อวนดำ

บรรณาภิรมย์ โดย หมอกมุงเมือง คอลัมน์ที่อ่านเอาขอมอบความรื่นรมย์ให้กับผู้อ่านด้วยภาพปกสวยๆ และเนื้อเรื่องในแบบต่างๆ ของนักเขียนชั้นครูที่เคยผ่านมือ ผ่านตาและผ่านใจ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมรำลึกถึงผลงานของนักเขียนแต่ละท่านให้พอหายคิดถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วเนิ่นนาน ภาพและตัวอักษรจะปรากฏให้เห็นอีกครั้งในยุคของการอ่านออนไลน์

ผมเห็นนามปากกา เอก อัยรา เพียงเรื่องเดียวคือนวนิยายเล่มหนา อวนดำ เรื่องนี้ แต่เมื่อดูจากโปสเตอร์ภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2522 แต่เขียนไว้ว่า ผู้ประพันธ์คือศรีเพชร ทำให้คาดว่า เอก อัยรา คืออีกนามปากกาหนึ่งของศรีเพชร หรือรัตติกรณ์ เจ้าของผลงานนิยายแนวลึกลับอย่าง คุ้งตะเคียน หรือแนวชีวิตอย่าง แม่กลองอย่าร้องไห้ ซึ่งบางทีเอก อัยรา อาจจะเป็นนามปากกาที่ท่านใช้สำหรับการเขียนนิยายในแนวบู๊ แอ็กชั่น ก็เป็นได้ครับ

สำหรับประวัติคร่าวๆ ของท่าน ผมนำมาจากเพจของพี่ปิติ วิริยะ ที่ได้เรียบเรียงไว้ มีรายละเอียดดังนี้ครับ

นายรัตติกรณ์ ทับทิมศรี นักเขียนอาวุโสผู้ล่วงลับ เกิดเมื่อวันอังคารที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2480 ณ จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นบุตรของพ่อนาค-แม่เอื้อง ทับทิมศรี มีพี่น้องรวม 5 คน โดยเป็นบุตรคนที่สี่ของบ้าน

 อดีตในวัยเยาว์ ท่านเคยรับราชการเป็นนักเรียนจ่าทหารเรือ พรรคนาวิกโยธิน และเป็นนักกีฬามวยของกองทัพ โดยสร้างผลงานคว้าชัยมาหลายสนามจนมีชื่อเสียงโด่งดัง ในเวลาต่อมานายรัตติกรณ์ได้ลาออกจากราชการ และผันตัวมาเปิดค่ายมวยกับเพื่อนสนิทที่อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี หลังจากนั้นได้ย้ายเข้าสู่เมืองกรุง ได้ประกอบอาชีพเป็นพนักงานบริษัทเอกชน ก่อนจะมาลงหลักปักฐานในอาชีพนักประพันธ์ในที่สุด โดยมีนามปากกามากมาย เช่น รัตติกรณ์, ศรีเพชร, เริง ภูวรินทร์ ซึ่ง สร้างผลงานนิยายเป็นที่โด่งดัง จนถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์อย่างนับไม่ถ้วน เช่น ไอ้สู้, ตาลเดี่ยว, ใครใหญ่ใครอยู่, ลุยเลอะ, ป่ามหาภัย, คุ้งตะเคียน เป็นต้น

ในบั้นปลายชีวิต ท่านได้อาศัยอยู่กับบุตรชาย ที่บ้านพักในอำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี และด้วยความชราภาพ ท่านได้มีอาการเจ็บป่วยตามวัย จนในเวลาต่อมาในวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 เวลา 22.18 น. ก็ได้จากไปอย่างสงบด้วยอาการปอดติดเชื้อ ณ โรงพยาบาลบางกรวย รวมสิริอายุ 86 ปี

จากคำนำของสำนักพิมพ์ตอนหนึ่ง ได้กล่าวว่า

นวนิยายเรื่อง อวนดำ เป็นเรื่องที่ผู้เขียนได้พยายามเขียนขึ้นอย่างประณีตบรรจง เพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลินและได้นำเอาความดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เสี่ยงชีวิตความเป็นความตาย ปลอมแปลงตัวเป็นลูกทะเล เข้าขจัดกลุ่มอิทธิพลชั่วร้ายที่ใช้การประมงจับปลาบังหน้า แต่เบื้องหลังขนและขายอาวุธให้แก่ผู้ก่อการร้าย และผลสุดท้ายก็ถูกผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ทำลายเสียจนหมดสิ้น ท่ามกลางกลิ่นสาบและกระสุนปืน ที่คลุกเคล้าคาวเลือดของชายชาตรี

