เกวลีสอยดาว จึงเป็นนวนิยายแห่งความทรงจำอีกเรื่องหนึ่ง ที่อ่านด้วยความประทับใจ และได้หวนนึกถึงวันเวลากับความทรงจำที่ผ่านมาในวัยเยาว์ครับ

หมายเหตุ : สำหรับภาพประกอบละคร และโปสเตอร์ภาพยนตร์ นางสาวลูกดก ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากเรื่อง เกวลีสอยดาว (ข้อมูลเพิ่มเติมจากพี่จิตติ จุลพร) ผมนำมาจากเพจ Thai movies database และ Thai Movies Posters ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ครับ

Don`t copy text!