นิยายเรื่องนี้เคยตีพิมพ์ในนิตยสารรายสัปดาห์ อาทิตย์ และทำเป็นภาพยนตร์ ระบบ 35 มม. นำแสดงโดยสมบัติ เมทะนี, กรุง ศรีวิไล, อรัญญา นามวงศ์ และธัญญารัตน์ โลหะนันท์ และมีรวมเล่มเป็นฉบับปกอ่อนอีกด้วย ซึ่งผมได้นำมาประกอบ ทั้งฉบับปกแข็งและปกอ่อนไปพร้อมกัน

เรื่องราวใน อวนดำ ใช้ฉากที่ท่ามหาชัย และแถบท่าฉลอม อันเป็นที่รวมเหล่าตังเก ลูกทะเลทั้งหลาย บริเวณที่เรียกว่าสามแยกนมโตแห่งนั้น มีร้านบัวลอยไข่หวานของสาวๆ ที่มาคอยเรียกแขกหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ถึงสามร้าน โดยเฉพาะร้านของสาวต๋อยและต้อย สองพี่น้องที่มีลูกค้ามากเป็นพิเศษ ทำให้บุหลัน แม่ค้าอีกร้านหนึ่งไม่พอใจ เมื่อไอ้เนตร สีนิล ไต๋หนุ่มใหญ่แห่งเรืออวนดำ ‘เหยี่ยวสมุทร’ เสมือนเป็นแขนขวาของเสี่ยชุน ซึ่งมาจีบบุหลันอยู่ มันพร้อมสมุนจึงพร้อมจะเข้ามาจัดการก่อเรื่อง เพราะรู้ดีว่าไม่มีใครกล้าหือ

แต่แล้วชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งก็เข้ามาขัดขวางมันเอาไว้ จนทำให้เสียหน้า สำหรับไอ้หนุ่มคนนั้น เนตรเพิ่งรู้ว่ามันคือไต๋เรือคนใหม่ของเรือทยานชล ของเสี่ยนพคู่ปรับของเสี่ยชุน เจ้านายของมันนั่นเอง

ไอ้หนุ่มหน้าหยกผู้นั้นมีนามว่าลม ตะวันรอน เนตรพยายามแก้หน้าตัวเองที่พ่ายแพ้ โดยนัดท้าให้ลม มาต่อสู้กับมันในวันต่อมา

เหตุการณ์นี้เองทำให้สองสาวน้อยต้อยกับต๋อย ต่างประทับใจและหลงรักไต๋หนุ่มรูปงามคนใหม่ผู้นี้ เช่นเดียวกับบุหลันเองก็ไม่ได้ชอบหน้าอันธพาลอย่างไอ้เนตรนัก เพียงแต่ไม่อาจปฏิเสธมันได้ จึงต้องรักษาไมตรีเอาไว้ แม้ว่าไอ้เนตรจะพยายามรวบหัวรวบหางหล่อน แต่บุหลันก็เอาตัวรอดมาได้ จนกระทั่งได้มาพบกับชายหนุ่มอีกผู้หนึ่งที่เข้ามา

เขามีนามว่าดอน มโนรา หนุ่มร่างใหญ่กำยำรูปหล่อที่เอาชนะอันธพาลในย่านนั้น จนทำให้ไอ้เนตรสนใจ และต้องการให้ดอนมาเป็นสมุนของตน เพื่อจะส่งดอนไปสู้กับลม ตะวันรอน แทนตัวของมันเอง แม้จะไม่พอใจไอ้ดอนสักเท่าไร แต่เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง เนตรจึงรับดอนเข้ามาอยู่ในสังกัด และพาไปฝากฝังก็เสี่ยชุน เจ้านายของมัน ที่มีสาวน้อยหยกเป็นเมียเก็บเสี่ยชุนอยู่

สาวหยกเป็นเมียเก็บมากเสน่ห์อันเย้ายวนของเสี่ยชุนนี่เอง หล่อนติดใจบุคลิกมาดแมนของดอน จนมีความสัมพันธ์สวาทกับเขา ทำให้ดอนได้รู้ว่าเสี่ยชุนมีโกดังเก็บของผิดกฎหมายซ่อนอยู่ด้วย ในขณะที่หยกเองก็ถูกเสี่ยชุนส่งมาเป็นนางนกต่อ เพื่อสืบหาความจริงว่าดอนเป็นตำรวจปลอมตัวมาหรือไม่ เพราะติดมอร์ฟีนที่เสี่ยบังคับให้เสพจนไม่อาจถอนตัว

แต่ด้วยเสน่ห์และลีลาสวาทของดอนนั่นเอง ท้ายที่สุดทำให้หยกหลงชายหนุ่มจนยอมเปลี่ยนข้างมาเข้ากับเขาไปแทน

ต้อยกับต๋อย สองศรีพี่น้อง ต่างลุ่มหลง ลม ตะวันรอน จนมีเรื่องทะเลาะตบตีกันเอง ขณะที่ลมก็เริ่มสนิทสนมกับโนรี กิติพงษ์ ลูกสาวของเสี่ยนพ ผู้เป็นเจ้านาย เขาช่วยเธอจากการถูกกลุ่มของไอ้เนตร ยิ่งทำให้โนรี ประทับใจ และเป็นความผูกพันของสองหนุ่มสาวผู้เป็นนายจ้างและลูกจ้างกัน

หมอดูหนุ่มรูปหล่อ ชื่ออรทัย เดินทางมายังท่ามหาชัยแห่งนี้ และทำให้ต้อยพี่สาวต๋อย ติดใจเสน่ห์หมอหนุ่มเจ้าคารมแทนลม ตะวันรอน ขณะที่ต๋อยก็ตกเป็นของลม ด้วยเสน่ห์ที่ยั่วยวนเขาจนถอนตัวไม่ขึ้น

เรื่อง : อวนดำ

ผู้เขียน : เอก อัยรา

สำนักพิมพ์ : อำนวยสาส์น

ปีที่พิมพ์ : 2518

เล่มเดียวจบ

เรื่องราวใน อวนดำ ดำเนินไปอย่างเข้มข้น ทั้งฉากบู๊สะบั้นหั่นแหลก การหักเหลี่ยมเฉือนคมของสามนายตำรวจ ที่ปลอมตัวมาในคราบลม ตะวันรอน ดอน มโนรา และหมอดูอรทัย งามทุย เพื่อกระชากหน้ากากทรชนของเสี่ยชุนกับสมุนของมัน รวมถึงฉากรักอันวาบหวามกับบรรดาสาวๆ ในเรื่องที่บรรยายอย่างออกรส สมกับเป็นนิยายบู๊รักอันเข้มข้น จนในที่สุดภารกิจสำคัญของตำรวจไทย ก็ประสบความสำเร็จ

สำหรับบทสรุปของนิยายเรื่องนี้ ได้บรรยาผ่านความคิดของ ‘เอก อัยรา’ ผู้เขียน ได้เล่าว่า

ทุกสิ่งทุกอย่างอาจจะปิดลงง่ายดายเกินไป และผมก็รู้ว่าท่านก็ต้องพูดว่า

“เขารู้กันมานานแล้วล่ะ ลุง!”

เอาละครับ เมื่อเรื่องร้ายหมดสิ้นไป ก็ต้องเป็นเรื่องรัก ความจริงผมไม่อยากจะเซดนัก เพราะไงๆ มันก็ต้องแฮปปี้ทั้งนั้นสำหรับพระเอก

แต่ผมก็ต้องขอชมเชยลม ตะวันรอน หรือพันตำรวจตรีนเรศน์ ที่โชคดีกว่าเพื่อน เพราะได้ทั้งโนรีและต๋อย แม่ค้าไข่หวานสามแยกนมโต

ดอน มโนรา หรือพันตำรวจตรีเขตรัฐ ได้บุหลัน สำหรับหมอดูอรทัย งามทุย หรือพันตำรวจตรีสรยุทธ ก็ได้ต้อย

และท้ายที่สุดของเรื่องผู้เขียนได้เขียนส่งท้ายไว้ว่า

ผมต้องขอเทิดทูนตำรวจไทย การเขียนนิยายเรื่องนี้แม้มันจะเป็นเสี้ยวหนึ่ง ที่มีความจริงเจืออยู่บ้าง ผมก็ภูมิใจยิ่ง เพราะความจริงจากการตีแผ่ความสำเร็จในการสืบราชการลับ ตำรวจผู้เก่งกล้าจะเป็นอะไรก็ได้ เขาอาจจะถูกดูถูกเหยียบย่ำในขณะนั้น

แต่ท่านจะต้องปรบมือให้เขา ในบั้นสุดท้าย

จากใจของ เอก อัยรา ครับ

สำหรับนิยายเรื่องนี้ ผมพบว่าผู้เขียนจะแทรกข้อคิดเห็นของท่านเอาไว้ ประกอบในนิยายเรื่องนี้ด้วยเป็นระยะ ทำให้เวลาอ่าน มีความรู้สึกเหมือนกับได้มีส่วนร่วมไปพร้อมกับผู้เขียนด้วย